ลมทะเลพัดเอื่อยเฉื่อยไม่เชิงเย็นจัด อากาศกำลังพอดีรับกับแสงจันทร์ในยามดึกสงัด ความเวิ้งว้างของท้องทะเลที่ทอดยาวไกลดึงดูดความสนใจให้ฉันกวาดสายตาสำรวจมัน แสงกระทบกับสายน้ำเป็นเกลียวคลื่นมองดูผ่อนคลาย เสียงคลื่นสาดซัดชายฝั่งดังขึ้นเป็นระยะๆ ฉันเผลอยิ้มให้กับธรรมชาติซึ่งอยู่รอบตัว เหมือนมันกำลังทำหน้าที่ปลอบโยนพะเน้าพะนอหัวใจอันบอบช้ำ
อยู่ดีๆ น้ำตาก็ไหลพรากขึ้นมาดื้อๆ เมื่อนึกถึงครอบครัวที่โหยหามาตลอด อยากมีสักครั้งในชีวิตมีแม่ให้กอดและพ่อให้กำลังใจเหมือนคนอื่นๆ หลายๆ หนที่ฉันท้อแท้และมองไม่เห็นทางข้างหน้า
ฉันแอบหวังเหลือเกินว่าจะได้กลับไปบ้านและซุกกายอยู่บนตักอุ่นของแม่แล้วแม่ก็กล่อมให้ฉันคลายทุกข์โศกเหล่านั้น แม้อาจไม่ช่วยอะไรได้ แต่สิ่งสำคัญสำหรับการดำรงชีวิตอย่างหนึ่งก็คือกำลังใจ
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ฉัน...ต้องสร้างมันขึ้นมาอย่างเดียวดายเพื่อพยุงให้ตัวเองไม่ล้มลุกคลุกคลานอย่างสัตว์จรจัดข้างถนน นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฉันจมปลักกับฐานะเมียน้อยของพี่เพิร์ทอย่างดักดานถอนตัวไม่ขึ้น
เขาให้ความอบอุ่นแก่ฉัน...ปกป้องฉัน ดูแลฉันเป็นอย่างดีซึ่งทุกอย่างเป็นสิ่งที่ชีวิตนี้ไม่เคยได้รับจากใคร ฉันอาจมีเพื่อนที่น่ารัก แต่ความรู้สึกมันคนละกรณีกัน พี่เพิร์ทให้ความรู้สึกแบบครอบครัวในแบบที่ฉันต้องการและพร่ำเพรียกหา เขาเข้ามาชดเชยในส่วนที่ขาดหายไปแบบพอดิบพอดี
เกลียวคลื่นที่ซัดขึ้นชายหาดเป็นฟองฟู่สะท้อนกับแสงนวลของมวลหมู่ดาวและพระจันทร์ ฉันเดินเข้าไปหามันและเหยียบลงบนฟองอากาศอย่างเผลอไผล
น้ำทะเลยามนี้ไม่ได้เย็นเฉียบอย่างที่คิดนั่นอาจเพราะเป็นช่วงฤดูร้อนด้วย แสงสว่างมากพอที่จะทำให้ฉันมองเห็นผิวน้ำในบางช่วง ฉันจึงเดินเรื่อยลงไปเพราะเห็นว่ามันไม่ได้ลึกมาก เนินทรายยังคงมองได้ไกลหลายเมตร น้ำกำลังลง คลื่นก็ไม่แรงนัก... สองมือกอดรัดตัวเองเอาไว้ น้ำตามันไหลพรากจนทำให้ตาพร่ามัวแต่ฉันก็ไม่คิดจะเช็ดมันหรอก คลื่นทะเลซัดมาจนถึงหน้าแข้งฉันจึงหยุดและยืนกอดตัวเองฟูมฟายอยู่อย่างนั้นเหมือนคนสติไม่ดี ถึงจะผ่านความลำเค็ญมามากมาย แต่เชื่อไหม...ฉันไม่ค่อยร้องไห้ให้ใครเห็นหรอก บางครั้งบางคราวมันก็จุกเสียจนไม่มีน้ำตาให้ไหลนั่นเอง คืนนี้เพราะเหล้า...เพราะน้ำเมามันช่วยดึงหลายๆ อย่างที่ฝังลึกให้ตีตื้นขึ้นมาและต้องการจะระบายออกจากความรู้สึก
“โอลีฟ! หยุดนะ”
ฉันหันไปตามเสียงทั้งที่น้ำตานองหน้าแสงจันทร์ส่องให้เห็นร่างใหญ่ของพี่เพิร์ทวิ่งหน้าตื่นเข้ามาใกล้ทุกขณะ และลุยน้ำมาถึงตัวฉันในเวลาอันรวดเร็ว สองมือจับต้นแขนฉันเอาไว้มั่นจนรู้สึกเจ็บ
“ทำอะไรบ้าๆ! เมาไม่รู้เรื่องขนาดนี้เลยเหรอ”
“จะมาทนอยู่กับคนเมาทำไมล่ะคะ ไปหาเธอสิ...ไม่ต้องมาเวทนาหนูหรอกหนูอยู่คนเดียวได้ อยู่มานานแล้วด้วย”ฉันมองหน้าพี่เพิร์ทด้วยความน้อยอกน้อยใจเต็มประดา
“เอาอะไรมาพูดอีก หนูไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะโอลีฟ!”
ท่าทีพี่เพิร์ทกำลังโกรธกับสิ่งที่ฉันทำ เพราะแอบหนีมาดื้อๆ ทั้งที่ดูแลตัวเองยังไม่ใคร่จะไหว เดินโซเซประหนึ่งงูเลี้ยวอยู่รำไร มิวายยังหาเรื่องให้เขาหนักใจอีก
“แล้วแบบไหนล่ะคะที่คุณอยากให้หนูเป็น!เป็นท่อนไม้ ท่อนซุง หรือก้อนหิน...”
“บ้ากันไปใหญ่แล้วพี่คิดว่าเรากำลัง...ล้ำเส้น...” “...” ฉันจุกกับคำนั้น...สายตาพี่เพิร์ทมองอย่างตำหนิ ไม่แยแสต่ออาการสะอึกสะอื้นแม้แต่น้อย เหมือนเขากำลังวางตัวและเตือนฉันอยู่กลายๆ
“จะให้หนูทำยังไง...พี่จะให้หนูทำยังไง!” ฉันยอมรับแทบอกนั้น ทรุดตัวเข้าหาเขาอย่างสิ้นแรง ฟูมฟายทั้งที่ไม่ได้ถูกสนใจ สองมือของพี่เพิร์ทผละออกจากตัวฉันและกำแน่นิ่งไว้ข้างๆ ตัว
ไม่แตะต้อง...ไม่กอดฉันเอาไว้เหมือนก่อนเก่า มันเป็นความเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าเขาทิ้งร้างหนีหน้าไปเสียอีก เพราะเขายืนอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าฉัน แต่ฉันกลับไม่อาจอยู่ในอ้อมกอดของเขาได้อีกต่อไป
“กลับไปพักกันเถอะ พี่ว่าเราเมามากคืนนี้ เอาไว้ค่อยคุยกัน”
“ไม่!!”
“อย่าทำตัวเป็นเด็กน่าโอลีฟ!นี่มันดึกมากแล้ว”
“กอดหนูหน่อย...นะ” ฉันร้องขออ้อมแขนน้ำตาไหลพราก พยายามจับมือเขามาเกี่ยวกอดตัวเองเอาไว้แต่พี่เพิร์ทสะบัดออก มันยิ่งทำให้หัวใจบอบช้ำ
“มันเกิดอะไรขึ้น โอลีฟ...บอกพี่สิ”
“ทำไมพี่ไม่กอดหนู...พี่เกลียดหนูแล้วเหรอ”
“พี่ไม่ได้เกลียดแต่เรากำลังไม่มีเหตุผล...มาหึงอะไรพี่เหรอ...หืมในเมื่อเราต่างก็รู้ดีว่าอะไรเป็นยังไง”
“แล้วทำไมไม่อยู่กับเขาพี่จะมาหาหนู มาตอกย้ำให้หนูเสียใจอีกทำไม” ฉันกำมือและทุบไปที่แผงอกของเขา แรงของคนขาดสติเมาเปลี้ยไม่ได้สะทกสะท้านร่างใหญ่หรอก กลับกันมันย้อนยอกตอกกลับมาหาคนทำให้เจ็บหนักเสียมากกว่าเป็นเท่าตัว “เพราะพี่ไม่รู้ว่าเราจะเป็นแบบนี้ พี่ตามหาเพราะเป็นห่วง ถ้าพี่รู้...พี่จะไม่มา...” ฉันหยุดชะงัก...หยุดแม้กระทั่งลมหายใจในขณะนั้น จำต้องกลืนน้ำก้อนแข็งๆ ลงคออย่างกล้ำกลืน แล้วพี่เพิร์ทก็ผละห่างออกไปเล็กน้อย ก่อนจะจับมือฉันไว้
“ไปเถอะ...พักผ่อนจะได้ดีขึ้น” เขาหันหลังให้และจูงมือเดินนำหน้าโดยไม่ได้หันมามองสภาพของฉันสักนิด แต่ขาฉัน...ร่างกายของฉันมันชาและหนักอึ้งจนก้าวเท้าไม่ออกเอาเสียเลย
แล้วจู่ๆ ฉันก็ล้มตึงลงในน้ำทะเลนั้นเพราะแรงดึงจากเขา น้ำกระเซ็นเปียกปอนไปทั้งร่างเข้าหน้าเข้าตาจนเจ็บแสบไปหมดฉันรีบพลิกตัวนั่งด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวก็นั่งจมอยู่ในน้ำไปถึงเกือบครึ่งสะเอวเสียแล้ว
“โอลีฟ!”
สองมือของฉันค้ำพื้นทรายใต้น้ำไว้โดยอัตโนมัติ น้ำตาไหลพรากด้วยความน้อยอกน้อยใจ ยามฤทธิ์สุรายังไม่เจือจางสูญสิ้นความรู้สึกนึกคิดก็ถูกดึงออกมาใช้อย่างเต็มที่ ไม่มีเก็บ ไม่มีฝืน พี่เพิร์ททรุดกายนั่งยองๆตรงหน้าและพยายามช่วยพยุงให้ฉันลุก
“เปียกหมดเลยเห็นไหม...” เสียงเขาถอนหายใจฉุนๆ เมื่อฉันเริ่มงี่เง่าหนักขึ้น เสื้อคลุมเปียกน้ำทะเลเสียสิ้น สาบเสื้อหลุดลุ่ยออกจากกันจนรู้สึกถึงลมเย็นๆ ที่พัดกระทบผิวเนื้อใน ฉันรู้สึกมึนเบลออีกครั้งเพราะวูบจากการล้มลงแบบกะทันหัน “...” พี่เพิร์ทประคองให้ลุก แต่ฉันกลับทิ้งตัวนั่งพับเพียบแล้วปล่อยสะอื้นน้ำตานองหน้าอย่างเอาแต่ใจ สายตาตัดพ้อต่อว่าแต่ไม่ปริปากพูดสิ่งที่ตีบตันอยู่ข้างใน น้ำเค็มกระเซ็นโดนชายกางเกงขาสั้นสวมสบายกับเสื้อกล้ามสีขาวของเขาจนเปียกไปเกือบทั้งตัวแล้วเช่นกัน สายตาดุมองฉันนิ่งงัน...และฉันก็ทอดสายตาจับจ้องมองตอบไม่วางตา
มัวแต่น้อยอกน้อยใจพอมารู้ตัวอีกทีก็รู้สึกตัวว่ามือใหญ่ของพี่เพิร์ทกำลังประกบอยู่ที่แก้มของฉันแล้ว เขาเกลี่ยหัวแม่มือไล้เช็ดน้ำตาให้ มันยังเย็นชื้นคาแก้มความอัดอั้นตันใจก็ยังไหลพรากไม่ยอมหยุด
“หยุดร้องซะที...ขี้แยเป็นเด็กไปได้...หืม”
พี่เพิร์ทโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากที่แก้มซ้ายขวาเพื่อจูบซับปลอบประโลม ฉันก้มหน้างุด ยังสะอื้นเบาๆ ใจหนึ่งก็ปรีดียิ่งนักที่เขาหันกลับมาให้ความสนใจ อีกใจ...ฉันก็รู้ว่าฉันกำลังทำผิด กำลังทำให้ตัวเองยิ่งลุ่มหลงในบาป
“อื้ม!!” ริมฝีปากหนาอุ่นๆ ของพี่เพิร์ทแทรกบดเบียดจุมพิตฉันเป็นลำดับถัดมา สอดลิ้นร้ายช่ำชองควานสำรวจอย่างคุ้นเคย รสชาติเค็มปะแล่มๆ ถูกส่งมอบพร้อมลมหายใจอุ่นซ่านผสมกลิ่นบุรุษเพศและแอลกอฮอล์อ่อนๆ จนฉันเปิดรับสัมผัสจากริมฝีปากที่ประกบจูบนั้นอย่างเผลอไผล
เสียงลม เสียงคลื่นและเสียงนัวเนียดูดดึงดังกลบโสตประสาทการรับรู้สิ่งอื่นนอกเหนือจากนี้ ร่างใหญ่ของเขาเบียดเข้ามาเล็กน้อยและนั่งคุกเข่าตรงหน้าของฉัน ระยะพอเหมาะสำหรับการฝักใฝ่กันและกันสองมือเริ่มลากเลื้อยลูบลำคอผ่านไหล่ลากเอาเสื้อคลุมหมิ่นเหม่ให้หลุดตามลงมาจนจมผืนน้ำ “พอค่ะ...” ฉันได้สติทันที ผลักเขาออกจากตัว สะบัดศีรษะขับไล่ความมึนเบลอ แต่ยังไม่ทันจะตั้งหลักได้ก็ถูกดึงไปคลอเคลียอีกครั้ง
“ไม่พอ...อยากยั่วพี่ทำไม...” เสียงของเขากระซิบผ่านลมหายใจอุ่นๆ ในขณะที่ริมฝีปากของเราแนบชิดกันและกัน พี่เพิร์ทโถมแรงเพิ่มเข้ามา มือหนึ่งสอดกดท้ายทอยฉันไว้อีกมือเริ่มขยำบีบเต้าเต่งที่เด้งรับเต็มกำมือ
ฉันครางฮือ...สยิวซ่านในทรวงราวกับมีไฟร้อนๆ ไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือด
อาการกระหายหิวของพี่เพิร์ทก็บอกกับฉันว่า มันสายไปแล้วที่จะผลักดันความต้องการของเขาให้ไกลห่างออกจากตัว ดูเหมือนเขาจะไม่ยินยอมเอาเสียเลย และตัวฉันเอง...ก็พิศวาสในสัมผัสเร่าร้อนนี้ด้วยเช่นกัน
“น้ำทะเลมันเค็มแต่กินเธอในทะเลมันกลับหวานเสียยิ่งกว่าน้ำตาลเชื่อม”
“ว้าย!!” ซ่า! ได้ยินคำพูดของเขาแว่วผ่านหูแค่นั้นฉันก็ต้องใจหายวูบเมื่อถูกจับพลิกเหวี่ยงให้มานอนหงายอยู่บนฝั่งชายหาดที่มีคลื่นตีขึ้นมาเป็นระลอกเบาๆ แต่เพราะอยู่ในช่วงน้ำลงกระแสสินธุ์จึงทุเลาความรุนแรงยามสาดซัด
คลื่นอารมณ์ของผู้ชายร่างใหญ่เหนือตัวฉันกลับอยู่เหนือมวลมหาสมุทร เขาถาโถมตะโบมจูบนัวเนียจนตัวฉันแทบหาจังหวะหายใจไม่ทัน
เสื้อกล้ามสีขาวถูกถอดออกในเวลาอันรวดเร็ว เสื้อคลุมของฉันก็หลุดร่นไปเหลือเพียงครึ่งหนึ่งที่รั้งรองสะโพกไม่ให้สัมผัสพื้นทราย ในขณะที่ครึ่งตัวช่วงบนนั้นนอนราบโดยไร้สิ่งใดรองรับนอกเหนือจากเม็ดทรายละเอียด
“อืม!!พี่เพิร์ทคะ...ไม่ใช่ตรงนี้...ใช่ไหม...” ฉันถามเสียงสั่นกระเส่าทันทีที่เขาผละห่างจากริมฝีปากที่เริ่มบวมเป่งจนรู้สึกได้ มันทั้งเจ็บแปลบและหอมหวานไปพร้อมกัน
“มันใช่...สำหรับคนพิเศษ...” ริมฝีปากหนาฉกจูบฉันทันทีเมื่อกล่าวจบ ลิ้นร้ายซุกซอนกระตุ้นให้ฉันสนองตอบ มือลูบไล้จับหน้าอกบีบเคล้นไม่ใคร่ถนอมนักจนฉันดีดตัวรับ รู้สึกได้ถึงความคัดแน่นตรงปลายถันที่มันเป่งรอสัมผัสอย่างน่าบัดสี สะเอวของฉันเคลื่อนไหวโยกย้ายเล็กน้อยระบายความวูบหวามที่เล่นงานก่อกวนหัวจิตหัวใจ
พี่เพิร์ทกดตัวรับ...
ฉันยิ่งจะเสียวปลาบทันทีเมื่อสัมผัสถึงความแข็งขึงภายในร่มผ้าซึ่งเสียดสีเข้ามาด้วยความหนักหน่วงร้อนแรง สองขาอ้ากว้างโดยอัตโนมัติ เชื้อเชิญให้เขาสอดแทรกตัวเข้าหาแนบแน่นยิ่งขึ้น พี่เพิร์ทผละจากการกดจูบแล้วยังลากลิ้นชื้นมาถึงร่องชีพจรที่ลำคอ ขบกัดหยอกเอินพร้อมกับคลำเคล้นสองอกอวบไปพร้อมๆ กัน
“อุ๊ย!!พี่...” ฉันครางพลางสูดปากร้องแข่งกับเสียงคลื่นและลมหนาวเมื่ออุ้งปากร้อนระอุของพี่เพิร์ทงับครอบครองยอดถัน เรียวลิ้นของเขาสะกิดเลีย ปาดละเมียดละไมรอบๆ ก่อนจะอมดูดอย่างเมามัน
มือของฉันจับจิกแขนใหญ่ของพี่เพิร์ทเสียแน่น ร่อนสะโพกเบียดลำเนื้อ ทิ้งความหน้าไม่อายกลบฝังผืนพสุธาไม่นึกแยแส ธารสวาทโถมซัดให้จิตวิญญาณปลิวว่อนสิ้นสติเสียยิ่งกว่ายามเมามาย รับรู้แต่เพียงว่าต้องการบางอย่างมาเติมเต็มอารมณ์ซ่านกระสันให้สมประดีเสียที
ไม่เช่นนั้นแล้ว...ฉันคงทิ้งลมหายใจเอาไว้กับท้องทะเลแห่งนี้ไม่ได้นำพากลับคืนสู่เคหะสถานในวันพรุ่งนี้เป็นแน่แท้
กางเกงลำลองของพี่เพิร์ทถูกดึงถีบทิ้งในช่วงเวลาหนึ่งที่ฉันกำลังเผลอไปกับการโอ้โลมของเขา สาบเสื้อคลุมถูกดึงออกห่างกันมากขึ้นจนแผ่หลาไปคนละข้าง ร่างใหญ่ของพี่เพิร์ททาบทับลงมาทั้งตัว ใบหน้าคมสากประดับเคราและตอหนวดนัวเนียอยู่กับเนินเต้าอวบเกินตัวของฉัน
รอยกัดและรอยขีดข่วนสร้างกระตุ้นความร้อนผ่าวในกระแสเลือดกลบความเจ็บระบมไปเสียสิ้น สายนทีชะลอลงไปเรื่อยๆ แต่ธารสวาทกลับตีตื้นสวนทางจนฉ่ำชื้นอยู่ในใจกลางเสน่หา
พี่เพิร์ทตั้งใจจะทรมาน...เขากดสะโพกสอบเข้ามาแต่ไม่ยอมฝังตัวเองไว้ในร่างของฉันเสียที เขาเมามันอยู่กับการฉกชิมสองเต้าสลับซ้ายขวา ทิ้งความชื้นแฉะซึ่งแสดงปฏิกิริยากับสายลมแผ่วจนขนลุกซู่ ไม่แน่ใจนัก...ว่าเขาหรือน้ำทะเลกันแน่ที่ทำให้ฉัน ‘เปียก’