ตอนที่ 4 ทาสคนโปรด

1753 คำ
Part นวพล สัปดาห์หนึ่งผ่านไป วันนี้ผมกลับจากทำงานตรวจเอกสารช่วยนาฟที่ไนต์คลับตอนห้าโมงเย็น พอลงจากรถก็พบว่าเหมือนดาวรอผมอยู่ พี่วุฒิลูกน้องของนาฟมองไปที่เหมือนดาวเหมือนเก็บข้อมูลเล็กน้อย แล้วขับรถออกไป ‘เอาไว้รายงานไอ้นาฟอีกละสิ’ ผมตกใจเล็กน้อยที่เห็นเหมือนดาว เธอมาหาผมด้วยความเป็นห่วง ผมดีใจและละอายใจลึกๆ ที่เคยทำผิดต่อเธอแต่เธอก็ยังอุตส่าห์เป็นเพื่อนที่แสนดีกับผม คงเป็นเพราะเหมือนดาวรับปากพ่อแม่ผมว่าจะช่วยผมเรียนจนจบไปด้วยกัน เหมือนดาวมากับปัทม์ ไอ้เดือนมหา’ลัยสุดหล่อที่มาตามจีบเหมือนดาว ผมคิดเสมอว่าเหมือนดาวอ้วน คงไม่มีใครกล้ามาจีบแข่งกับผม แต่ผมดันมีคู่แข่ง ที่ดันเป็นถึงเดือนมหา’ลัย ตอนแรกผมก็กลัวมันมาหลอกดาว แต่ตอนนี้ผมรู้สึกได้ว่า ปัทม์รักเหมือนดาวจริงๆ เหมือนดาวมาถามข่าวคราวของผมและบอกว่าอีฟได้ลาออกไปแล้ว ผมคิดว่าอีฟคงอายไม่กล้าสู้หน้าชานนท์ หรือไม่ก็คงโดนเล่นงานไม่ต่างจากผม พอเหมือนดาวกลับไป นาฟก็โทรมาเรียกผมให้กลับไปที่ไนต์คลับ “แต่ผมเพิ่งกลับมา ผมตรวจเอกสารครบแล้ว” “กูเรียกมึงมาขึ้นเตียง ไม่ได้เรียกมึงมาทำงาน” นาฟวางสายไปแล้ว ผมโมโห รังเกียจตัวเองที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ผมอาบน้ำแต่งตัวออกไปหานาฟที่ไนต์คลับ ครั้งนี้ลูกน้องของนาฟพาผมเข้าไปด้านหน้า พนักงานเริ่มทยอยเข้ามาเตรียมเปิดร้านแล้ว ทุกคนมองผมแล้วซุบซิบกัน ประมาณว่าเป็นผู้ช่วยของนาฟ บางคนส่งยิ้มให้ผม เพราะเคยมีครั้งหนึ่งผมตรวจตารางเข้างานและทิปเจอจุดตกหล่นแล้วนาฟทำเรื่องตกเบิกคืนให้บางคนในภายหลัง ดูเหมือนพวกเขาจะชอบผม ผมเดินขึ้นไปหานาฟที่ห้องทำงาน เห็นมือถือเขาวางอยู่ ผมรู้รหัสปลดล็อกมือถือของเขาเพราะเคยเห็นเขาจดบันทึกไว้ในสมุดโน้ตส่วนตัว รวมทั้งอีเมลล์และรหัสผ่านที่เขาเขียนไว้ แต่รหัสผ่านอีเมลล์ที่เขาเขียนไว้เป็นแค่คำบอกใบ้เท่านั้น’วันเปลี่ยนแปลง’ เขาเขียนไว้อย่างนั้น ถ้าผมรู้ผมจะเข้าไปลบคลิปที่นาฟส่งเข้าอีเมลล์ไว้แล้วหนีออกจากเงื้อมือมันทันที ผมคิดจะหยิบมือถือมัน แต่คิดได้ว่าเปิดมือถือได้แต่ไม่มีรหัสเข้าอีเมลล์มันก็เท่านั้น เพราะนาฟตั้งเมลล์ให้ใส่รหัสผ่านทุกครั้งที่ใช้งาน รอบคอบชะมัด ผมเลยไม่แตะมือถือของนาฟ นาฟเดินเข้ามาในชุดสูทเหมือนเคย ผมเงยหน้าขึ้นมอง นาฟมองผมด้วยสีหน้าไม่พอใจ “มึงคุยอะไรกับแฟนเก่า?” “เปล่าครับ เธอแค่มาถามว่าทำไมไม่กลับบ้าน” “แล้วทำไมเธอต้องถาม ก็เลิกกันไปแล้ว” “เธอคงเป็นห่วงผม กลัวผมเจอคนไม่ดี” ผมเหน็บนาฟนิดๆ “อย่าให้กูรู้นะว่ามึงจะไปแย่งแฟนเก่ามึงคืนมาจากแฟนใหม่เขา” “พี่รู้ได้ไงว่าแฟนผมมีแฟนใหม่แล้ว” “กูสืบเรื่องมึงทุกเรื่องนั่นแหละ” นาฟบอก ‘สืบรึเสือก วุ่นวายกับกูจริงๆ’ “ผมถามจริงๆ นะ พี่ต้องการอะไรจากผมกันแน่” “กูอยากให้มึงสำนึกในสิ่งที่มึงทำ” “ผมก็สำนึกแล้วนี่ไงครับ และผมบอกเลิกอีฟไป พี่ก็ได้ยิน แต่พี่เลือกที่จะเอาอดีตที่ผมทำมาลงโทษผมแบบนี้ มันไม่แฟร์ ผมทำอะไรขัดใจก็อ้างแต่เรื่องคลิปมาขู่ผม บางทีผมก็อยากให้พี่ปล่อยคลิปให้มันจบๆ ผมจะได้เป็นอิสระจากพี่สักที” “มึงจะได้มีอิสระในการไปแย่งเมียชาวบ้านแล้วทำให้ผัวเมียเขาทะเลาะกันจนตายอีกนะเหรอ” นาฟพูดถึงอะไรผมไม่เข้าใจ และไม่อยากเข้าใจ ผมเลือกที่จะเงียบ เพราะถ้านาฟอารมณ์เสียกว่านี้ผมอาจถูกทำเหมือนเหมือนในละครที่พอพระเอกอารมณ์เสียก็จะปล้ำนางเอก ‘กูไม่เป็นนางเอกให้มึงปล้ำหรอก’ นาฟเงียบมองผมแล้วไปนั่งที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน ผมเดินอ้อมไปด้านหลังแล้วบีบที่ไหล่ทั้งสองข้าง “เดี๋ยวผมนวดไหล่ให้ วันนี้ผมเห็นพี่เหนื่อยๆ” ผมเปลี่ยนเรื่อง ให้นาฟอารมณ์เย็นลง ซึ่งมันจะเป็นผลดีต่อตัวผม นาฟไม่ปฏิเสธ ผมเลยนวดต่อไปที่คอ แล้วไล่ไปที่ขมับ นาฟหลับตาผ่อนคลาย คงอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว ‘ไงล่ะฝีมือนวดขั้นเทพของกู ฟินเลยสิมึง’ ลูกน้องของนาฟเปิดประตูเข้ามา เห็นผมนวดขมับให้นาฟอยู่ก็มองอึ้งๆ แล้วรายงานว่าลูกค้ามีปัญหากัน นาฟลุกขึ้นยืน “มึงไปรอนวดกูต่อที่ห้อง” นาฟสั่ง “ครับ” ผมรับคำสั่ง นาฟเดินออกไป ลูกน้องนาฟยกนิ้วโป้งให้ผมทีนึง ประมาณว่าชมผมสุดยอด ผมยกนิ้วโป้งคืน ทั้งๆ ที่งงๆ ‘มันชมเราเรื่องอะไรว่ะ’ ผมไปรอนาฟที่ห้องรอตั้งแต่ทุ่มหนึ่งจนถึงสี่ทุ่มนาฟก็ยังไม่เข้ามา ‘กูจะได้กลับห้องไหมนี่’ ‘ดีนะที่อาบน้ำมาแล้ว’ ผมนอนเล่นโทรศัพท์รอที่โซฟา เปิดดูไทม์ไลน์ของเหมือนดาวด้วยความคิดถึง สถานะล่าสุดบอกว่า กำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบย่อย ผมยิ้ม เหมือนดาวตั้งใจเรียนไม่เคยเปลี่ยน ส่วนปัทม์ก็เข้ามาเม้นท์ให้กำลังใจจนออกนอกหน้า คนกดไลค์เม้นท์มันก็เพียบ ผมยินดีกับเหมือนดาวที่มีคนที่รักเธอเหมือนที่ผมรัก ผมออกจากหน้าจอนั้นเปลี่ยนเป็นเปิดเพลงฟัง เสียงเพลงจากไนต์คลับไม่ใช่แนวที่ผมชอบ ผมจึงเสียบหูฟังแล้วนอนหลับตาฟังเพลงจากโทรศัพท์ ผมหลับตาฮัมเพลงตามอย่างมีความสุข จนผมรู้สึกว่ามีกลิ่นลมหายใจอ่อนๆ และมีลมหายใจรดต้นคอ ผมลืมตาขึ้น นาฟกำลังเอียงหูมาใกล้กับหูผม ผมตกใจจนแทบกลิ้งตกโซฟา “พี่!!” “กูอยากรู้มึงฟังเพลงอะไร ครางตามเสียงอย่างกะหมาถูกรถทับ” นาฟถามแกมเหน็บผม ใช่ครับผมเป็นคนที่ร้องเพลงเพี้ยนไม่ถูกคีย์ แต่ก็คงไม่ถึงขั้นหมาโดนรถทับ ‘มึงร้องเพราะตายละสัด’ “พี่เข้ามานานรึยัง?” “ก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จมึงก็ร้องจบไปสี่เพลง” ‘แล้วทำไมมึงไม่สะกิดกู’ “ตกลงมึงฟังเพลงอะไร” ผมถอดสายหูฟังออก ให้เสียงดังออกมา นาฟมองหน้าผม “มึงฟังเพลงแนวนี้เหรอ?” “ก็ผมชอบลูกทุ่งหมอลำ มันเป็นเพลงประจำภาคของผม” ผมบอกอย่างภูมิใจ ไม่อายที่เกิดเป็นคนอีสาน “กูก็ยังไม่ได้ว่าอะไรนี่” นาฟเดินไปนอนที่เตียง คว่ำลง หันมามองหน้า ผมลุกขึ้นไป นวดให้นาฟ “นวดแบบที่มึงนวดวันนี้ แล้วค่อยนวดลงไปที่เท้า นวดจนกูหลับ ถ้ากูไม่หลับกูจะนาบมึง” ‘นาบพ่องสิ’ “ครับพี่” ผมลงมือนวดในใจก็ก่นด่ามัน ผมนวดที่ไหล่ทั้งสองข้าง ไล่ไปที่คอ ต่อด้วยขมับทั้งสองข้าง เหมือนตอนหัวค่ำ แล้วเลื่อนมือลงแผ่นหลัง ‘กล้ามใหญ่ แน่นชะมัด เราต้องออกกำลังกายกี่ปีถึงจะได้เท่ามัน’ ผมนวดไปก็พิจารณาหุ่นนาฟไป อิจฉากล้ามแน่นๆ ร่างกายบึกบึนของนาฟ ผมนวดต่อลงไปที่สะโพกหนานั้น แล้วนวดลงต้นขาทีละข้างจนถึงปลายเท้า นาฟหลับแล้ว สังเกตจากเสียงหายใจที่สม่ำเสมอ ผมเดินกลับไปนอนที่โซฟา มองคนที่หลับบนเตียง ‘มึงมีปมอะไรกับคนที่ยุ่งกับแฟนชาวบ้านรึเปล่าว่ะ’ ‘หรือว่ามันเคยโดนแย่งแฟน ต้องใช่แน่ๆ’ ‘ลงทุนเอาเรามาเฝ้าไว้ใกล้ตัว เพียงเพราะกลัวเราไปยุ่งกับแฟนคนอื่นเนี่ยนะ ประสาทแล้วมึงอ่ะ’ ********************* ผมตื่นเช้ามาก็ไม่เจอนาฟแล้ว ลูกน้องนาฟมาปลุกผมที่โซฟาตามคำสั่ง ผมลุกขึ้นเดินลงไปข้างล่าง บอกลูกน้องของนาฟว่าจะนั่งสองแถวกลับหอไปเปลี่ยนชุด แต่ลูกน้องของนาฟ พี่วุฒิคนที่ขับรถไปรับส่งผมเป็นประจำบอกว่านาฟสั่งให้เขาไปขนเสื้อผ้าของวันนี้มาให้ผมแล้ว ‘วุ่นวายกับชีวิตกูจัง’ “เออ ไอ้น้อง มึงนี่แน่ว่ะ” คนที่ยกนิ้วให้ผมเมื่อคืนพูดขึ้น แล้วตักข้าวใส่จานให้ผมนั่งลงกินด้วยกัน “อะไรครับพี่” ผมนั่งลงเริ่มตักข้าวใส่ปาก “มึงนวดให้นาย” “ครับ ก็ปกตินี่ครับ” “ไม่ปกติ เพราะปกตินายไม่ชอบให้นวด ไม่ชอบให้ใครมาโดนตัว โดยเฉพาะส่วนหัว นายถือมาก” “ไม่หรอกมั้งครับ เหมือนเวลานายของพี่พาคนมานอนยังไงก็ต้องโดนตัวกัน” ผมพูดยกตัวอย่าง “นั่นมันคนละแบบ นายไม่ชอบนวด ไม่เคยไปนวดเลยสักครั้ง กูอยู่กับนายมาเป็นสิบปี มีมึงคนแรกนี่ล่ะที่นายให้นวด” พี่หนึ่งมือขวาสายบู๊เสริมขึ้นมา “เจ้านายพวกพี่ใช้งานผมหมดและ ตั้งแต่นวดตีนยันตรวจเอกสารบัญชีของร้าน เหลือแค่ให้ผมอาบน้ำสระผมให้เท่านั้นแหละ ผมก็ทาสดีๆ นี่แหละ” ผมบ่นไปกินข้าวไป “อดทนเอาไอ้น้องเอ้ย ไม่โดนนายกระทืบตายตั้งแต่วันนั้นก็บุญแล้ว แถมนายเมตตาให้มาทำงานด้วยอีก” พี่วุฒิบอก “นี่ถ้าเมื่อเช้ากูไม่ได้ไปปลุกมึงที่โซฟา กูคงคิดว่ามึงนอนกับนาย” คนที่ไปปลุกผมพูดขึ้น ผมได้แต่ยิ้ม ‘โชคดีไป’ *********************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม