4 - บทเพลงปลุกตัวตน
“พี่ครับ คุ้กกี้รูปนี้น่ากินมากครับ”
ผมเห็นน้องกลับมาพร้อมหนังสือการ์ตูนเล่มหนึ่งที่ผมกับน้องชอบอ่านเหมือนกัน มันเป็นการ์ตูนเรื่องโปรดที่มีน้องโทรุเป็นตัวดำเนินเรื่อง ผมชอบมากไม่คิดว่าน้องจะติดตามเรื่องนี้เช่นกัน แต่ว่าหนังสือที่โดดเด่นกว่าคือหนังสือโน้ตเพลงสตริงวัยรุ่น เพลงเหล่านี้มีหลากหลายความหมาย อารมณ์ไปทางความรักของวัยรุ่นไปถึงผู้ใหญ่ ถ้าฟังอย่างตั้งใจก็จะเข้าถึงอารมณ์ร่วม แต่ถ้าเล่นไปด้วย คนนั้นจะมีจิตวิญญาณความเป็นนักดนตรีก่อประสบการณ์ไปในตัว สำหรับน้องผมเขาไม่เคยเป็นมาก่อน แต่มาเป็นทันทีได้ยังไง
ผมนั่งกินไอศกรีมกับน้องตนเอง ผมตักเข้าปากพร้อมหยิบคุกกี้รูปหนึ่งที่สลักลงในชิ้นวงกลมขนาดพอดีมือ เป็นรูปกุญแจซอลและโน้ตหลากหลาย ผมว่าเจ้าของร้านน่าจะเป็นนักดนตรีมาก่อน ถึงได้ทำขนมและการตกแต่งร้านอารมณ์สุนทรีย์มาก ผมเห็นแล้วลูกค้าประจำน่าจะเป็นน้องทิวลิปคนแรก ผมมองน้องไม่ละสายตา ยังแปลกใจกับสิ่งที่น้องเป็นไปอย่างรวดเร็วไม่ทันตั้งตัว น้องผมคือทิวลิปตัวตนเดิมที่ผมเห็นทุกวันหรือเป็นคนอื่นจากการถูกสิงร่างกันแน่
“ดูท่าน้องจะชอบดนตรีมากนะ”
“ผมชอบตั้งแต่วันที่เห็นเปียโนของจริงแล้วครับ” ผมได้เข้าไปในบ้านหรูครั้งแรก กลางบ้านเขาจะมีเปียโนหลังใหญ่ มีกระถางพรรณไม้หลายชนิดประดับตกแต่งล้อมพื้นที่วางเปียโน ตัวบ้านยกสูงอากาศถ่ายเท หายใจสะดวกทั้งบ้านราวกับทำเลดีจนน่าตกใจ ผมเห็นแล้วยังคิดเลยว่าเจ้าของบ้านน่าจะเป็นคนรวย มีเงินมากเป็นล้านล้านถึงตกแต่งความหรูหราในบ้านหลังนี้ให้ดีกว่าบ้านหลังอื่น ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเขามากแต่น่าเสียดายที่ผมเป็นแบบนั้นไม่ได้
“เปียโนเหรอ”
ผมจำได้ว่าตอนผมไปตามทิวลิปในบ้านหลังหนึ่งที่ผมตีลูกแบตไปตกในบ้านหลังนั้น ตอนแรกผมก็ไม่ได้สังเกตอะไรมาก เห็นน้องเข้าไปเก็บมันแล้ว ผมรีบพาตัวออกไปกลัวเจ้าของบ้านจะต่อว่า เพราะแอบเข้ามาไม่บอกกล่าวถือเป็นการบุกรุกที่ไม่น่าให้อภัย แต่ว่าผมกับน้องสังเกตไม่เหมือนกัน ผมไม่ได้มองเข้าไปในตัวบ้านก็เลยไม่ทันเห็นว่ามีเปียโนตั้งอยู่ในบ้าน ผมคิดว่าน้องได้ความสามารถพิเศษมา เป็นเพราะเปียโนหลังนั้นก็ได้ เล่นแล้วได้พลังมาอย่างรวดเร็ว ราวกับเจ้าของมองดูแล้วทำการเข้าสิงร่างเพื่อรับความสามารถพิเศษส่งต่อ
“น้องได้เล่นมันใช่ไหม”
“ผมชอบมากเลย บ้านนี้มีเปียโนหลังใหญ่สวยมาก สงสัยลูกชายบ้านนี้จะรวยมากเลยครับ”
“น้องไม่เห็นแต่รู้ได้ไง”
ผมไม่รู้ว่าในบ้านหลังนั้นมีอะไร หน้าตาครอบครัวสมาชิกผมยังไม่เห็นเลย แล้วน้องเข้าไปแอบเล่นเปียโนในบ้านเขาแล้วยังไปแอบดูสิ่งของในบ้านเขาอีก ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องดีที่จะไปบุกรุกบ้านคนอื่น แล้วทำเหมือนไม่รู้สึกผิดตอนนี้ ผมว่าน้องอาจจะเจอดีแล้วล่ะ เพื่อความแน่ใจผมจะจับตาดูน้องไปถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด นอกจากการสังเกตแล้ว ต้องพูดคุยกับน้องไม่งั้นน้องอาจจะพูดคนเดียวกับใครบางคนที่มองไม่เห็น
“พี่เขาบอกผม พี่เขาชอบผมมากเลยครับ ถูกใจตั้งแต่แรกเห็นเหมือนเขาอยากให้ผมไปอยู่ในเปียโน”
“ทิวลิป”
ผมว่าสิ่งที่น้องเป็นอยู่ มันน่าจะได้จากสิ่งลี้ลับที่ผมมองไม่เห็นว่ามันเป็นใคร สิ่งที่น้องแสดงความประหลาดออกมา ชัดเจนจนผมไม่ต้องไปหาสาเหตุอื่นแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องก็น่าจะมีต้นเหตุมาจากบ้านหลังนั้น บางทีสิ่งที่เกิดในบ้านหลังนั้น อาจมีอะไรเลวร้ายจนมันอยากให้พวกเราเข้าไปไขปริศนาก็ได้ ผมกับน้องบังเอิญเจอจนต้องเข้าไปเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ได้ยังไง
“เดี๋ยวคืนนี้ผมจะเล่นเปียโนให้ฟังนะครับ”
“บ้านเราไม่มีเปียโนสักหน่อย”
“พี่เขามอบให้ผมเล่นเวลากลางคืนเท่านั้น” ผมฟังแล้วยิ่งขนลุกมากกว่าเดิม ผมไม่รู้ว่าน้องเห็นอะไรกันแน่ ถ้าให้น้องอธิบายผมจะขนลุกกว่าเดิม สิ่งที่ผมคิดถ้าเป็นผู้ชายหล่อแต่เป็นวิญญาณผมกลัวอยู่ดี เพราะมันไม่ได้มาเป็นรูปแบบมนุษย์แล้ว ใครเห็นมีหรือจะยืนเฉยต้อนรับ
“พี่คนไหน”
ผมขอให้น้องช่วยพูดกับผมตรงตรงให้ผมหายสงสัยสักที ว่าน้องเห็นอะไรมา น้องไม่ยอมบอกและบอกกับให้ฟังแค่ว่ารู้เองแล้วจะยอมรับในความเป็นไปแน่นอน ทำไมต้องเป็นแบบนั้น ความสามารถพิเศษทุกคนต้องยอมรับได้ไม่ใช่เหรอ หรือว่าในบ้านหลังนั้นมีความลับซ่อนอยู่ อาจจะมีความสุขปนความเศร้าก็ได้ ว่าแต่เจ้าของบ้านหลังนั้นเป็นใครกันแน่ถึงเลือกน้องผมไปใช้ร่างเล่นแบบนี้
ในคืนนั้น
ทิวลิปนั่งอยู่ในห้องนอนมุมเดิมที่ผมอยู่แล้วอุ่นใจเป็นเซฟโซนดี ๆ ทำให้ผมผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าได้ วันนี้ผมเล่นดนตรีคล่องมากไม่มีหมดแรงราวกับเติมสารเสพติดให้ร่างกายไม่เหนื่อยล้าตามปกติของร่างกายมนุษย์ ผมยังแปลกกับตัวเองเลยว่าผมทำไปได้ยังไง ผมนอนก่ายหน้าผาก มองเพดานยังไม่หลับลึก คิดอะไรเรื่อยเปื่อยคนเดียวไปจนหลับเอง ผมมีความสุขกับการได้เล่นเปียโนมาก เหมือนเสียงดนตรีเป็นตัวขับเคลื่อนให้ชีวิตผมผ่านไปได้ในแต่ละวัน ผมมีความสุขกับมันมากจนไม่อยากให้เวลารอยยิ้มหมดไป อยากให้มันอยู่กับผมนาน ๆ จนผมไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้
คร่อก...
“ทิวลิป จู้บบ”
ผมปลุกน้องทิวลิปให้ตื่นขึ้นมา ผมอยากเห็นและได้ยินเสียงน้องเวลาน้องมีความสุขที่ได้อยู่กับผม น้องตื่นขึ้นมาพร้อมยิ้มให้เป็นการทักทาย ผมเลือกเด็กคนนี้เพราะน้องน่ารัก ดูไม่มีพิษภัย ผมมองขาดแล้วว่าเขาอาจจะช่วยผมเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปในชีวิตได้ ผมเลือกอย่างมั่นใจแล้วว่าต้องเป็นคนนี้ทั้งที่ผมไม่รู้จักกันมาก่อน
“พี่เป็นใครกันแน่ ผมรู้สึกดีมากเลยครับ”
“พี่คือเอกมัย”
ผมเห็นความน่ารักของน้องแล้วลืมแนะนำตัวได้ยังไง ตอนเจอกันน้องก็เรียกพี่ไม่ก็คิดชื่อเล่นชื่อจริงใหม่ให้ผมเองก็มี ผมแนะนำตัวอย่างเป็นทางการไปเลยดีกว่า ผมชื่อเอกมัย หนุ่งผอมหน้าหล่อมัดใจใครหลายคนที่พบเห็น ผมจะเป็นคนหนึ่งนอกจากหน้าตาหล่อหวานแล้ว เวลาผมเล่นเปียโนผมจะมีเสน่ห์มาก เหมือนมันเป็นของคู่ใจที่ทำให้ผมมีความสุข พร้อมรับการยอมรับจากใครสักคนที่ผมไม่เคยได้มัน
“พี่มีตัวตนจริงไหม”
“เคยมี”
ผมถึงกับขยี้ตาเพราะผมเคยเห็นพี่เขาเดินในโรงเรียน แต่น่าแปลกที่ผมไม่เคยเห็นพี่เขาบ่อย เวลาจะไปไหนหายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมคิดว่าพี่เขาหายตัวได้ และมันก็เป็นเช่นนั้น ผมตกใจไปพักหนึ่งเพราะสิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าคือตัวจริงหรือสุกี้น้ำที่ใครก็เปรียบเหมือนผี
“พี่หล่อแบบนี้ผมจะกลัวได้ไง ผีแบบนี้น่ารักมากเลย”
“น้องอายุแค่นี้ พูดแบบนี้กับพี่ตัวเองหมายความว่าไง”
“ผมชอบพี่ตัวเองครับ”
ผมบอกตามตรงเลยว่าผมชอบพี่ชรัสมาก นอกจากพี่เขาจะนิสัยดี เอาใจใส่ผมแล้วพี่เขายังน่ารักด้วย ผมอายุแค่นี้แต่ความต้องการรักใครสักคนมันก่อตัวไวกว่าการสร้างรถไฟฟ้าในประเทศนี้อีก
“พี่จะพาไปเล่นเปียโนเองนะ”
ผมตั้งใจพาทิวลิปไปเล่นเปียโน น้องไม่ต้องเดินทางไกลหรอก ผมจูงมือพาน้องเดินทะลุไปอีกมิติหนึ่งก็ถึงแล้ว ผมกับน้องยืนอยู่ในห้องโถงกลางบ้านของผม น้องคงคุ้นตาเป็นอย่างดีตั้งแต่วันที่น้องบังเอิญเข้าบ้านผมวันแรก ผมอยากให้น้องเล่นเหมือนกับผม ผมอยากส่งต่อความสามารถให้ใครสักคนและผมคิดว่าผมมองขาดแล้ว
“ขอบคุณนะครับพี่ที่มอบสิ่งนี้ให้ผม”
ผมอยากขอบคุณพี่เอกมัยมาก พี่เขาพาผมมาที่บ้านของพี่เขา ผมคุ้นตาเป็นอย่างดีเพราะมันบังเอิญที่ผมเข้ามาเก็บลูกแบตในบ้านหลังนี้ ได้เห็นเปียโนหลังใหญ่ ผมอยากเล่นก็เลยเข้าไปเล่นดูจากตอนแรกเล่นไม่เป็นเพลง รัวนิ้วไปมากดแต่ไม่เป็นทำนองเพลงเลย และสิ่งที่ผมเป็นมันมาจากพี่ตรงหน้าผมนี่เอง พี่เขาสอนอย่างดีจนผมไม่ต้องทำอะไรมาก
“พี่ชอบมากเลย มีคนมาทำให้มันเกิดขึ้นอีกครั้ง”
ผมไม่คิดเลยว่าน้องจะเข้ามายุ่งกับเปียโนของผม หลังจากบ้านหลังนี้เปิดไว้นานทำเหมือนพิพิธภัณฑ์จะเข้ามาเยี่ยมชมได้ทุกเมื่อ แต่มันก็เป็นแบบนั้นเพราะผมไม่ได้อยู่ในโลกใบนี้ มาหาน้องในรูปแบบอากาศธาตุ ถึงจะมาแบบไม่เหมือนคนทั่วไปแต่น้องเขาไม่กลัวผมเลย แถมอยากให้ผมอยู่ฟังตอนเล่นเปียโน ผมไม่มีความจำเป็นต้องหนีเพราะเปียโนหลังนั้นเป็นของผม
“เพลงคราวเดรียวที่พี่อยากฟังผมเล่นมันให้แล้วนะครับ”
ทิวลิปบรรเลงเพลงคราวเดรียวให้พี่เอกมัยฟัง มันเป็นเพลงปลุกตัวตนให้ผมเห็นพี่เขาในชีวิตมากขึ้น บทเพลงนี้ผมยังไม่รู้ความหมายแน่ชัดเลยว่ามันหมายถึงอะไร ต่อให้ผมจะบรรเลงอย่างตั้งใจ ซึมซับทุกโน้ตดนตรีแต่ตีความหมายแท้จริงไม่ได้เลย
“ถ้าน้องอยากรู้ว่ามันหมายถึงอะไร น้องต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกับพี่ก่อนได้ไหม”
“พี่อยากให้ผมทำอะไรครับ”