“สองแก้ว พี่ได้หลับตีห้าพอดีครับ น้องเค้กเอาไว้นั่นล่ะครับ ในห้องประชุมก็ไม่ต้องรับกาแฟสิครับ กาแฟโรงแรมจะอร่อยสู้แก้วนี้ได้ยังไงครับ” คนอยากให้กาแฟใช้มือป้องปากแล้วพูดเบาๆ ตรงประโยคหลัง
“พี่ไปนะครับ ไว้เจอกันตอนเย็นๆ ครับ”
ต่อให้อีกฝ่ายไม่รับ แต่พชรพลก็ยัดเยียดให้ ด้วยการคว้ามือบางมาแล้วส่งแก้วให้อยู่ดี และก็เป็นแบบนี้มาตลอด ทำเอาคนในออฟฟิศต่างหันมองเป็นตาเดียวกัน เพราะคอกกั้นสูงแค่ระดับเอว สามารถมองเห็นได้หมด
รวมทั้งยลรดี ซึ่งเป็นเลขาของฝ่ายขายด้วย ในใจนั้นก็เคืองเจ้านายสุดๆ ที่ชอบสั่งให้ตัวเองไปซื้อนั่นนี่มาให้ แล้วยังเผื่อไปให้สาวอื่นอีก ทั้งที่ตัวเองก็แทบจะทอดสะพานให้อยู่แล้ว แต่เขากลับไม่สน
“เค้กๆ เจ้านายใหม่ให้ตามเข้าประชุมได้แล้ว”
รุ่งฤดีเพิ่งวางสายภายในที่ดังขึ้น พชรพลถึงได้รีบผละไป และนั่นทำเอานัดดากรถอนหายใจด้วยอาการโล่งอก เพราะไม่ชอบการขายขนมจีบแบบโจ่งแจ้งของอีกฝ่ายเลย มันไม่ได้ส่งผลดีอะไรให้ แถมยังจะส่งผลเสียด้วยการถูกคนในออฟฟิศมองไม่ดีอีก พวกเลขากับผู้จัดการฝ่ายขายห้องพักที่เป็นหญิง คือกลุ่มต้นๆ ที่ดูเหมือนจะแสดงออกอย่างไม่ปิดบังว่าไม่ชอบเธอ
“ฝากสายด้วยนะแก ไปล่ะ”
นัดดากรหอบไอแพดกับเอกสารอื่นๆ ไว้กับอก แล้วรีบผละไปทันที โดยไม่ได้สนใจกับกาแฟแก้วนั้นเลย เดาได้ว่าเพื่อนรักก็คงจะจัดการแทนเหมือนทุกครั้ง
“นาฬิกาเสียเหรอครับ?”
พอเข้าไปในห้องประชุม ก็เห็นคนนั่งหัวโต๊ะจ้องมาหา ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกว่ารู้สึกยังไง แต่ไม่มีคำว่า Happy รวมอยู่ในนั้นแน่นอน
“ขอโทษค่ะ พอดีเตรียมเอกสารอยู่ค่ะ เลยมาช้า เอ่อ...”
นัดดากรหยุดพูดแล้วรีบดูนาฬิกาข้อมือ
“แค่สองนาทีค่ะ”
ก็เห็นว่าไม่ได้สายอะไรมากมาย ขนาดเขาต้องมองมาด้วยใบหน้าเรียบตึงด้วย
“กฎข้อแรกของผมคือ การตรงต่อเวลาครับ จะช้านาทีหรือสองนาที ผมก็ถือว่ามาช้า ถ้าไม่มีเหตุผลดีพอมาลบล้าง เช่นมัวโอ้เอ้ คุยกับคนนั้นคนนี้อยู่ ผมถือว่าไม่ให้เกียรติผม ฝากทุกคนจำข้อนี้ไว้ด้วยก็แล้วกันนะครับ”
“ครับ”
ทุกคนในห้องประชุม อันประกอบด้วย วีระ ผู้จัดการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่ม กับผู้ช่วยผู้จัดการร้านอาหารต่างๆ คือห้องกาสะลอง ซึ่งขายอาหารไทยแท้สี่ภาค ผู้ช่วยผู้จัดการห้องอาหารญี่ปุ่นชื่อซากุระ ผู้ช่วยผู้จัดการอาหารจีนชื่อโบตั๋น และผู้ช่วยผู้จัดการห้องอาหารไทยกับนานาชาติชื่อลีลาวดี ต่างรับคำเสียงเบาไปตามๆ กัน
ส่วนนัดดากรนั้นแค่เงียบ เพราะรู้ว่าตัวเองผิดเต็มๆ ในใจก็เคืองพชรพลไปด้วยที่มาเซ้าซี้ไม่เลิก แต่อีกใจก็เคืองเจ้านายใหม่ไปด้วย สายแค่สองนาที ถึงขนาดต้องตำหนิติติงต่อหน้าคนอื่นอีก
ดีหน่อยที่ในห้องนี้มีเธอเป็นผู้หญิงคนเดียว ถ้ามียัยยลรดีเลขาของฝ่ายขาย กับพิมลภัส ที่อยู่ฝ่ายขาย อยู่ด้วยคงจะเที่ยวเอาไปโพนทะนาข้างนอกแน่ๆ และถ้ายิ่งได้รวมยัยลิสหรืออลิสาเข้าไปด้วย ก็ยิ่งจะเป็นเรื่องใหญ่ไปอีก
อลิสานั้นเป็นเพื่อนร่วมคณะกับเธอตอนเรียนมหาวิทยาลัย แล้วดันได้มาทำงานที่นี่ ในตำแหน่ง Sales Co-ordinator อลิสานั้นเหมือนเป็นคู่อริหรือจะเรียกว่าไม้เบื่อไม้เมากับเธอและรุ่งฤดี ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งจนถึงตอนนี้ก็ไม่ผิด เพราะอลิสานั้นหน้าตาดีในระดับหนึ่ง แต่ถ้าเทียบกับเธอคืออีกฝ่ายแพ้ราบคาบ
“สวยตรงไหน หน้าอย่างนั้น ฉันสวยกว่าจมเลย”
แต่อลิสาไม่เคยยอมรับในจุดนี้ และพยายามแต่งหน้า แต่งตัวให้ดูดีตลอดเวลา เรียกว่าวันไหนที่เธอไปเรียนแบบไม่ได้แต่งอะไรมากมาย อลิสาก็พอสู้ได้ แต่เมื่อไหร่ที่เธอจัดเต็ม เหมือนตอนไปงานวันเกิดเพื่อนชื่อปรัชชาหรือโป้ง ต้องใช้คำว่าถีบอลิสาจนตกขอบเวทีเลยเชียว และคืนนั้นเธอก็กำชัยชนะให้เพื่อนในกลุ่มได้ภาคภูมิใจสำเร็จ
ทำเอาอลิสาแค้นไม่น้อย จากที่เรียนๆ ด้วยกันก็ไม่ค่อยจะคุยดีเท่าไหร่ พอมาได้งานที่เดียวกันเข้าไปอีก มันทำให้เธอเกิดอาการเบื่อเอามากๆ เพราะไม่ได้อยากมีอริในที่ทำงานนัก และอลิสาก็ทำให้เธอเป็นคนไม่ดีในสายตาพวกสาวๆ ฝ่ายขาย ด้วยการเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้ตอนสมัยเรียน มาเล่าให้คนในแผนกฟังในแบบเสียๆ หายๆ
รวมทั้งเรื่องที่เธอเปลี่ยนชื่อกับนามสกุลใหม่ อลิสาก็ไม่ละเว้น เรียกว่าเอามาพูดในเชิงที่เธอใช้นามสกุลใหม่ของสามี แล้วถือโอกาสเปลี่ยนชื่อไปด้วย และอะไรต่อมิอะไรอีกหลายเรื่อง
แต่เธอก็เลี่ยงที่จะไม่ยุ่ง ใครถามก็ไม่ตอบ และไม่เอาเรื่องทางบ้านมาเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด นอกจากรุ่งฤดีคนเดียว ที่รู้ทุกอย่างและช่วยปิดบังมาตลอด
“ผัวไม่ปลื้มชื่อเดิมหรือไงเค้ก ถึงต้องเปลี่ยน หรือว่าอยากจะชุบตัวแล้วหาผัวใหม่ล่ะ?”
อลิสาถึงขนาดถามแบบนี้ เมื่อเวลาได้อยู่ด้วยกันตามลำพังหรือเกือบจะตามลำพัง เพราะยังมีรุ่งฤดีกับปรัชชาอยู่ด้วย
“เหตุผลส่วนตัว และฉันไม่ชอบให้ใครมาถาม เข้าใจตรงกันนะ”
และเธอก็มักจะตอบแบบนี้ออกไปตลอด แล้วรีบเดินหนี หรือไม่ก็เอาเรื่องงานมาคุย เพื่อกลบความอยากรู้อยากเห็นของอลิสา นานวันเข้า เรื่องนี้ก็ไม่มีใครอยากรู้หรือมาถามเธออีก
แต่อลิสาก็ยังหาเรื่องนั้นเรื่องนี้ มานินทาเธอให้คนในฝ่ายฟังอีกเรื่อยๆ มีแต่เรื่องในทางลบแทบทั้งนั้น และนั่นก็ถูกอกถูกใจพวกมนุษย์ป้าอย่างยลรดีที่แอบปลื้มพชรพลอยู่เงียบๆ กับพิมลภัสก็ชอบพชรพลเช่นกัน แต่รายนี้ไม่เงียบ
เพราะถือว่าหน้าสวย ถึงจะอายุเลยเลขสามมาบ้างแล้ว ก็ยังน่ามองไม่น้อยอยู่ ทางบ้านรวย ไม่แคร์ใคร พอใจใครก็บอกตรงๆ ไม่พอใจหรือไม่ชอบก็แสดงออกเลย มันทำให้เธอทำงานด้วยยากเอามากๆ แต่ก็พยายามอดทนมาจนถึงทุกวันนี้
คิดๆ แล้วเธอก็เสียใจอยู่ไม่น้อย ที่ไม่น่าจะเชื่อรุ่นพี่ ที่มาทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายขายอยู่ก่อนไม่นาน แล้วมาสมัครงานที่นี่เลย จะโทษรุ่นพี่ก็ไม่ได้ เพราะหวังดีแท้ๆ เพียงแค่รู้ว่าโรงแรมกำลังเปิดรับพนักงานเยอะ เลยโทรชวนรุ่นน้องที่กำลังหางานอยู่มาสมัครทันที