8

1611 คำ
เวลาของนรกที่เธอรู้ว่ามันทรมานเจียนตายได้มาถึงอีกแล้ว เธอกังวล เธอกลัว หวาดหวั่น และสุดท้ายก็สิ้นหวังเมื่อเข้าใจว่าตัวเองเป็นโรคร้ายอย่างที่เขาบอกจริงๆ ดีไม่ดีเธออาจจะท้อง เพราะเขาปลดปล่อยในตัวเธอครั้งแล้วครั้งเล่าจนเธอไม่มีสติจะครองตัวอยู่อีกต่อไปแล้ว… “คราวนี้หนักเลยครับ” สีหน้าของลูกน้องทั้งสองของเพื่อนรัก ทำให้หมอหนุ่มต้องรีบเข้าไปในบ้านเป็นการด่วน ภาพที่เห็นทำให้เขาแทบอยากจับเพื่อนมาหักคอ “เขายังไม่ตาย ยังหายใจอยู่” เควินพูดหน้าตาเฉย “ไอ้บ้า แกซาดิสม์กับเขาขนาดนี้เลยเหรอ” รุจน์รีบตรงเข้าไปยังเตียงคนป่วยที่นอนหน้าซีดเผือด ตามเนื้อตัวมีแต่ร่องรอยโหดร้าย ก่อนจะรีบตรวจอาการอย่างห่วงใย “แกอย่าพูดมาก รีบตรวจๆ ฉีดยา จัดยาอะไรมา แล้วก็ไปๆ ซะ” “ไอ้บ้า แกเห็นไหมว่าเขาอาการไม่ดี ต้องพาเขาไปโรงพยาบาลนะโว้ย ให้น้ำเกลือ แล้วก็ฉีดยา” รุจน์วางอุปกรณ์แล้วบอกเพื่อนอย่างใจเย็นมากที่สุด “แกเป็นหมอ แกให้น้ำเกลือได้ แกฉีดยาได้” “แต่มันไม่เหมือนโรงพยาบาล ที่โน่นปลอดเชื้อ” “ถ้าแกไม่จัดการที่บ้าน แกก็กลับไปซะ” “ไอ้เคน!” รุจน์เรียกเพื่อนเสียงดังอย่างอ่อนใจ เควินหน้านิ่งยืนยันกระต่ายขาเดียวว่าไม่ให้หญิงสาวออกไปจากบ้านหลังนี้เด็ดขาด ลำบากรุจน์ต้องจัดการกลับไปเอาอุปกรณ์เพิ่ม และต้องมาให้น้ำเกลือหญิงสาวที่นี่พร้อมกับฉีดยาให้ “ก็แค่นั้น แกทำได้ แล้วยังจะมาอิดออด” เควินกอดอกมองการรักษาของเพื่อนอย่างพึงพอใจ “ถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นมา แกจะต้องเสียใจได้เคน” รุจน์กระแทกลมหายใจใส่เพื่อน สางผมที่ยุ่งเหยิงอย่างหัวเสีย “ถ้าหล่อนจะตาย ก็ช่วยไม่ได้ อยากชิงตายไปซะก่อน” “แกเป็นไปได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ” รุจน์ไม่อยากจะเชื่อ เควินไม่ตอบแต่เดินไปจุดบุหรี่สูบที่ริมหน้าต่างห้อง รุจน์ไม่ไว้ใจเพื่อนอีกเขาจึงยังไม่ไปไหน “ฉันจะอยู่ดูแลเขาที่นี่” เควินหันมามองอย่างแปลกใจ แต่เมื่อสบตาเพื่อนจึงได้เข้าใจ “แกไม่ทำงานทำการหรือไง” “แกลืมไปแล้วหรือไง พ่อฉันเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล ถ้าไม่มีเคสด่วน เขาจะไม่ติดต่อมาเด็ดขาด” ไร่ของเควินมีสัญญาณโทรศัพท์ที่สามารถโทรได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องกังวล “แกห่วงเขาหรือไง ถึงอยากเฝ้า” เควินเห็นอาการของเพื่อนแล้วนึกไม่ชอบใจ “ใช่ ฉันกลัวแกฆ่าเขาตาย ตอนนี้เขายังไม่พร้อม ถ้าแกอยากมากนัก ก็เอาลิง บ่าง ค่าง ชะนี สำเร็จความใคร่ไปก่อน” “ไอ้!!!” เควินหน้าแดงจัดเมื่อโดนเพื่อนว่าเอาแบบนั้น ก่อนที่จะพูดอะไรกันต่อเสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้นมาแผ่วๆ “อื้อ...” “เป็นยังไงบ้าง ไม่ต้องกลัวนะ” รุจน์โผเข้าไปหาร่างคนไข้สาวที่เขาบังเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาในหัวใจ “ไม่ต้องกลัวนะ!” เควินเลียนเสียงเพื่อน มองด้วยดวงตาลุกเป็นไฟ นี่ยัยผู้หญิงคนนี้จะยั่วเพื่อนเขาอีกคนหรือไง “โธ่เว้ย!!!” เควินกระแทกประตูปิดเต็มแรง ลูกน้องทั้งสองที่ยืนรอดูอยู่ไม่ไกลถึงกับสะดุ้งพร้อมๆ กัน “ท่าทางระเบิดลูกใหญ่จะลง” เสือคาดการณ์ตามอารมณ์ของเจ้านาย “คงใช่” สิงห์ตอบเสียงขรึมตามนิสัย “แต่หมอรุจน์สุดยอดไปเลยว่ะ” เสือหัวเราะหึหึในลำคอ เมื่อตอนนี้เพชรน้ำหนึ่งมีผู้พิทักษ์อยู่ใกล้ๆ อย่างหมอรุจน์ ตอนนี้เควินคงไม่กล้าทำอะไรหญิงสาวจนกว่าจะหายดี อาการของเพชรน้ำหนึ่งค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ จนเกือบหายดีเป็นปกติ หมอรุจน์เฝ้าดูแลไม่ห่าง โดยมีเควินคอยมองอยู่ห่างๆ คล้ายไม่ใส่ใจ ทั้งๆ ที่ใครๆ ก็ดูออกว่าเควินเป็นห่วงเพชรน้ำหนึ่ง แต่พยายามเก็บอาการเอาไว้ ทำให้รุจน์นึกหมั่นไส้เพื่อนยิ่งนัก เพราะรู้ดีว่าถ้าเพื่อนไม่สนใจจริงๆ จะไม่มองแม้แต่หางตา แต่นี่คอยมาพูดจาเหน็บแนม หาเรื่องอยู่ตลอดเวลา แสดงว่าหญิงสาวอยู่ในสายตาของเพื่อนโดยตลอด “คุณหมอจะไปแล้วเหรอคะ” เพชรน้ำหนึ่งจับมือของหมอเอาไว้แน่น เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ตามลำพังกับผู้ชายใจร้ายคนนั้นอีก “ผมต้องไปแล้วครับคุณหนึ่ง คุณทำตามที่ผมบอกนะครับ อย่าทำให้นายเคนโกรธเท่านั้นเป็นพอ” “คุณหมอไม่กลัวกฎหมายบ้างเลยเหรอคะ คุณหมอร่วมมือกับเขาทำร้ายฉันถึงขนาดนี้” เมื่อสุดจะรั้งหมอหนุ่มแสนดีที่คอยรักษาเธออยู่หลายวันจนหายได้ จึงต้องงัดไม้ตายนี้ขึ้นมา พอจะดูออกว่าหมอรุจน์คนนี้ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร “ปากเก่งแบบนี้แสดงว่าหายดีแล้ว” รุจน์ยังไม่ทันได้ตอบคำถามอะไรของหญิงสาว เสียงของเควินก็แทรกขึ้นมาก่อน เพชรน้ำหนึ่งสะดุ้ง เบียดกายหลบไปด้านหลังของหมอรุจน์อย่างหวาดกลัว “ไม่ต้องหลบไปด้านหลังไอ้หมอหรอก ยังไงวันนี้เธอก็ไม่รอดมือฉันไปหรอก” คำขู่ได้ผล เพชรน้ำหนึ่งสะดุ้งโหยง เธอลนลานกระชับแขนของหมอหนุ่มเอาไว้แน่น ไม่ไว้ใจคนที่ยืนจังก้าอยู่หน้าประตูห้อง “เคน ไม่เอาน่า นายสัญญาแล้วว่าจะไม่รุนแรงอีก” รุจน์มองหน้าเพื่อนอย่างหนักใจ “ฉันล้อเขาเล่นเท่านั้นล่ะ นายรีบไม่ใช่เหรอ เห็นว่ามีเคสด่วนที่โรงพยาบาล” เควินเลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้านิ่งๆ ทำให้รุจน์ถอนใจอีกรอบ เขาไม่ค่อยเชื่อน้ำคำของเพื่อนนัก แต่เพราะมีภารกิจด่วน ต้องรีบไปจริงๆ “คุณหมอคะ” เพชรน้ำหนึ่งรั้งแขนหมอหนุ่มเอาไว้ ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว สายตาคมกริบของเควินหนุ่มเลือดผสมมองเขม็งที่มือสวยของหญิงสาวแทบจะเผาไหม้ให้เป็นจุณ “ผมต้องไปแล้วครับคุณหนึ่ง” รุจน์เอ่ยบอกอย่างเห็นใจ “เขาจะไปแล้ว ไม่ต้องไปรั้งเขาหรอก ไม่ต้องอาลัยอาวรณ์กันมาก ยังไงเธอก็ต้องอยู่กับฉันที่นี่” เควินเข้าไปดึงมือนิ่มออกมาจากร่างของเพื่อนรัก รุจน์เก็บกระเป๋าเดินออกจากห้องมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ก่อนไปยังหันไปเตือนสติเพื่อนอีกครั้ง “เคน อย่าลืมที่เคยคุยกันเอาไว้นะโว้ย นายรับปากฉันแล้ว ว่าจะไม่รุนแรงกับเธออีก” “อือ...” เควินรับปากอย่างขอไปที แต่เพราะงานด่วน รุจน์จึงจำต้องตัดใจ “ปล่อยนะ” คล้อยหลังรุจน์ไปแล้ว เพชรน้ำหนึ่งเริ่มลนลาน เธอมองเขาอย่างขลาดกลัวยิ่งนัก เกิดมาไม่เคยกลัวใครมากเท่านี้มาก่อน แม้จะกลัวแต่เธอไม่ยอมให้ใครรังแกได้ง่ายๆ แน่นอน “เปรี้ยวปากมาหลายวันแล้ว” เควินดึงร่างเล็กเข้ามาหา หญิงสาวพยายามดิ้นรนแต่ไม่เป็นผล ยิ่งได้ยินคำพูดของเขาเธอก็ยิ่งสติหลุด “นายอย่าทำอะไรฉันเลย นี่มันกลางวันแสกๆ นะ ลูกน้องนายก็ยังอยู่” “ใครบอกว่ายังอยู่ ตอนนี้เราอยู่กันสองคนต่างหากเล่า” เควินเลิกคิ้วกวนอารมณ์ เขาให้เสือกับสิงห์ไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย เพราะเขาคิดว่าคนเดียวก็จัดการเพชรน้ำหนึ่งได้ ไม่จำเป็นให้มีคนเฝ้าอีกต่อไป ถ้าต้องการก็เรียกให้มาหา แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องการใคร นอกจากคนตรงหน้า “ไม่นะ ฉันเพิ่งหายป่วย” หญิงสาวต่อรองเสียงสั่นระริก กลัวเขาขึ้นมาจับขั้วหัวใจ “หายป่วยแล้วไม่ใช่เหรอ คิดว่าน่าจะใช้งานได้เหมือนเดิมแล้วนะ” เควินพูดอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะกดร่างหญิงสาวลงบนเตียงไม้แข็งๆ มุมห้อง “ปล่อยนะ ไอ้เลว” เพชรน้ำหนึ่งเริ่มดิ้นเพื่อหาทางเอาตัวรอด “เก็บเสียงไว้ร้องครางดีกว่า” เสียงกร้าวแหบพร่าทำให้หญิงสาวตัวสั่น ตะเกียกตะกายหนีพลัดลงจากเตียง “โอ๊ย!” เธอไม่มีเวลาให้ต้องคิดมาก ร่างน้อยรีบคลานไปยังประตูแต่ถูกตะครุบเอาไว้ “กรี๊ดดด!!! ปล่อยนะ” เธอกระชากเท้าหนีแต่เขากระโดดดึงเอาไว้ได้ “ทีกับผัวตัวเองทำเป็นร้องสะดิ้งดิ้นหนี กับผู้ชายคนอื่นกอดมันซะแน่นเชียวนะ” เควินคำรามปนหึงหวงอย่างไม่รู้ตัว “เขาดีกว่านายเป็นร้อยเท่าพันเท่า ฉันเลยอยากจะกอดเขา” เธอพูดใส่หน้าเมื่อโดนดูถูกเข้าให้ “งั้นดี ฉันจะทำให้เธอรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน” ความหวาดกลัวของหญิงสาวมันมากขึ้นหรือน้อยลงเธอยังสับสนในตัวเอง แต่นอกเหนือจากความกลัวที่ได้รับ เธอรู้สึกโล่งใจว่าตัวเองไม่ได้ติดโรคร้ายจากคำยืนยันของหมอรุจน์ และเขาก็ไม่ใช่ตัวแพร่เชื้อโรคร้ายที่อาจจะทำให้ชีวิตทั้งชีวิตของเธอมีแต่ความมืดมิด อย่างน้อยเธอก็อาจจะหาทางหนีเอาตัวรอดไปจากที่นี่ได้ สิ่งที่เสียไปแล้วมันเรียกคืนไม่ได้ แต่ชีวิตของเธอยังมีค่า ไม่ใช่เพื่อใครทั้งนั้น แต่เพื่อตัวเธอเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม