มาเฟียร้ายขังรัก
บทที่ 2. ความหลัง
ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำก้าวเดินเข้ามาในห้องพักส่วนตัว ร่างสูงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้บุหนังสีดำชั้นดี ก่อนที่มือหนาจะหยิบกล่องกำมะหยี่ออกมาจากลิ้นชักโต๊ะไม้แหวนเพชรเม็ดงามอยู่ในระดับสายตาที่ฉายแววเศร้าหมองทุกครั้งที่เห็นมัน
ภาพวันวานที่นักรบไม่เคยลืมผุดขึ้นมาในความทรงจำ วันนั้นแฟนสาวของเขาอยู่ในชุดเดรสสีหวาน ลำคอระหงมีสร้อยเพชรราคาแพงที่ชายหนุ่มไม่เคยเห็นมันมาก่อน ใบหน้าสวยงดงามถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางชั้นดีบางเบา หากแต่สิ่งที่สวยงามภายนอกนั้นยังไม่สร้างความแปลกใจให้กับนักรบเท่ากับสีหน้าและแววตาของคนรักที่ทำให้เขารู้สึกได้ว่า มีบางอย่างไม่เหมือนเดิม
ร่างสูงของนักรบนั่งรออยู่ตรงโต๊ะไม้หน้าบ้านของรินรดา และอดที่จะแปลกใจไม่ได้กับท่าทางที่เปลี่ยนไปของเธอ เรียวปากหนาส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเหมือนเช่นทุกครั้ง ทั้งที่ภายในใจกำลังร้อนรุ่มราวกับมีใครเอาไฟมาสุม
"รดา ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ"
นักรบเอ่ยขึ้นเป็นประโยคแรก พร้อมกับยื่นมือไปกุมมือของหญิงสาวคนรักไว้อย่างที่เคยทำมาตลอด หากแต่คราวนี้ไม่เหมือนเดิม เพราะรินรดาค่อย ๆ ชักมือกลับอย่างไว้ท่าที
"บังเอิญจังค่ะ รดาก็มีเรื่องจะคุยกับคุณเหมือนกัน"
"ถ้าอย่างนั้น คุณพูดก่อนก็ได้"
นักรบให้โอกาสคนรักได้พูดก่อน เพราะคิดว่า สิ่งที่เขากำลังจะพูดนั้น มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และเรื่องที่ว่านั้น ก็คือการขอหญิงสาวแต่งงาน
"เราเลิกกันเถอะค่ะรบ"
เสียงที่ถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากสวย ส่งผลให้รอยยิ้มละมุนจางหายไปจากใบหน้าคมอย่างรวดเร็ว มือที่กำลังล้วงหยิบแหวนเพชรในกระเป๋าเสื้อสูทหยุดชะงักทันที
"อะไรนะ..."
รินรดาถอนหายใจออกมาเล็กน้อย คล้ายกำลังรู้สึกเบื่อหน่าย และค่อย ๆ เอ่ยคำพูดที่ทำร้ายความรู้สึกคนฟังออกมาอีกครั้ง
"รดาบอกว่า เราเลิกกันเถอะค่ะ รดาอยากเลิกกับคุณ"
"เลิก..."
นักรบทวนคำพูดของลินรดาอีกครั้งด้วยความรู้สึกโหวงในใจ แม้จะเป็นคำพูดสั้น ๆ แต่มีอนุภาพทำลายล้างสูง จนทำให้สมองของเขาคิดวนเวียนอยู่แต่คำ ๆ นี้
"ผมทำอะไรผิด?"
นักรบเค้นเสียงถามออกไปอย่างยากลำบาก
"คุณไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกค่ะ รดาผิดเอง รดานอกใจคุณไปคบกับคนอื่นแล้ว รดากำลังจะแต่งงานกับเขาอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ลืมรดาเถอะนะ คุณเป็นคนดี รดาเชื่อว่าในอนาคต คุณต้องเจอคนที่ดีกว่ารดาแน่นอนค่ะ"
คำพูดของหญิงสาวที่กลายเป็นอดีตคนรักค่อย ๆ จางหายไป หากแต่ความเจ็บปวดยังคงครอบงำชายหนุ่มมาจนถึงทุกวันนี้ ในหัวใจของเขายังคงพร่ำย้ำเตือนว่าไม่ต้องการใคร และไม่คิดมีใครเข้ามาแทนที่ เขาต้องการเธอเพียงผู้เดียว
_______________________________
5 ปี ผ่านไป
ผับแห่งหนึ่งที่อยู่ทางเหนือของประเทศ
เสียงดนตรีดังกระหึ่มไปทั่วท่ามกลางแสงไฟหลากสี บรรดานักท่องเที่ยวราตรีทั้งหญิงและชายต่างสะบัดตัวโยกย้ายไปตามจังหวะเพลงอย่างเมามัน ภายในผับชื้อดังแห่งหนึ่งมนตัวจังหวัดเชียงใหม่ ดีเจหน้าตาหล่อเหลาแต่งตัวแนวฮิบฮ็อปพูดปลุกเร้าแทรกกับเสียงเพลงเป็นระยะ ขณะที่สาวสวยในชุดบางเบาน้อยชิ้นกำลังวาดลวดลายอยู่บนเวทีด้วยท่วงท่ายั่วยวนชาย
ดวงตาคู่สวยทอดมองบรรยากาศครึกครื้นตรงหน้าอย่างนึกเบื่อหน่าย แต่ก็ต้องจำทนทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่นี่ต่อไปเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูตัวเอง การก้าวเท้าออกจากบ้านในวันนั้น อาจดูเหมือนเป็นการคิดผิดสำหรับเด็กสาวอายุสิบแปดปี แต่สำหรับพราวมุก เธอคิดว่าเธอตัดสินใจถูกแล้ว
เธอไม่ต้องทนให้คนเป็นพ่อมาบงการชีวิตของเธออีก รวมไปถึงไม่ต้องทนมองแม่เลี้ยงใจทรามที่จ้องแต่จะสูบเงินนั่นด้วย เงินเก็บที่เป็นเพียงมรดกก้อนเดียวของมารดาจึงถูกรำเอามาใช้เป็นค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของหญิงสาวจนกรพทั่งเธอจบการศึกษา แต่ในเมื่อยังหางานทำที่ตรงกับสาขาที่เล่าเรียนมาไม่ได้ อาชีพเด็กเสิร์ฟตามผับตามบาร์ในยามค่ำคืนจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
_______________________
ภายในห้องพักสุดหรูของโรมแรมระดับห้าดาว ร่างสองร่างกำลังแสดงบทรักบนเตียงกว้างอย่างเร่าร้อน ริมฝีปากหยักหนาบดขยี้กับเรียวปากสวยรุนแรงและนุ่มนวลสลับกัน ไม่สนใจแม้เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นติดต่อกันหลายต่อหลายครั้ง เสียงครวญครางอย่างสุขสมดังออกมาจากปากของฝ่ายหญิงเป็นระยะ จนกระทั่งมีเสียงรบกวนดังขึ้นจากด้านนอกของประตู
"นายสิงห์ครับ นายใหญ่โทรมาครับ"
เสียงเคาะประตูเงียบหายไป จากนั้นเสียงของลูกน้องก็ดังขึ้นมาแทน
"ไปบอกมัน ว่าฉันกำลังยุ่ง"
นายสิงห์ที่กำลังถูกเรียกตะโกนตอบโต้อย่างหัวเสีย ก่อนจะโน้มใบหน้าลงซุกไซ้ปลายจมูกไปตามลำคอระหงนวลเนียนอีกครั้ง หากแต่ลูกน้องยังไม่ละความพยายาม และสาเหตุก็มาจากอีกคนที่ถือสายรออยู่
"นายใหญ่ฝากบอกว่า เขาทราบพิกัดที่อยู่ของนายสิงห์ และถ้านายสิงห์ไม่รีบรับสายภายหนึ่งนาที นายใหญ่จะส่งสินค้าตัวใหม่มาให้ทดลองอานุภาพของมันครับ"
"ไอ้เวรเอ๊ย!"
สิงหาสบถออกมาอย่างหัวเสีย ร่างสูงที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรงสวยงามผละออกจากคู่ควงคนล่าสุดทันที ขณะที่หญิงสาวที่อยู่ใต้ร่างเมื่อครู่นี้มีสีหน้าบึ้งตึง ที่ตัวเองถูกปล่อยให้ค้างเติ่งแบบนี้ ร่างสูงเดินไปคว้าเสื้อคลุมมาสวม ก่อนจะเดินทำหน้าเซ็งไปคว้าโทรศัพท์จากลูกน้องมาแนบหู
"มีอะไรนักหนาวะ กูกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ทำไมชอบขัดจังหวะซะจริง"
เสียงห้วนห้าวบ่นอย่างไม่พอใจ ทำให้นักรบที่กำลังนั่งพิงเก้าอี้ทำงานต้องยกยิ้มขึ้นตรงมุมปาก
"กูใช้ให้มึงไปคุยเรื่องงานแล้วรีบโทรมาบอก ไม่ใช่ให้มึงเงียบหายไปคู่ขาแบบนี้ ดีเท่าไหร่แล้วที่กูไม่ประกาศออกสื่อว่าหุ้นส่วนหายสาปสูญไป"
"มึงกำลังพูดกับใคร ราชสีห์แห่งวงการค้าอาวุธ ฉายานี้กูได้มาเพราะฝีปาก ไม่ใช่เพราะโชคช่วยนะ ส่วนสาว ๆ มันก็ต้องมีบ้าง มึงจะให้กูหมกตัวอยู่ในเกาะแบบมึงรึไง เฉาตายกันพอดี พูดก็พูดเถอะนะ เรื่องมึงกับแฟนเก่ามึง มันก็ผ่านมาตั้งห้าปีแล้ว ทำไมมึงไม่หาใคร... เฮ้ย! ไอ้รบ ตัดสายกันเลยเหรอวะ"
สิงหากรอกตาขึ้นมองบน ก่อนจะโยนโทรศัพท์ให้กับลูกน้องที่แทบจะรับไม่ทัน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหน แต่เพื่อนของเขาคนนี้ก็ยังเอาแต่จมปลักอยู่กับอดีตที่ไม่มีวันหวนคืน เป็นเสียแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่หมอนั่นถึงจะตัดใจได้สักที