“จริงเหรอแก?”
“ก็เออน่ะสิ ฉันได้ยินพี่ๆ ผจก. พากันร้อนๆ หนาวๆ ไปตามๆ กัน เพราะข่าวว่าเจ้าของใหม่เขี้ยวมาก ไม่พอใจไล่ออกสถานเดียวเลย”
โชคดีที่เมื่อคืนเพื่อนคาบข่าวมาบอก ก็เลยรู้ก่อน เช้านี้จึงแต่งกายสุภาพกว่าวันอื่นๆ บวกกับวันจันทร์ก็มักจะเริ่มต้นด้วยบรรยากาศในออฟฟิศค่อนข้างเคร่งเครียดและเป็นทางการมาก่อนอยู่เป็นประจำแล้ว
รถญี่ปุ่นที่เพิ่งผ่อนไปได้ไม่ถึงสิบงวด ถูกเจ้าของขับผ่านประตูโรงแรม LeeLaaVa-D Hotel & Spa Bangkok เข้าไปจอดใต้อาคารในเวลาเจ็ดโมงตรง เพราะบ้านกับที่ทำงานอยู่ไม่ไกลมาก ยิ่งถ้ารถไม่ติดด้วยแล้ว ยิ่งทำเวลาได้ดี
รองเท้าแตะราคาแพงหน่อยถูกเลือกมาสวมใส่ แทนรองเท้าแตะคู่ละไม่ถึงร้อยตอนใช้ขับรถ กระเป๋าสะพายหนังสีดำใบเล็ก ถูกคว้าไปคล้องบ่า แล้วรีบออกเดินลัดเลาะไปยังทางเข้าของพนักงาน ถึงจะได้อภิสิทธิ์คือไม่ต้องตอกบัตร และไม่ต้องใช้ช่องทางนี้ได้ แต่ก็ไม่อยากเดินผ่านล็อบบี ซึ่งอาจจะมีแขกในขณะที่ตัวเองยังใส่รองเท้าแตะอยู่
“อะ! หิ้วมาเผื่อ เขาว่าของเหลือจากงานเลี้ยงเมื่อคืน”
รุ่งฤดีเอาเค้กส้มวางไว้บนโต๊ะทำงานเพื่อน ที่เพิ่งเดินมาถึง พร้อมกาแฟดำหอมกรุ่น ที่เพิ่งไปชงมาจากแพนทรี แล้วก็รีบหย่อนบั้นท้ายที่มีกระโปรงสั้นระดับต้นขาหุ้มไว้ ลงไปหาโต๊ะทำงานเพื่อน
“Thank you จ้ะเพื่อนเลิฟ”
นัดดากรยิ้มให้เพื่อน มือหนึ่งเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ อีกมือคนกาแฟ ตาก็มองเค้กชิ้นโต ที่จะอนุญาตให้ตัวเองกินได้คือตอนเช้าเท่านั้น เพราะมีเวลาอีกหลายชั่วโมงให้ร่างกายเผาผลาญ แต่ถ้าเพื่อนหิ้วมาให้ตอนเย็น ต่อให้อร่อยแค่ไหน เธอก็จะไม่มีวันแตะ ก็กลัวเอวเอสจะหาย เลยท่องไว้จนขึ้นใจว่าห้ามกินอะไรหลังห้าโมงเย็นไปแล้ว
“กองไว้ตรงนั้นเหอะย่ะ นี่ๆ”
รุ่งฤดีสะกิดเพื่อน ให้มองไปทางห้องเจ้านาย ที่เมื่อคืนได้ขายโรงแรมไปแล้ว แต่ก็ยังเห็นเข้ามาทำงานตามปกติ
“พี่วดีกับคุณลียังมาทำงานเหมือนเดิมว่ะแก”
“ไม่มา แล้วจะให้เขาไปไหนล่ะแกก็?”
นัดดากรหันไปมองห้องเจ้านายครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาหาเค้กกับกาแฟหอมๆ เพราะปกติจะกินข้าวมาจากบ้านบ้างคำสองคำ บางทีก็กินจนอิ่ม แต่จะมาจิบกาแฟที่ออฟฟิศกับเพื่อนๆ พี่ๆ แล้วแลกข่าวเมาส์มอยต่างๆ นานากันเป็นประจำ เพราะมีเวลาก่อนจะเริ่มงานจริงๆ เกือบชั่วโมง หัวข้อในวันนี้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นการขายโรงแรมแบบรวดเร็วประหนึ่งห้าจี
หลายคนบอกว่าดีใจ เพราะคิดว่าเจ้าของใหม่น่าจะมีกำลังเงินมากพอ ที่จะทำให้กิจการเดินต่อไป แต่หลายคนก็เกรงกลัวว่าจะเจอคนเขี้ยว ตระหนี่ แล้วไล่บี้พนักงานให้เร่งทำกำไร หรือไม่ก็อาจจะปลดคนออกอีกก็ได้ ถ้าเป็นแบบนี้จริง นัดดากรก็เตรียมใจสำหรับงานที่จะต้องมากขึ้นแน่ๆ แต่ก็หวังว่า คงจะไม่ไล่เลขาฝ่ายจัดเลี้ยงอย่างรุ่งฤดีเพื่อนเธอนะ ไม่งั้นคงได้ทำทุกอย่างคนเดียวหมดแน่ ตั้งแต่ขาย กระจายงาน และทำอื่นๆ อีกเพียบ
“แล้วถ้าเขาไล่แกออกล่ะ ตายโหงแล้ว งานงอกแน่ๆ ภาระเพียบเลยเค้กเอ๊ย”
ใกล้ๆ สิบโมงหลังจากเคลียร์งานส่งให้รุ่งฤดี และประสานงานกับกัปตันฝ่ายจัดเลี้ยงชั้นล่างเสร็จแล้ว นัดดากรก็รีบขึ้นออฟฟิศ เพื่อเตรียมงานส่วนอื่นๆ และนัดหมายว่าที่ลูกค้า ช่วงบ่ายก็จะออกไปพบ แต่ก็ต้องเดินเลี้ยวเข้าห้องน้ำก่อน กลับออกมา ด้วยความรีบ ทำให้เดินชนวัตถุอะไรบางอย่างที่ใหญ่ จนกายแบบบางถึงกับถลาไป เหตุเพราะใส่ส้นสูงสามนิ้ว แล้วก็ไม่ได้ระวังตัวเองสักเท่าไหร่
“โอ๊ย...”
ตกใจจนอุทาน ขณะกำลังจะเสียการทรงตัวนั้น ก็พบว่าตัวเองสามารถกลับมายืนได้เกือบปกติ เพียงแค่มือบางเกาะอะไรบางอย่างไว้เพื่อช่วยพยุงตัวเองอีกที พอเงยหน้าขึ้นไปมองวัตถุที่ช่วยไม่ให้ล้ม ก็แทบจะลมจับ
“คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ?”
เสียงนุ่มๆ ทุ้มๆ กับลมหายใจเป่ารดใบหน้าขาว พร้อมเครื่องหน้าสมบูรณ์แบบและลงตัวอยู่นั้น ทำเอาหัวใจจะหยุดเต้น ต่อให้ไม่เจอกันอีกสักห้าสิบปี หรือสิบปี หรือเป็นชาติ แต่หล่อขั้นเทพแบบนี้ มีหรือคนอย่างนัดดากรจะจำไม่ได้
“ไม่ค่ะ”
ส่งเสียงแผ่วเบา แล้วรีบดึงมือที่เกาะแขน ที่มีสูทผ้าเนื้อดีหุ้มไว้ออกทันที สองเท้าก็ถอยกรูดห่างเขาไป
“เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ?” อีกครั้งที่ได้ยินเสียงนุ่มๆ ทุ้มๆ ส่งมาหา
“ไม่ค่ะ”
ตอบแบบไม่คิดสักนิด และไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาอีก แถมกำลังจะก้าวหนี ถ้าไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครเดินตรงมา
“อยู่นี่เองเหรอคะคุณวรวัชร เราก็ตามหาซะทั่วเลย โทรหาก็ไม่รับสายค่ะ”
เจ้าของโรงแรมนามลีลาวดี เอ่ยเสียงใส ขณะเดินมาพร้อมลีฮุง ผู้เป็นสามีชาวจีน
“ผมมาเข้าห้องน้ำครับ แล้วก็ไม่ได้เอามือถือมา และถ้าคุณลีลาวดีไม่ว่าอะไร กรุณาเรียกผมคิวก็ได้ครับ”
เจ้าของชื่อเอ่ยเสียงนุ่มๆ นัดดากรยกมือไหว้เจ้านายทั้งสองตามปกติ ที่เคยทำเมื่อเจอหน้ากัน แล้วเตรียมตัวจะกลับเข้าออฟฟิศ
“ได้ค่ะ ถ้าคุณจะเรียกวดีเฉยๆ เหมือนกัน”
“ไม่มีปัญหาครับคุณวดี”
“แล้วนั่นน้องเค้กจะรีบไปไหนจ๊ะ? รู้จักคุณคิวไว้ก่อนสิจ๊ะ นี่น่ะเจ้าของโรงแรมคนใหม่นะ ความจริงพี่ว่าจะบอกตอนประชุมเสร็จ แต่บอกเค้กก่อนคนอื่นแล้วกัน แล้วก็อย่าเพิ่งไปบอกใครนะจ๊ะ”
ลีลาวดีมีสีหน้าที่สดชื่นขึ้น กว่าวันศุกร์ที่แล้วในความคิดของนัดดากร เดาว่าน่าจะโล่งใจ ที่ไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายอันมากโขของโรงแรมอีกแล้ว
“นี่น้องเค้กค่ะ เป็น Banquest Manager ของเรา คนนี้ขายเก่งมากค่ะ ลูกค้าติดทุกรายค่ะ วดีเลยต้องดึงตัวไว้ช่วยงานไม่ยอมปล่อยไปไหนค่ะ”
เจ้าเดิมสาธยายเสียงเจื้อยแจ้ว ส่วนผู้จัดการฝ่ายจัดเลี้ยงก็ยกมือไหว้คนตัวสูง ที่มีฐานะเป็นเจ้านายคนใหม่ไปโดยปริยาย
“จะเป็นได้สักกี่วันกันเชียว ไม่แน่อาจจะไม่ถึงวันด้วยซ้ำ น่าจะเป็นรายชั่วโมงมากกว่า งานเข้าแล้วล่ะเค้กเอ๊ย เตรียมหางานใหม่ได้เลย”
นัดดากรเกิดอาการเซ็งไม่น้อย หากจะต้องเปลี่ยนงานใหม่ เพราะอะไรๆ เริ่มจะลงตัว แถมก็ไม่ได้ไกลบ้านสักเท่าไหร่ ช่วงยังไม่เปิดโรงแรมอย่างเป็นทางการก็ได้หยุดเสาร์อาทิตย์ด้วย ต่อให้เงินเดือนน้อย แต่ก็สบายใจ