“คุณเค้กจะไปไหนครับ?”
คนกำลังจะแยกตัวกลับออฟฟิศถึงกับสะดุ้ง เมื่อเสียงนุ่มทุ้มดังอยู่เบื้องหน้า มีสายตาของทุกคนมองมา
“เข้าออฟฟิศค่ะ”
“ไม่ไป Farewell Party เหรอครับ?” คนตัวใหญ่มองมาด้วยสายตาแปลกๆ
“เอ่อ...พอดีต้องเตรียมตัวออกเซลตอนบ่ายค่ะ เดี๋ยวกลับมาเย็นๆ จะเข้าไปลาพี่วดีกับคุณลีพร้อมคนในฝ่ายจัดเลี้ยงเองค่ะ”
“พี่ไม่อยู่ถึงเย็นนะจ๊ะน้องเค้ก ปาร์ตี้เสร็จก็จะขึ้นมาเก็บของในออฟฟิศ เสร็จก็กลับเลย พี่โอนงานเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว”
“อ้าว” คนสวยยืนหน้าเสียนิดๆ
“สงสัยน้องเค้กจะห่วงงานมากค่ะคุณคิว” ลีลาวดีหันไปหาเจ้าของโรงแรมคนใหม่
“ผมดีใจจังเลยครับ ที่ได้ผู้จัดการขยันขนาดนี้ แต่ผมว่าเรื่องออกเซลเอาไว้ก่อนดีกว่านะครับคุณเค้ก วันนี้ส่งคุณลีกับคุณวดีก่อน ไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันเรื่องงานครับ เชิญครับ ผมเริ่มหิวแล้ว อยากชิมอาหารที่นี่เร็วๆ ครับ”
“ค่ะ”
นัดดากรจำต้องเดินตามขบวนไป ด้วยท่าทีไม่ใคร่จะสบายใจนัก ยิ่งเจ้าของคนใหม่หยุดยืนแล้วหันมาหาเธอ ส่งสายตาบอกเป็นนัย ว่าให้เดินเร็วๆ และเดินไปพร้อมกันยิ่งสร้างความว้าวุ่นใจมากขึ้น
“นั่นใช่ดอกรดาวดีหรือเปล่าครับคุณเค้ก?”
ระหว่างเดินไป เขาก็หันมาหา แล้วปรายตาออกไปยังสนามด้านนอกอาคาร มีต้นลีลาวดีปลูกไว้เป็นสิบๆ ต้น หรือจะเรียกว่าเป็นร้อยต้น หากจะนับที่ปลูกไว้ทั้งพื้นที่ ซึ่งนั่นคือที่มาของชื่อโรงแรม
“คะ?”
นัดดากรถึงกับเท้าชะงัก เพราะคิดว่าเขาไม่มีทางเอ่ยชื่อต้นไม้ชนิดนี้ผิดอย่างแน่นอน มันน่าจะเป็นความจงใจมากกว่า
“ต้นลีลาวดีค่ะคุณคิว ไม่ใช่รดาวดี ไปจำสับกับสาวไหนหรือเปล่าคะ?” ลีลาวดีเอ่ยยิ้มๆ ทำเอาหลายคนยิ้มเช่นกัน
“ผมไม่ได้คบใครครับ เลยไม่มีทางจำสับสนแน่นอน ผมอาจจะจำชื่อต้นไม้ผิดเองครับ แต่ความจริง ผมชอบชื่อรดาวดีมากกว่านะครับ เพราะติดตรึงใจดีครับ หรือว่าไงครับคุณเค้ก?”
หลังปาร์ตี้เลี้ยงส่งเจ้าของเก่าแบบไม่เป็นทางการ ในห้องอาหารลีลาวดี ซึ่งขายอาหารไทยและอาหารนานาชาติ หรือจะเรียกว่าเป็นห้องอาหารใหญ่ของโรงแรมก็ได้ เพราะแขกทั้งหมดจะมากินอาหารเช้าที่นี่ นัดดากรกับผู้จัดการฝ่ายต่างๆ ไปส่งเจ้านายเก่าถึงรถ รวมทั้งเจ้าของโรงแรมใหม่ก็ไปด้วยเช่นกัน
“บ่ายนี้ผมขอเปลี่ยนมาเป็น Meeting กับฝ่าย F&B นะครับ พอดีคุณเด่นชัยมีธุระด่วนต้องไปจัดการแทนผม เลยต้องเลื่อนฝ่าย Front ไปเป็นพรุ่งนี้เช้า”
จู่ๆ วรวัชรก็เอ่ยขึ้น หลังจากรถเจ้าของโรงแรมเก่าขับลับตาไปแล้ว ทั้งที่วางแผนงานไว้ว่าบ่ายโมง จะประชุมกับฝ่ายฟร้อนต์ออฟฟิศ พรุ่งนี้ถึงจะเป็นคิวของแผนกอาหารและเครื่องดื่ม นั่นทำให้นัดดากรเกิดอาการร้อนๆ หนาวๆ ไปด้วย เพราะไม่รู้ว่าฝ่ายจัดเลี้ยงจะต้องเข้าประชุมด้วยหรือไม่
“ไม่น่าหรอกมั้งแก เขาคงเรียกแต่ระดับ Head เท่านั้นล่ะ ส่วนพวกปลายแถวอย่างแก ก็กลับไปเคลียร์งานได้เลย หรือไม่ก็เตรียมหาทางหนีทีไล่ไว้เลย”
ได้แต่สงสัยและคาดเดาไว้เท่านั้น และใจก็เริ่มชื้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเจ้าของใหม่เดินนำหน้าทุกคนกลับไปทางเข้าออฟฟิศ ซึ่งจัดไว้ที่ชั้นสามของตึก
“คุณเค้กก็เข้าประชุมด้วยนะครับ” ดีใจได้ไม่ทันถึงห้านาที เจ้าของใบหน้าสวย ที่แต่งแต้มอย่างประณีตลงตัว และให้ออกมาเป็นธรรมชาติเหมือนไม่ได้แต่งนั้น ก็เกิดอาหารเซ็งขึ้นมาทันที
“บ่ายโมงครึ่งนะครับ ที่ห้องเดิม แล้วเจอกันครับ”
ทุกคนมองตามเจ้าของส่วนสูงร้อยเก้าสิบสาม เดินแยกไปยังห้องทำงานของลีฮุง ที่นั่งในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป รับผิดชอบงานทุกฝ่าย ติดๆ กันและมีประตูขั้นกลางไว้ตรงผนัง เป็นห้องของลีลาวดี ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป จะรับผิดชอบงานด้านอาหารและเครื่องดื่มกับฝ่ายจัดเลี้ยงเป็นหลัก
“เป็นไงบ้างแก? ไหงทำหน้าเหมือนเห็นผีทั้งป่าช้าเลยล่ะ มีข่าวไม่ดีเหรอวะ?”
ไปถึงออฟฟิศ หย่อนบั้นท้ายงอนงามลงเก้าอี้ได้ไม่ถึงสองวิ รุ่งฤดีเจ้าเดิมก็กระซิบถาม เพราะนั่งอยู่คอกตรงข้ามกันพอดี
“เฮ้อ”
ไม่รู้จะอธิบายให้เพื่อนเข้าใจยังไงดี เพราะอะไรๆ ก็ยังคลุมเครือไปหมด แถมอาจจะเป็นการเข้าใจผิดของตัวเองฝ่ายเดียวด้วยก็ได้
“ถอนหายใจทำไมวะแก? มีอะไรก็ว่ามาสิ”
“ไว้เลิกงานแล้วจะมอยให้ฟังละกัน ตอนนี้มีเวลาเหลือแค่สิบนาที ขอเตรียมตัวเข้าประชุมก่อน ปวดฉี่จะแย่ละ ฉันยังไม่กล้าหนีไปเข้าห้องน้ำเลย ไม่รู้จะถูกถามถูกซักอะไรบ้าง”
“เอ่อๆๆ”
“น้องเค้กจะไปหรือยังครับ?”
นัดดากรกับรุ่งฤดีหันไปหาเจ้าของเสียง ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบงานด้าน Sales Government เป็นหลัก ที่มายืนเอามือเกาะพาร์ทิชันอยู่ใกล้ๆ โต๊ะ ในมือก็มีแก้วกาแฟแบบเก็บความเย็นไว้สองใบ
“พี่ซื้อมาเผื่อครับ กลัวน้องเค้กขับรถแล้วจะง่วง เมื่อกี้อาหารอร่อย พวกเราก็กินเยอะด้วย ถ้าไม่ได้แก้วนี้ช่วยแย่แน่ๆ ครับ”
ยังไม่ทันที่นัดดากรจะได้ตอบอะไร เขาก็ยื่นแก้วมีโลโก้สีเขียวๆ ติดไว้ บ่งบอกว่าเป็นของแพง
“เค้กไม่ได้ออกค่ะวันนี้”
“ทำไมล่ะครับ งานในออฟฟิศเยอะเหรอครับ หรือว่ามีลูกค้าจะมาดูห้องครับ?”
ตอนหลายๆ คนไปส่งเจ้าของเก่านั้น พชรพลไม่ได้ตามไปด้วย เพราะต้องรีบแยกมาเตรียมตัวออกข้างนอก เลยไม่รู้ว่าเจ้านายใหม่ เปลี่ยนแผนงานจากที่แจ้งไว้ในห้องประชุม พอนัดดากรบอกไป เขาเลยทำหน้าจ๋อยนิดหนึ่ง
“พี่ก็กำลังดีใจ คิดว่าลูกค้าคนสุดท้ายของเราจะอยู่ตึกเดียวกัน ขากลับจะได้กลับพร้อมกันหน่อย แต่ไม่เป็นไรครับ เอาไว้จิบตอนประชุมก็ได้ครับ พี่ให้รดีซื้อมาแล้ว ไม่กินเสียของแย่เลยครับ”
ต่อให้สาวสวยปฏิเสธยังไง ผู้จัดการฝ่ายขายก็ตื๊ออยู่ดี
“เดี๋ยวในห้องประชุมก็มีกาแฟเสิร์ฟค่ะ พี่เต้ยเอาไว้ทั้งสองแก้วนั่นล่ะค่ะ เผื่อง่วงหนักๆ แก้วเดียวไม่พอหรอกค่ะ”
นัดดากรพยายามจะไม่รับของจากอีกฝ่าย เพราะไม่อยากให้ความหวังใดๆ เหมือนทุกครั้งที่เคยปฏิเสธมา