บทที่ 1. (แตกหัก)
มาเฟียร้ายขังรัก
บทที่ 1. แตกหัก
"นั่นแกจะไปไหน กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะพราวมุก"
"มุกไม่มีอะไรจะคุยกับพ่ออีกแล้ว"
หญิงสาวเจ้าของนามว่าพราวมุกประกาศกร้าว ดวงตากลมใสจดจ้องไปยังผู้เป็นพ่อด้วยแววตาตัดพ้อ แต่ไหนแต่ไรมาแม้เธอจะถูกผู้เป็นพ่อดุบ้าง แต่ไม่มีครั้งไหนรุนแรงเท่าครั้งนี้ พราวมุกรู้ดีว่าวันนี้คงเป็นวันที่เธอต้องแตกหักกับบิดาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และสาเหตุก็มาจากผู้หญิงคนนั้น
ดวงตากลมโตฉายแววรวดร้าว ก่อนที่น้ำตาแห่งความเสียใจจะค่อย ๆ ไหลรินออกมาช้า ๆ ก่อนหน้านี้พ่อคือทุกอย่างของเธอ แต่หลังจากที่แม่ของพราวมุกจากไป พ่อของเธอก็พาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ใบหน้าสวยหวานที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาหันหนีคนเป็นพ่อ มือบางลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ลงไปตามขั้นบันได ขณะนั้นนางบัวแม่บ้านวัยห้าสิบปี ที่ได้ยินการปะทะคารมระหว่างสองพ่อลูก ก็รีบวิ่งออกมาจากห้องครัวด้วยสีหน้าเป็นกังวล
"ฉันบอกให้แกกลับมายังไงล่ะพราวมุก"
"มุกไม่กลับ มุกไม่มีอะไรจะคุยกับพ่อแล้ว"
น้ำเสียงของพราวมุกเต็มไปด้วยความหนักแน่น พร้อมกับก้าวเดินต่อไปด้วยฝีเท้าที่มั่นคง
"แกจะอวดดีกับฉันอย่างนั้นใช่ไหม"
นายอธิปเอ่ยอย่างเดือดดาล ร่างอวบอ้วนปรี่เข้าไปกระชากแขนของบุตรสาวให้หยุดเดิน ขณะที่พราวมุกหันมามองด้วยสายตาผิดหวังระคนโกรธเกลียดอย่างไม่ปิดบัง พร้อมกับสะบัดแขนออกจากมือหนาสุดแรง
"คุณมุก คุณมุกใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ ฟังคุณพ่อก่อน"
นางบัวเห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามาขวางไว้ แววตาของหญิงวัยกลางคนมองหญิงสาวที่ตัวเองเลี้ยงดูมาแต่เล็กแต่น้อยด้วยความเป็นห่วง
"เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมต้องเสียงดังกันขนาดนี้ด้วย"
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะป้าบัว มุกก็แค่จะไปจากบ้านหลังนี้เท่านั้น"
พราวมุกเอ่ยเสียงกร้าวยามเอ่ยคำว่าบ้าน ที่นี่ไม่คู่ควรที่เธอจะเรียกว่าบ้านอีกแล้ว
"ตายจริง เกิดอะไรขึ้นคะ ถ้าไม่อยู่ที่นี่ แล้วคุณมุกจะไปอยู่ที่ไหน?"
นางบัวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน หากแต่ยังไม่ได้คำตอบ เสียงของนายอธิปก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
"ก็มันอวดดียังไงล่ะแม่บัว จองหองขึ้นทุกวัน ขนาดฉันเป็นพ่อมันแท้ ๆ ยังพูดอะไรไม่เคยได้ แถมยังทำตัวเกะกะเกเร พาลไปถึงประภาเขาอีก เขาเป็นเมียฉัน ทำไมแกไม่กรงใจเขาบ้าง ภาเขาไปทำอะไรให้แกนักหนา ถึงได้ไปด่าเขาแบบนั้น แม่บัวเลี้ยงลูกฉันยังไง ทำไมถึงได้โตมาเป็นเด็กก้าวร้าวแบบนี้"
ประโยคหลังนายอธิปหันไปตำหนินางบัวอย่างเอาเรื่อง และนั่นก็ทำให้พราวมุกหันมองคนเป็นพ่อด้วยสายตาไม่พอใจทันที
"อย่ามาว่าป้าบัวนะ คนอย่างมุกไม่ต้องมีใครสอนหรอก มุกอยากด่าใครมุกก็ด่า ยิ่งคนที่หิวเงินและคอยแต่จะสูบเลือดสูบเนื้ออย่างผู้หญิงคนนั้นด้วยแล้ว มุกมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเกรงใจเลยสักนิดเดียว"
"เขาเป็นเมียฉัน ก็เท่ากับว่าเขาเป็นแม่แกนะยายมุก"
"ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แม่ของมุก"
พราวมุกสวนทันควัน ให้ตายยังไงเธอก็ไม่มีทางยอมรับผู้หญิงคนนั้นเป็นแม่ของเธอเด็ดขาด
"พราวมุก"
นายอธิปตวาดบุตรสาวเสียงดันลั่น ร่างอ้วนท้วมสั่นเทาด้วยความโมโห ท่าทางของเขาในยามนี้ดูน่ากลัวนัก ในขณะดวงตาเรียวเล็กจ้องมองพราวมุกอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"ช่างแกเถอะค่ะคุณอธิป ในเมื่อหนูมุกไม่ได้เคารพภา คุณก็อย่าไปฝืนใจแกเลยค่ะ ตอนนี้หนูมุกยังเด็ก เดี๋ยวพอแกโตขึ้น แกก็อาจจะรับได้เอง"
เสียงของประภาดังขึ้น ขณะเดินนวยนาดลงบันไดมาช้า ๆ หากสายตาที่มองมายังพราวมุกนั้น กลับเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยและถากถาง แล้วมีหรือที่คนอย่างพราวมุกจะยอม
"ไม่มีวัน ฉันมีแม่คนเดียว และแม่ของฉันก็เสียไปแล้ว ส่วนคนอื่น..."
เสียงหวานเอ่ยและเงียบไป ก่อนจะใช้หางตาปรายตามองแม่เลี้ยง และเอ่ยประโยคต่อไปออกมา
"ก็เป็นได้แค่ผู้หญิงหน้าด้าน ที่เสนอตัวมาเป็นนางบำเรอเท่านั้น"
จบคำพูดเชือดเฉือนของบุตรสาว นายอธิปก็เงื้อมือขึ้นตบแก้มนวลจนหน้าหัน พราวมุกหันกลับมามองคนเป็นพ่อทั้งน้ำตา ขณะที่นายอธิปลดมือลงพร้อมสีหน้าที่บ่งบอกถึงความรู้สึกผิดที่ตัวเองได้กระทำลงไปเมื่อครู่อย่างชัดเจน
"มุก พ่อ... "
"นี่ใช่ไหมที่พ่อต้องการ"
พราวมุกเอ่ยถามคนเป็นพ่อเสียงเครือ ดวงตากลมใสที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตาฉายแววตัดพ้อ
"เพื่อผู้หญิงคนนี้ พ่อถึงกับตบหน้ามุก เพราะพ่ออยากแสดงให้เขาเห็น ว่าพ่อสามารถควบคุมมุกได้ จากนั้นก็จะบังคับให้มุกคลานเข่าเข้าไปกราบผู้หญิงคนนี้ และเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าแม่อย่างที่พ่อต้องการใช่ไหม"
"มุก พ่อขอโทษ พ่อไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้"
นายอธิปเอ่ยอย่างคนที่รู้สึกผิด แต่พราวมุกไม่สนใจอะไรแล้วในตอนนี้
"แต่พ่อก็ทำไปแล้ว มุกเกลียดพ่อ"
พราวมุกตะโกนใส่หน้าคนเป็นพ่อเสียงดัง ก่อนจะหุนหันเดินลากกระเป๋าผ่านประตูห้องโถงของบ้านไปอีกครั้ง
"คุณมุกอย่าไปนะคะ อย่าไปเลยค่ะ ป้าขอร้อง"
นางบัวตามมาห้ามพราวมุกไว้ด้วยความเป็นห่วง ขณะที่บิดาของหญิงสาวยังยืนอยู่ที่เดิม พร้อมกับกำมือแน่น แล้วเอ่ยทัดทานบุตรสาวอีกครั้ง
"หยุดอยู่ตรงนั้นนะพราวมุก"
หากแต่หญิงสาวยังคงลากกระเป๋าเดินต่อไป ไม่สนใจใยดีต่อน้ำเสียงเชิงบังคับนั่น
"ถ้าแกก้าวเท้าออกจากบ้านหลังนี้ไปแม้แต่ก้าวเดียวล่ะก็ แกกับฉันขาดกัน"
ร่างบางหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าประตู ก่อนจะค่อย ๆ หันกลับไปมองคนเป็นพ่ออีกครั้ง แววตาของพราวมุกในยามนี้เต็มไปด้วยความเสียใจและผิดหวัง แต่กลับไม่มีความหวาดกลัวต่อคำพูดของนายอธิปเลยแม้แต่น้อย ใบหน้างามเชิดขึ้นอย่างถือดี พร้อมทั้งรวบรวมความเข้มแข้งก่อนเอื้อนเอ่ยถ้อยคำตัดขาดออกไป
"ลาก่อนค่ะ คุณอธิป"