บทที่ 14 ความหวังสุดท้ายของหมี่ลี่

1643 คำ
ด้านหว่านหมี่ลี่ แม้เวลานี้ว่าสิ่งที่คิดและวาดหวังนั้นไม่เหลืออีกแล้ว เธอจึงดูเหงาและซึมจนผู้เป็นแม่อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ “แกยังตัดใจไม่ได้อีกหรือ แม่ว่าเรื่องนี้พวกเราควรจะเงียบ ๆ เข้าไว้ อีกอย่างท่านผู้พันลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะไม่ขอเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเด็ดขาด แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง” แม้ว่าอยากจะส่งลูกสาวแต่งเข้าตระกูลหยางมากแค่ไหนก็ตาม แต่ทว่าเวลานี้เธอไม่ยอมที่จะให้ตนเองต้องเสี่ยงอันตรายแน่นอน ดูแล้วผู้พันหยางคนนี้คงไม่ยอมให้ใครมาตลบหลังอีกแน่ “แล้วยังไงคะแม่ ถ้าไม่มีนังซูฉี ยังไงฉันก็ต้องได้แต่งงานกับท่านผู้พันแน่นอน” แม้ว่าผู้เป็นแม่จะไม่เห็นด้วย แต่หว่านหมี่ลี่คิดว่าเธอนั้นถอยหลังไม่ได้อีกแล้ว ยิ่งเห็นหน้าท่านผู้พันหยาง ก็ยิ่งทำให้เธออยากแต่งเข้าตระกูลหยางวันนี้พรุ่งนี้เสียด้วยซ้ำ ไม่ว่าต้องทำวิธีใดเธอก็จะทำ และไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อนกับเรื่องนี้ เมื่อพูดในสิ่งที่ควรพูดหมดแล้ว ก็หวังว่าลูกสาวจะเข้าใจ ปี้เจียวจึงเดินออกมาเพื่อไปทำอย่างอื่น ส่วนทางด้านคฤหาสน์ตระกูลหยางตอนนี้แทบจะร้อนเป็นไฟ เพราะสองป้าหลานรู้ว่าหยางซีห่าวนั้นพบเจอกับหว่านซูฉีแล้ว “นี่ลูกจะไปไหนอาห่าว ไม่กินอะไรก่อนหรือ” ท่านนายพลเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าลูกชายเตรียมตัวเหมือนกำลังจะออกจากบ้าน ทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันหยุดของหยางซีห่าว “ไม่ละครับพ่อ ผมนัดกับฉีเอ๋อร์ไว้ ขอตัวก่อนนะครับ” ชายหนุ่มตอบกลับพ่อของตน แต่พอเอ่ยถึงว่าที่เจ้าสาว ใบหน้าของเขามีแววอ่อนโยนขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงวีรกรรมของเธอ นี่จึงสร้างความแปลกใจให้กับนายพลหยางยิ่งนัก ที่เห็นลูกชายมีอาการแบบนี้ให้เห็น แต่กลับสร้างความอิจฉาและแค้นใจให้กับเพ่ยจี ที่มีความเกลียดชังหว่านซูฉีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว “ถึงกับเรียกฉีเอ๋อร์เลยหรือคะพี่ซีห่าว นี่ขนาดยังไม่แต่งงานกันนะ หากแต่งกันแล้วพี่คงไม่ตามใจหล่อนจนคนในบ้านเดือดร้อนหรอกใช่ไหมคะ” เพ่ยจีอดที่จะสอดในเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ทว่าหลังจากพูดประโยคนี้ หญิงสาวก็เจอเข้ากับสายตาเย็นชาของหยางซีห่าวส่งกลับมา พร้อมกับประโยคที่เธอแทบอยากจะร้องกรี๊ดออกมา “ผมไม่เคยมีน้องสาว เท่าที่ผมจำได้ผมเป็นลูกคนเดียวของแม่ ดังนั้นแค่คนที่มาอาศัยบ้านหลังนี้ไม่ควรที่จะเรียกผมอย่างสนิทสนม ช่วยเรียกผมว่าผู้พันตามตำแหน่งผมด้วย” คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของหยางซีห่าวเป็นการตบหน้าสองป้าหลานได้อย่างดี คนเป็นป้าได้แต่มองสามีของตนเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ทว่าท่านนายพลหยางกลับไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ และหันมาพูดคุยถึงเรื่องของลูกสะใภ้กับลูกชายต่อ “ดูท่าลูกจะถูกใจว่าที่ภรรยาคนนี้ยิ่งนัก ใบหน้าที่มักจะเย็นชาและไม่สนอะไรของแกกลับมีความอ่อนโยนขึ้นโดยที่ลูกก็อาจจะไม่รู้ตัว” คนเป็นพ่อเช่นเขามีหรือที่จะไม่รู้ว่าลูกชายตนเองเป็นคนอย่างไร แสดงว่าการที่ลูกชายไปพบกับว่าที่ลูกสะใภ้ในครั้งนี้ เจ้าตัวดีเกิดสนใจว่าที่ภรรยาเข้าแล้วสินะ “ยิ่งกว่าสนใจอีกครับพ่อ เธออาจจะเป็นคนที่ผมกำลังตามหามานานแล้วก็ได้ แต่พ่ออย่าลืมนะครับว่าสะใภ้คนนี้ผมเป็นคนหามาด้วยตัวเอง แล้วผมจะไม่พอใจเธอได้ยังไงล่ะครับ” หยางซีห่าวตอบกลับผู้เป็นพ่อ บ่งบอกว่าเขานั้นพอใจว่าที่ภรรยาของตนเองยิ่งนัก นี่จึงทำให้นายพลหยางพยักหน้าเห็นชอบ และหวังว่าสะใภ้คนนี้เมื่อแต่งเข้ามา จะทำให้ลูกชายของตนมีรอยยิ้มมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่ประมุขของบ้านจะปรายตามองภรรยาและหลานสาวของเธอด้วยความไม่พอใจ “ส่วนคุณ เมื่อภรรยาของอาห่าวแต่งเข้ามาแล้ว ก็อย่าสร้างความลำบากใจให้ลูกสะใภ้ผม ไม่อย่างนั้นก็เก็บข้าวของกลับบ้านเดิมพร้อมหลานสาวได้เลย แล้วอย่าลืมว่าต่อไปคนที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลแทนผมก็คืออาห่าวและสะใภ้” เมื่อเจอคำพูดนี้ของสามี จิงหลันจึงยิ้มเจื่อน ๆ พร้อมกับพยักหน้ารับ ทว่าสองมือที่อยู่บนตักกลับกำแน่นด้วยความโกรธ ในใจของคุณนายเช่นเธอนั้น วาดหวังให้หลานสาวของเธอได้แต่งเข้ามาเป็นนายหญิงน้อยของตระกูลหยาง แต่ไม่คิดว่าสิ่งที่หวังกลับพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี เมื่อหยางซีห่าวต้องการแต่งงานกับหญิงสาวชาวบ้าน ที่เป็นเพียงเด็กจากครอบครัวชาวนาเท่านั้น แต่ไม่ว่าอย่างไร เรื่องนี้เธอยังไม่หมดหวังเสียทีเดียว เนื่องจากรู้มาว่าหญิงสาวที่ชื่อหว่านซูฉีนั้นเป็นคนอ่อนแอและขี้ขลาด ไม่แน่ว่าเมื่อแต่งเข้ามาอาจจะกำจัดได้โดยง่าย และดันหลานสาวของเธอขึ้นมาแทน โดยที่จิงหลันไม่รู้เลยว่าหว่านซูฉีนั้นไม่ใช่คนที่จะต่อกรด้วยได้ แต่เป็นเธอและหลานสาวที่จะโดนจัดการเสียเอง ส่วนทางด้านหว่านหมี่ลี่ เมื่อคุยกับผู้เป็นแม่แล้ว ในใจของเธอก็ยังไม่ยอมรับ และคิดจะจัดการโดยการขู่เข็ญหว่านซูฉีเพื่อให้ถอนตัวจากการเป็นเจ้าสาวในครั้งนี้ จึงได้เดินมาหาที่บ้านจื่อหานด้วยตัวเอง ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น เนื่องจากประตูรั้วไม่ได้ใส่กุญแจไว้ หว่านหมี่ลี่เลยถือวิสาสะเดินเข้ามาจนถึงประตูด้านใน หว่านซูฉีนั้นคิดว่าหยางซีห่าวมาถึงแล้วจึงได้เดินออกมาเปิดประตู แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงต้องเสแสร้งเป็นคนอ่อนแอเพื่อตบตาคนตรงหน้า “พะ…พี่ พี่สาวหมี่ลี่ มาทำไมคะ” ใบหน้าของหว่านซูฉีก้มลงเพื่อบดบังสายตาของตนเอง เวลานี้ท่าทางของเธอไม่ต่างจากคนที่กำลังหวาดกลัว นี่จึงทำให้หมี่ลี่ยิ้มอย่างพอใจ คิดว่าหว่านซูฉีนั้นกลัวตนเองจริง ๆ “แกจะกลับมาอีกทำไม มาเพื่อทำลายวาสนาฉันหรือ คนอย่างแกไม่เหมาะที่จะเป็นคุณนายท่านผู้พันหรอกนะ” เมื่อเข้ามาในบ้านได้ หว่านหมี่ลี่จึงเอ่ยขึ้นมาด้วยความอัดอั้นผสมความเกลียดชังคนตรงหน้า ใบหน้าที่ก้มอยู่ฉายประกายความโหดเหี้ยมเล็กน้อย พร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะพยายามปรับน้ำเสียงตนเอง “พี่ไม่ให้ฉันกลับบ้าน แล้วพี่จะให้ฉันไปไหนล่ะ ที่บ้านมีทั้งพี่ใหญ่ พี่สะใภ้ และพี่จื่อหาน ฉันต้องกลับบ้านสิ” เมื่อตอบคำพวกนี้แล้ว หญิงสาวอย่างหว่านซูฉีจึงเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับแววตาใสซื่อ นี่จึงทำให้หว่านหมี่ลี่แทบอยากจะพุ่งตัวเข้าไปทำร้ายหว่านซูฉีให้ตายคามือ “นี่แกโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่ ฉันต้องการให้แกหายไปจากที่นี่ซะ ฉันจะขอเงินจากแม่ให้แกไปเริ่มต้นใหม่ที่อื่น หรือแกจะไปเที่ยวต่างเมืองก็ได้ แต่แกห้ามกลับมาที่นี่เป็นอันขาด หรือไม่แกก็ตายไปเหมือนพ่อแม่ของแก อยู่ไปก็น่ารำคาญ” หว่านหมี่ลี่ไม่รู้เลยว่าประโยคสุดท้ายของตนเองนั้นจุดประกายความโหดเหี้ยมที่เธอไม่เคยเห็นของหว่านซูฉีออกมา ใบหน้างดงามของหว่านซูฉีเงยขึ้นอีกครั้ง แผ่นหลังเหยียดตรง พร้อมกับมีความโหดเหี้ยมทางสายตา และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาจนอีกฝ่ายรู้สึกกลัว “มันไม่ดีเลยนะหมี่ลี่ การที่พูดถึงพ่อแม่ฉันที่ตายไปแล้วแบบนี้ หรือว่าเธออยากจะไปรับใช้พ่อกับแม่ฉันที่สวรรค์ล่ะ” ร่างของเธอเดินเข้าหาหว่านหมี่ลี่อย่างช้า ๆ จนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกลัว และถอยหลังหนีจนชิดกำแพง “ถอยไปนังซูฉี นี่หล่อนบ้าไปแล้วหรือ ฉันบอกให้ออกไปไง ที่ผ่านมานี้แกแกล้งใช่ไหม ทำให้ทุกคนเห็นว่าแกหวาดกลัวและอ่อนแอขี้โรค” หว่านหมี่ลี่ไม่คิดมาก่อนว่า ที่ผ่านมานั้นอีกฝ่ายจะแกล้งทำเป็นหวาดกลัว และแกล้งอ่อนแอให้ทุกคนได้เห็น จนทุกคนในหมู่บ้านเชื่อ “เปล่าเลยหมี่ลี่ ฉันไม่เคยแกล้ง แต่ทุกคนคิดไปเองไม่ใช่หรือว่าฉันขี้ขลาดและอ่อนแอ แต่มันก็ดีสำหรับฉัน เพราะทุกคนไม่มีใครมาสนใจฉันเลยไม่ว่าฉันจะทำอะไรหรือไปที่ไหน หรือแม้แต่ฉันจะฆ่าเธอตอนนี้ก็คงจะไม่มีใครสนใจ และไม่มีใครคิดว่าเป็นฉัน” หว่านซูฉีตอบกลับ พร้อมกับมองอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ ในใจนั้นคิดว่าต้องทำให้อีกฝ่ายสำนึกเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นแล้วอีกฝ่ายคงจะมาตามราวีกันไม่จบสิ้น ถึงแม้ว่าหมี่ลี่จะรู้ว่าตนเองเป็นใคร หว่านซูฉีก็ไม่คิดที่จะกลัว เพราะเธอเชื่อว่าสิ่งที่เธอมีทำให้หมี่ลี่ปิดปากเงียบได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม