บทที่ 3 ต้องการแย่งชิงวาสนา

1504 คำ
“ไปเก็บผักแค่นี้ใช้เวลาตั้งครึ่งค่อนวัน พอแต่งงานเข้าตระกูลหยางไปแล้ว หวังว่าแกจะไม่ทำให้บ้านหว่านขายขี้หน้าไปทั้งบ้านหรอกนะ” ย่าหว่านพูดด้วยอารมณ์โมโห หญิงชราผู้นี้ยังขุ่นเคืองไม่หาย ตอนแรกไม่รู้ว่าใครต้องการมาสู่ขอหลานสาวไร้ประโยชน์คนนี้ แต่พอรู้ว่าเป็นถึงตระกูลท่านนายพลเลยขอเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเป็นหว่านหมี่ลี่หลานสาวคนโปรด แต่ทว่าฝ่ายของท่านนายพลหยางไม่ยอม อีกทั้งหลานชายคนโตจากบ้านรองก็ไม่เห็นด้วย และไม่ยอมให้เปลี่ยนตัวเจ้าสาว ทำให้หญิงชราผู้นี้ไม่พอใจหลานชายและหลานสาวจากบ้านรองยิ่งกว่าที่เคยเป็น “ฉะ…ฉันมัวแต่เก็บผักจนลืมดูเวลาค่ะย่า ฉันขอโทษค่ะ” หว่านซูฉีก้มหน้าก้มตาเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ท่าทางของเธอเวลานี้ไม่ต่างกับลูกกวางที่กำลังเผชิญหน้ากับหมาป่า “ไป ๆ ไปให้พ้นหน้าฉัน เห็นหน้าแกแล้วช่างเสียสายตานัก อย่าลืมไปให้อาหารไก่ด้วยล่ะ” ย่าหว่านพูดจบก็เดินเข้าบ้านทันที เธอแทบจะไม่สนใจหลานสาวคนนี้อีกเลย ภายใต้ท่าทางหวาดกลัวและการก้มหน้าก้มตาของหญิงสาว เธอกลับซุกซ่อนสายตาที่ดุดันเอาไว้ เวลานี้หว่านซูฉีรอเพียงถึงวันที่เธอแต่งงานเท่านั้น เพราะทุกคนจะได้หลุดพ้นจากที่นี่เสียที ความจริงแล้วหว่านซูฉีตั้งใจว่าอีกสักปีจะให้พี่ชายขอทำเรื่องแยกบ้านและพากันเข้าไปอยู่ในเมือง แต่ในเมื่อมีการแต่งงานเข้ามาพอดี จึงถือว่านี่เป็นโอกาสที่เหมาะสมในการพาทุกคนเข้าไปอยู่ในเมือง เมื่อผู้เป็นย่าเดินจากไปแล้ว หว่านซูฉีจึงเดินไปยังคอกไก่ด้วยท่าทางหวาดกลัว นี่จึงทำให้ชาวบ้านผู้พบเห็นต่างก็ส่ายหน้าอย่างเวทนา ที่บ้านหว่านรักลูกหลานไม่เท่ากัน ไม่ว่าใครจะมีสายตาแบบไหนส่งมาให้ หว่านซูฉีเลือกที่จะปล่อยผ่านเพราะเธอต้องการให้มันเป็นแบบนี้ จะได้ไม่มีใครรู้ว่านายหญิงซู หญิงปริศนาผู้ร่ำรวยและมีอิทธิพลจนใครหลายคนควานหาตัว คือหว่านซูฉี หญิงสาวอ่อนแอผู้นี้ “ย่าคะ ทำไมให้ซูฉีแต่งงานกับท่านผู้พันล่ะ เป็นฉันไม่ได้หรือคะ” หญิงสาวหน้าตาสวยนามว่าหว่านหมี่ลี่ เอ่ยขึ้นมาอย่างกระเง้ากระงอดกับผู้เป็นย่า เธอไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่ได้เป็นคุณนายของท่านผู้พันถึงไม่ใช่ตนเองแต่กลับเป็นหว่านซูฉีเสียได้ ย่าหว่านเหลือบสายตามองหลานสาวเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยท่าทางไม่พอใจเช่นกัน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ทีไร ก็อดที่จะขุ่นเคืองใจไม่ได้ “คิดหรือว่าฉันอยากให้นางเด็กไร้ประโยชน์นั่นไปเป็นคุณนายท่านผู้พัน วันนั้นก็น่าจะเห็นแล้วท่านนายพลปฏิเสธเสียงแข็งที่จะเปลี่ยนตัวเจ้าสาว แบบนี้แล้วแกจะให้ฉันทำอย่างไร ลองตอบฉันมาซิ” หญิงชรากล่าวออกมาอย่างฉุนเฉียว ไม่ใช่เธอไม่คิดแต่เธอพูดกับท่านนายพลแล้วในวันที่มาสู่ขอ เพียงแต่ฝ่ายนั้นไม่ยอมและเจ้าหลานชายตัวดีจากบ้านรองดันไม่สนับสนุนการเปลี่ยนตัวเจ้าสาว การสู่ขอในครั้งนั้นจึงเป็นการสู่ขอขอนางเด็กซูฉีไปเป็นภรรยาให้ท่านผู้พัน เรื่องนี้ทำให้ย่าหว่านแค้นใจจนแทบกระอักเลือด ไม่คิดไม่ฝันว่าหลานชังจะได้ดีกว่าหลานรัก “วันแต่งงานก็ใกล้เข้ามาแล้ว เราไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรอก” ย่าหว่านกล่าวขึ้นมาคล้ายกับทำใจได้แล้ว วาสนาในครั้งนี้คงไม่พ้นเป็นของหว่านซูฉีหลานสาวจากบ้านรอง แต่ไม่ว่าเจ้าสาวในครั้งนี้จะเป็นใคร อย่างน้อยก็ทำให้บ้านหว่านมีหน้ามีตาขึ้นจากเดิม เนื่องจากบ้านหว่านได้เกี่ยวดองกับตระกูลของท่านนายพลหยาง “แล้วย่าไม่อยากได้สินสอดทั้งหมดหรืออย่างไร ถ้าหากเป็นฉันที่ได้แต่งงาน ฉันไม่ยึดสินสอดพวกนั้นไว้เป็นของตัวเองแน่ แม้ว่าพี่ใหญ่จะแต่งงานแล้วและทำงานในต่างเมือง แต่ย่าไม่คิดบ้างหรือว่าวันหนึ่งพี่ใหญ่จะมีหลานชายอวบอ้วนให้บ้านหว่านของเรา ย่าอย่าลืมสิคะว่าบ้านของพี่สะใภ้มีฐานะแค่ไหน อีกทั้งวันนั้นท่านนายพลบอกแล้วนี่ว่าอสังหาฯ และที่ดินจะมอบให้ในวันแต่งงาน และกรรมสิทธิ์จะเป็นชื่อของซูฉีทั้งหมด ถ้าเช่นนั้นบ้านหว่านจะไม่ได้อะไรเลย นอกจากได้เกี่ยวดองกับตระกูลของท่านนายพล ย่าคิดว่าคุ้มหรือไม่ล่ะคะ” หว่านหมี่ลี่พยายามโน้มน้าวผู้เป็นย่าให้เปลี่ยนใจ เพื่อขอเปลี่ยนเจ้าสาวเป็นเธออีกครั้ง ย่าหว่านย่อมมีความละโมบในใจอยู่แล้วเมื่อคิดถึงสิ่งที่ควรจะได้ เพียงแต่ครั้งนี้เธอไม่อาจทำอะไรได้มากนัก เนื่องจากสามีได้พูดจาเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่าเจ้าสาวคือหว่านซูฉีไม่ใช่หว่านหมี่ลี่ “ต่อให้ฉันอยากให้แกแต่งเข้าตระกูลของท่านนายพล แต่แล้วยังไง ในเมื่อเวลานี้ทุกอย่างตระเตรียมไว้หมดแล้ว นี่ก็อีกไม่ถึงครึ่งเดือนนางเด็กซูฉีก็ต้องเข้าพิธีแต่งงานแล้ว ทำใจเสียเถอะ วาสนาครั้งนี้ไม่ใช่ของแก” “แต่หากฉันได้แต่งกับท่านผู้พัน นอกจากฉันจะสบาย พวกเราทุกคนก็จะสบายไปด้วยนะย่า ย่าคิดหรือว่าซูฉีจะหยิบยื่นเงินมาให้บ้านหว่าน นางนั่นโง่และอ่อนแอเสียขนาดนั้น แต่งเข้าไปมีแต่จะโอนอ่อนตามบ้านสามี ย่าไม่อยากนั่งกินนอนกินหรืออย่างไร หากฉันได้เป็นคุณนายผู้พัน ย่าจะได้สบายไปด้วยอย่างไรล่ะ” หว่านหมี่ลี่รู้นิสัยย่าของตนเองดี จึงพยายามพูดจาหว่านล้อมทุกวิถีทาง เพื่อที่จะให้ตนเองได้แต่งเข้าตระกูลหยางและเป็นภรรยาท่านผู้พันอย่างที่หวัง เธอพยายามหาข่าวของผู้พันหยาง แม้เขาจะอายุสามสิบแล้วแต่หน้าตายังหล่อเหลาไม่น้อย อีกทั้งไม่มีบ้านเล็กบ้านน้อยมาคอยกวนใจ และที่สำคัญเขาไม่เคยแต่งงานมาก่อน ผู้ชายที่เพียบพร้อมขนาดนี้ เธอไม่มีวันปล่อยให้กับนางโง่ซูฉีเด็ดขาด ไม่มีวัน !! “แล้วแกมีวิธีหรือไง อีกทั้งปู่ของแกก็ตัดสินใจไปแล้ว วันนั้นไม่ใช่ฉันไม่โต้แย้ง แต่ทางฝ่ายนั้นอ้างถึงการตอบแทนบุญคุณให้กับเจ้าใหญ่ของบ้านรอง ฉันเลยทำอะไรไม่ได้” เมื่อหลานสาวสุดที่รักหว่านล้อมหนักเข้าย่าหว่านจึงเริ่มคล้อยตาม ทว่าปัญหามันติดตรงที่จะทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนตัวเจ้าสาวได้ต่างหากล่ะ “ฉันมีแผนนะย่า ถ้าก่อนวันแต่งงานไม่มีซูฉี หรือชื่อเสียงซูฉีด่างพร้อยไปแล้ว ย่าคิดว่าท่านนายพลจะยอมรับลูกสะใภ้เช่นนั้นไหมล่ะ คราวนี้ละเราขอเปลี่ยนตัวเจ้าสาวมาเป็นฉันได้ไม่ยาก” หว่านหมี่ลี่กระหยิ่มใจไม่น้อยเมื่อคิดถึงแผนการและนึกถึงวันที่ตนเองได้แต่งงานกับท่านผู้พัน “นั่นสิคะแม่ ถ้าหมี่ลี่ของเราได้เป็นคุณนายท่านผู้พัน ต่อไปใครจะกล้าทำอะไรบ้านเราอีก แต่ถ้าเป็นซูฉี แม่ย่อมรู้ดีว่าเธอโง่และอ่อนแอแค่ไหน หากบ้านหว่านเกิดเรื่องอะไรขึ้น หลานสาวของพวกเราคนนี้คงไม่ออกหน้าช่วยเหลือแน่นอน” สะใภ้ใหญ่ของบ้านอย่างปี้เจียวรีบเดินเข้ามาเมื่อได้ยินบทสนทนาของลูกสาวที่กำลังกล่าวกับแม่สามี เมื่อสองเสียงต่างพูดประสานไปในทิศทางเดียวกัน หญิงชราจึงเริ่มทิ้งน้ำหนักไปกับคำพูดสองแม่ลูกไม่น้อย “เอาเถอะ อยากทำอะไรก็ทำ แต่อย่าให้ปู่แกรู้ก็แล้วกัน ฉันไม่อยากมีปัญหากับตาแก่” ย่าหว่านตอบกลับหลานสาว เรื่องนี้เธอจะหลับตาข้างหนึ่งก็แล้วกัน เมื่อได้รับคำยืนยันจากหญิงชราตรงหน้า สองแม่ลูกจึงสบตากันด้วยความดีใจ จากนั้นหว่านหมี่ลี่จึงเล่าแผนการของตนเองให้ผู้เป็นย่าฟัง โดยไม่รู้ว่าเวลานี้หว่านซูฉีเดินเข้ามาแล้ว และหยุดแอบฟังบทสนทนาของทั้งสามโดยไม่มีคำใดตกหล่น ‘คิดจะทำลายชื่อเสียงฉันหรือหมี่ลี่ ก่อนหน้านี้ฉันยังคิดว่าเราเป็นญาติกัน ฉันเลยไม่ทำอะไร แต่เมื่อเธอคิดร้ายกับฉันก่อน จะหาว่าซูฉีคนนี้ร้ายกลับไม่ได้นะ’ หว่านซูฉีแสยะยิ้มมุมปากด้วยความเย็นชาเล็กน้อย ก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางอื่น เพื่อไปพบใครบางคน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม