EP3 - เพลงคราวเดรียว

1408 คำ
3 - เพลงคราวเดรียว ชรัสขับรถมาตลอดทาง ปกติผมจะแก้เบื่อด้วยการเปิดเพลงฟังหาคลื่นเพลงจากวิทยุคลื่นโปรดที่ผมชอบที่สุด ผมหมุนมาคลื่นหนึ่งมันน่าแปลกเหมือนกันเพราะมันเป็นเพลงบรรเลงเปียโน ทำไมเพลงจากเครื่องดนตรีชิ้นนี้มันเริ่มหลอกหลอนผมเข้าไปทุกทีแล้ว มันน่าแปลกเหมือนกันเพราะปกติดนตรีเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้กลัวแต่ถ้าได้ยินมากทุกวินาทีขนาดนี้ มันทำให้หลอนหูผมได้เหมือนกัน “ทำไมมันมีแต่เพลงบรรเลงเปียโนเต็มไปหมด” ผมเหมือนตัวเองเจอดีเข้าให้ ผมปิดวิทยุแล้วตั้งสมาธิขับรถไปตามทางจะดีที่สุด การขับรถหากเสียสมาธิเปลี่ยนชีวิตได้หากไปชนใครแล้วทำชีวิตเขาพิการ ถือเป็นตราบาปที่ติดตัวไปตลอดชีวิต ที่โรงเรียน ครูพลอยเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาเลิกเรียน ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองโมงยี่สิบนาที อีกชั่วโมงถึงจะเลิกเรียนและเตรียมตัวกลับบ้าน ฉันเห็นผู้ปกครองน้องทิวลิปมาถึงแล้ว ฉันขอครูเวรที่นั่งตรงห้องทำงานทางเข้าออกโรงเรียนให้เข้ามาเพราะมีเรื่องด่วนขอติดต่อเป็นการส่วนตัว ฉันว่าเรื่องนี้มันดูเหลือเชื่อมาก ต้องคุยกันในห้องทำงานจะดีที่สุด “ปกติน้องทิวลิปเคยบอกคุณไหมคะว่าสนใจดนตรี” “ไม่เคยนะครับ” “แล้วน้องไปได้ความสามารถพิเศษมาจากไหนคะ มันเร็วเกินไปที่มันจะแสดงออกชัดเจนนะคะ” ครูพลอยบอกผมว่าความสามารถพิเศษของทิวลิปมันเร็วเกินไปที่จะแสดงออกมาและทำมันอย่างชัดเจน ถ้าคนตรงหน้าบอกฉันว่าน้องไม่เคยเล่นดนตรี พื้นฐานไม่มากและไม่เคยฝึกฝนมาก่อน นี่แหละคือข้อสงสัยที่ทำให้ฉันต้องเรียกมา ถ้าคนปกติสอนมันก็น่าจะไม่เอะใจ แต่นี่มันไม่น่าใช่คนแล้วล่ะ “ครูพลอยเชื่อเรื่องนี้ด้วยเหรอครับ” “ก็อาจจะเป็นแบบนั้นค่ะ ฉันไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือคนนะคะ” ครูพลอยพูดไปด้วยท่าทางขนลุก มื่อสั่นชัดเจน ผมฟังแล้วยังเป็นไปตามราวกับโรคติดต่อ น้องผมไม่เคยหัดอะไรได้เร็วข้ามคืน ผมค่อย ๆ หันไปหาน้องตรงหน้าต่างที่สามารถมองไปเห็นห้องดนตรีได้ เวลาน้องเล่นมันอย่างมีความสุข ในสายตาผม ผมอาจไม่คิดแล้วว่าตัวตนนั้นไม่ใช่ทิวลิป “ก่อนที่น้องจะเล่นดนตรีเป็น น้องไปเจออะไรมาก่อนหรือเปล่าคะ” ฉันขอถามให้แน่ใจสืบหาต้นสายปลายเหตุเลยว่า ก่อนหน้านั้นน้องไปเจออะไรมาแล้วทำให้ความสามารถพิเศษเริ่มต้นและคล่องแคล่วอย่างไวจนไม่ปกติ “งั้นผมจะเล่าให้ฟังแล้วกันนะครับ แต่ว่ามันจะน่าเชื่อถือหรือประหลาดใจไหมครับ” “ทำไมล่ะชรัส” ช่วงเลิกเรียน ชรัสขอเข้ามาในห้องดนตรีของโรงเรียน เพราะผมเห็นความสามารถพิเศษของน้องแล้ว บอกเลยว่ามันเห็นผลทันตาเร็วเกินไป การฝึกฝนใช้เวลานานไม่ใช่นาทีสองนาที น้องสามารถเล่นดนตรีได้เหมือนมีประสบการณ์มาหลายปี มันน่าประหลาดเกินไป ผมเห็นน้องบรรเลงไปอย่างเข้าถึงอารมณ์ เมื่อน้องเห็นผมรีบหันมาแล้วหยุดนิ้วบนเปียโน เป็นการหยุดเพลงไว้ “พี่ชรัส” “พี่กับครูพลอยเห็นความสามารถน้องแล้วนะ แต่ว่ามันเร็วไปไหมที่น้องจะเล่นได้คล่องขนาดนี้ ว่าแต่น้องเล่นเพลงอะไรให้ตัวเองฟัง” “เพลงคราวเดรียวครับ” “มันคืออะไรนะ” ผมไม่เข้าใจว่าสิ่งที่น้องกำลังบรรเลงอยู่คือชื่อเพลงอย่างนั้นเหรอ จังหวะหนักเบาที่ลงน้ำหนักบนลิ่มปียโนสีขาวสลับคีย์สีดำอยู่นั้น ผมฟังแล้วเคลิ้มตามเลยเพราะเพลงมันช้าและเคล้าน้ำตา ราวกับว่าบทเพลงนี้มีความขลังไม่น้อย ผมกำลังถูกบทเพลงสาปให้ไปตามอารมณ์อยู่เหรอ เสียงที่ได้ยินทำผมอินไม่น้อย ราวกับว่าบทเพลงชวนให้ระลึกถึงอดีตและอยากกลับไปแก้ไขมากกว่ายืนอยู่ ณ เวลาปัจจุบัน “ผมไม่รู้ความหมายแต่เพลงมันเพราะมากเลยครับ” “เพลงครา...” “คราวเดรียวครับ” ผมไม่เข้าใจว่าชื่อเพลงมันมีความหมายในเนื้อเพลงว่าอะไร คำว่าคราวเดียวมันก็คือครั้งเดียว แต่พอเติม ร. มาใส่คำว่าเดรียว การออกเสียงมีการม้วนลิ้นมันทำให้ชื่อเพลงและการอ่านออกเสียงม้วนลิ้นได้ดูเป็นคำหรูหราขึ้น แต่ถึงยังไงผมก็ยังไม่เข้าใจความหมายของมันอยู่ดี เพลงเพราะมากแต่แฝงความหมายบางอย่างที่อาจลึกซึ้งก็ได้ “พี่ไม่ใช่คนชอบเล่นดนตรีอาจจะไม่เข้าใจความหมายก็ได้ครับ ผมอยากมอบความสุขให้ผ่านเสียงเพลง แม้ชีวิตของเขาจะอยู่ในความเศร้าก็ตาม” “เขา เขานี่ใครอะ” ผมไม่รู้ว่าคำว่าเขาของทิวลิปหมายถึงใคร แต่ผมฟังแล้วเหมือนตอนนี้ผมกับทิวลิปไม่ได้อยู่ในห้องนี้สองคน แต่ในสายตาผมก็มีแค่ตัวผมและน้องเท่านั้น นักเรียนคนอื่นก็ทยอยออกห้องกันไปแล้ว ผมเงยหน้ามองเพดาน มองโต๊ะคีย์บอร์ดของคุณครู สลับไปมองกระดานไวท์บอร์ด เพื่อลดความกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็น ลักษณะการพูดของน้องมันเหมือนไม่ใช่ตัวน้องที่ผมรู้จักเลย ผมว่าคนในร่างอาจไม่ใช่น้องก็ได้ “น้องหมายถึงใครเหรอ” “ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีพี่เขามอบความสามารถพิเศษเป็นการส่งต่อให้ผมเท่านั้น ผมถึงเล่นมันได้อย่างมีความสุขไงครับ” ยิ่งน้องพูดมากเท่าไหร่ ผมยิ่งมั่นใจว่านี่ไม่ใช่ทิวลิปคนเดิม ผมเขย่าตัวน้องและพูดในใจว่ามันเป็นใครมาสิงร่างน้อง ผมต้องทำและน้องอาจจะตกใจ ผมอยากให้วิญญาณตนใดไม่ทรายตัวตนออกไปจากร่างน้องผม ก่อนที่มันจะควบคุมจิตใจจนเสียคนแล้วชีวิตจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป “พี่เป็นอะไรครับ” “น้องเป็นอะไรหรือเปล่า การพูดดูแปลกไปมาก” “ผมก็คือทิวลิปคนเดิมไงครับ ไม่ใช่คนอื่นแค่มีความสามารถพิเศษเพิ่มมาเท่านั้นเอง” ผมบอกกับพี่ชรัสว่าผมเป็นทิวลิปคนเดิม ผมไม่เคยเปลี่ยนแปลงตัวเองต่างจากเดิม สิ่งที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ถือว่าเป็นความสามารถพิเศษที่ผมได้มาทีหลัง ผมชอบเล่นดนตรีและผมจะเล่นมันด้วยความเต็มใจ มอบความสุขให้ฟังจนใครก็ต้องชอบมัน “ทิวลิป...” ช่วงเย็น ผมกับทิวลิปมักจะไปเดินศูนย์การค้าช่วงเย็นเสมอ ผมตั้งใจพาน้องไปหาของอร่อย อีกอย่างผมจะได้ลบความหวั่นกลัวกับตัวเองด้วย ผมเริ่มแปลกใจว่าคนตรงหน้าผมคือน้องคนเดิมหรือไม่ ลักษณะการพูดเดี๋ยวปกติ เดี๋ยวพูดอะไรไม่ใช่ตัวตน ผมยอมรับเลยว่าน้องผมไม่เคยมีประวัติการรักษาอาการทางจิตมาก่อน ไม่เคยพบจิตแพทย์แต่สิ่งที่แสดงออกมามันเพิ่มมาพร้อมกับความสามารถพิเศษด้วยเหรอ “น้องอยากกินไอติมไหม” “เดี๋ยวผมตามไปนะครับ ผมอยากได้ของร้านนั้น” ผมแปลกใจว่าทิวลิปอยากไปซื้อหนังสือโน้ตเพลง ปกติน้องจะชอบซื้อหนังสือการ์ตูนที่มีความรู้สอดแทรกไปในตัว ผมกับน้องจะมีหนังสือเล่มโปรดเรื่องหนึ่งที่ต้องซื้ออ่านเสมอ ตัวเอกของเรื่องก็เป็นเด็กเหมือนกันอย่างโทรุ น้องเคยบอกผมว่าเล่มใหม่ออกแล้วจะไปซื้อ พร้อมหนังสือดนตรี ผมเข้าใจน้องแล้วขอตัวไปนั่งรออยู่ที่ร้านไอศกรีมก่อน “น้องเป็นแบบนี้เพราะสิ่งที่เราเข้าไปในบ้านหลังนั้นเหรอ” ผมจำได้ว่าวันนั้นผมกับน้องไปตีแบดมินตันที่หน้าบ้านหรูหลังหนึ่งในหมู่บ้าน ผมเข้าไปตามน้องออกมา ตอนแรกก็ดูปกติแต่สิ่งที่ผมหันเข้าไปในบ้านหลังนั้นคือเปียโนหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงห้องโถงใหญ่ในบ้าน อยู่ตรงประตูเข้าออกหรือว่าสิ่งที่น้องผมเป็นจะได้มาจากสิ่งที่อยู่ในบ้านหลังนั้น เพราะเปียโนหลังนั้นเหรอ...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม