เลิกยุ่งกับฉันสักที!!

3246 คำ
ใช่การที่เรารักใครสักคนมันเป็นเรื่องยากเพราะความรักต้องใช้เวลาก่อนที่จะก่อคำว่ารักขึ้นมา แต่การที่เราจะตัดใจจากคนที่เรารักนั้นมันยากกว่าเพราะว่าเราได้ถลำลึกไปกับความรู้สึกของเรามากขึ้นจนยากที่จะตัดออกไปได้ง่ายๆแต่ถึงแม้ว่ามันจะยากแค่ไหนฉันคนนี้เนี้ยแหละจะตัดเขาออกไปให้ได้เพราะอะไรน่ะหรอ เพราะเขาไม่ได้เลือกฉันและฉันก็รู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้นี่แหละคือความรู้สึกของคนที่แอบรักข้างเดียว...และที่แย่ไปกว่านั้นคือฉันไม่เคยไปสารภาพกับเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าย้อนเวลาไปได้ฉันควรจะบอกรักเขาตั้งแต่ตอนแรก ~~~ อยู่ๆเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ทำให้ฉันสะดุ้งขึ้น ฉันล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากระโปรงขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์ของซัน เอ๊ะ...เขาจะโทรมาทำไมกันนะ “ฮัลโหล” (นี่ยัยความลับ เธอจะบอกฉันได้หรือยังว่าเธอเป็นใครแล้วเรื่องที่เธอบอกว่ามีคนจ้องทำร้ายฉันเธอรู้ใช่ไหมว่าใคร) “รู้...แต่ถ้าฉันบอกนาย นายก็ไม่เชื่อฉันหรอกเอาเป็นว่า ฉันบอกนายแค่ว่าเป็นคนที่สนิทกับนายและคนที่นายไว้ใจที่สุด” (ความลับเยอะจริงๆเลยนะ อย่าให้ฉันรู้ก็แล้วกันว่าเธอเป็นใคร) “เก่งนักนี่ สืบเอาเองก็แล้วกันนะ” (เดี๋ยว...) ตู๊ด!!! ~~~ “ก็บอกแล้วไงว่าบอกไม่ได้...” (บอกไม่ได้อะไรยัยมิว...) ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดต่อปรายสายก็ถามขึ้นมาซะก่อน ฉันจึงเลื่อนโทรศัพท์จากหูมาตรงหน้าเพื่อดูรายชื่อปรายสายที่โทรเข้ามาแทน “พ่อ...” (ใช่พ่อเอง แล้วเรื่องอะไรที่บอกไม่ได้) “เอิ่ม...ไม่มีอะไรค่ะว่าแต่พ่อโทรหามิวมีอะไรหรือเปล่าคะ” (คือวันนี้พ่อเลิกทำงานเร็ว เอาเป็นว่ารออยู่ที่เดิมนะแล้วพ่อจะไปรับ) “ค่ะพ่อ” ฉันนั่งรอพ่ออยู่ไม่นานพ่อก็มาถึง โอ้เย้!! วันนี้ฉันไม่ต้องกลับบ้านกับพอร์ชแล้ว ก็ดีเหมือนกันจะได้ตัดใจง่ายๆหน่อยปล่อยให้ระยะห่างทำลายความผูกพันธุ์ไปทีละนิดเดี๋ยวฉันก็ตัดใจจากเขาได้เองแหละ (มั้ง)-__- “พ่อมาเร็วจังเลยนะคะ^__^” “พ่ออยู่แถวนี้พอดีน่ะ ไม่ดีหรือไงโทรปุ๊บก็มาปั๊บน่ะ” “ดีสิคะ” “พ่อว่าจะแวะไปทำธุระก่อนนะลูก^^”พ่อบอกระหว่างขับรถ “ค่ะพ่อ” “มิวเดี๋ยวไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าให้แม่หน่อยนะ แล้วเดี๋ยวพ่อทำธุระเสร็จพ่อจะกลับมารับ”พ่อพูดระหว่างที่เลี้ยวรถเข้ามาจอดที่หน้าห้างสรรพสินค้า “ค่ะ”จากนั้นพ่อก็ยื่นเงินสดพร้อมกับรายการสินค้ามาให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะก้าวลงจากรถสายตาฉันพลันมองไปเห็นผู้ชายร่างสูง5คนกำลังยืนตกลงอะไรกันอยู่ที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า ฉันจะไม่สนใจเลยถ้าหนึ่งในนั้นไม่มี ‘เอพริล’ “มีอะไรหรอมิว ทำไมยังไม่ลงไป...พ่อรีบนะ” “อ๋อค่ะ”ฉันรีบลงจากรถพ่อแล้วเดินไปหลบอยู่ที่หลังรถตู้เพื่อแอบฟังพวกเอพริลคุยกันถึงแม้ว่าจะไกลไปซักนิดแต่ก็พอได้ยินว่าพูดอะไรกัน “ตอนนี้มันคงเลิกเรียนแล้ว บ้านมันน่าจะอยู่แถวนี้เดี๋ยวอีกสักพักมันก็คงมา”เอพริลกล่าว “แล้วพวกฉันต้องทำอะไรบ้าง”หนึ่งในนั้นถามเอพริลขึ้น “ก็ไม่ต้องถึงตายหรอกเอาให้แค่ขึ้นเวทีไม่ได้ก็พอ”แค่นี้ฉันก็รู้แล้วว่านายกำลังวางแผนจะทำร้ายซัน เอาไงดีถ้าบ้านซันอยู่แถวนี้จริงเขาต้องโดนรุมแน่ๆ5คนรุมคนเดียวไม่มีทางสู้ได้หรอก มิวเธอคิดว่าควรช่วยนายนั่นยังไง และแล้วฉันก็พบทางสว่างเมื่อนึกขึ้นได้ว่าในกระเป๋าฉันมีโทรศัพท์ ฉันกดโทรหาซันทันที ตู๊ด! ตู๊ด! ตู๊ด! เมื่อฉันพบทางสว่างแต่นายซันดันไม่รับโทรศัพท์ซะงั้น แถมตอนนี้ฉันยังเห็นซันเดินมายังจุดที่อันตรายโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าพวกของเอพริลกำลังดักรอเขาอยู่ “โอ๊ย!! ไอ้บ้าซันทำไมไม่รับโทรศัพท์วะ”ฉันสบถอย่างหัวเสีย แต่แล้วก็ต่อสายไปอีกครั้งและก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะรับสายฉันเลย ซันเดินอย่างอารมณ์ดี และเหตุการณ์ที่ฉันคิดไว้ก็เกิดขึ้นจริงๆ ผู้ชาย4คนวิ่งเข้าไปประกบซันเอาไว้โดยที่มีเอพริลคอยดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ “พวกแกเป็นใคร”ซันถามออกไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง นี่เขาไม่กลัวบ้างเลยหรอเขามีเยอะกว่านายนะ “จะรู้ไปทำไม”หนึ่งในนั้นตอบ “อย่าคิดว่าฉันกลัวพวกแกนะเว้ย”อ่ะเก่งจ้าพ่อ เขามาสี่คนจ่ะพ่อคุณ “แกคิดว่าตัวเองเป็นใครวะ ถึงได้ปากเก่งแบบนี้ตัวคนเดียวแล้วยังไม่เจียมอีก”ผู้ชายหัวทองถามซันอย่างเย้ยหยัน “เป็นซุปเปอร์ฮีโร่มั้ง^_-”ซันตอบพร้อมกับกระตุกยิ้มกวนๆ จบประโยคของซัน4คนนั้นก็พุ่งเข้าใส่ซันทันที ซันก็ไม่ยอมแพ้ต่อเหตุการณ์ตรงหน้าเช่นกัน ผู้ชาย4คนพยายามเข้าถึงตัวซันและต้อนเพื่อให้ซันจนมุมแต่ก็ดูเหมือนว่าซันจะไม่หลงกลพวกนั้น แถมซันยังซัดหมัดรัวใส่นาย4คนอย่างผู้ชำนาญในการต่อสู้ ซันต่อยอย่างหนักหน่วงชนิดที่ว่าสู้ตายก็ว่าได้ เวลาผ่านไปเกือบ10นาทีจาก4คนก็เหลือเพียงแค่2คนเท่านั้น ตอนนี้ซันเริ่มจะหอบและหมดแรงลงไปทุกทีแล้ว บนใบหน้าขาวเนียนของเขาเต็มไปด้วยรอยช้ำจากการต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นแก้ม หางคิ้วและมุมปากของเขาที่เริ่มมีเลือดซึมออกมา ตุ๊บ! ตั๊บ! ตุ๊บ! ตั๊บ! ซันซัดหมัดใส่นาย2คนที่เหลืออีกครั้งอย่างไม่ยอมถอย ฉันดูจากสภาพแล้วซันเริ่มจะไม่ไหวแล้วด้วยถึงแม้ว่าเขาจะล้มไปได้2คนแล้วก็ตาม เอาไงเอากันวะ...ฉันตัดสินใจที่จะเข้าไปช่วยซันโดยไม่ลืมหาอาวุธติดไม้ติดมือไปด้วย ซึ่งสิ่งที่ฉันหาได้ในตอนนี้ก็คือไม่กวาดทางมะพร้าวนั่นเอง เอาวะยังดีกว่าไปช่วยมือเปล่า ตุ๊บ! ตุ๊บ! อ๊าก! “เฮ้ย!! ยัยนี่มาได้ไงวะ”ฉันเอาไม้กวาดตีไปที่กลางหลังของผู้ชายที่ระเบิดหู จนมันหันมาจ้องฉันตาเขม็งด้วยความโกธร ถึงอย่างไรฉันก็ช่วยเบาแรงให้ซันไป1คนนะ “เธอวอนหาเรื่องเองนะ”ฉันฟาดไม้กวาดไปที่หัวของนายนั่นอีกครั้งด้วยแรงที่ไม่ยั้ง นายนั่นพยายามจะแย่งไม้กวาดไปจากมือฉันแต่ฉันก็ฟาดเข้าไปที่แขนของเขาซะก่อน นายซันเมื่อเหลือผู้ต่อสู้แค่คนเดียวเขาก็ฮึดสู้อีกครั้ง ซันใช้เท้าถีบเข้าที่ท้องของนายหัวแดง ไม่พอแค่นั้นเมื่อนายหัวแดงล้มลงไปกองที่พื้นซันยังเตะเข้าไปที่ปลายคางจนคนตรงหน้าสลบไปอีกราย ส่วนสถานการณ์ฝั่งฉันกำลังแย่ เพราะนายระเบิดหูนั่นแย่งไม้กวาดไปจากฉันได้แล้วที่แย่ไปกว่านั้นนายนั่นกำลังจะฝาดมาที่หัวของฉันด้วยสิ ฉันจึงหลับตาปี๋เพราะคิดว่ายังไงฉันก็ไม่รอด พรวด! พลั๊ก! ตุ๊บ! อ๊าก! เสียงเหมือนคนต่อสู้กันอีกครั้ง แต่ทำไมดูเหมือนว่านายนั่นยังไม่ฟาดด้ามไม้กวาดมาที่ฉันสักทีล่ะ “เฮ้! ลืมตาได้แล้ว”ฉันค่อยๆลืมตาก็พบว่านายระเบิดหูนั่นสลบไปอีกรายแล้ว “ขอบใจนะที่ช่วยฉัน”ฉันกล่าวขอบคุณซัน พร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ “ไม่เป็นไร เธอเป็นหนี้บุญคุณฉันนะ”ห๊ะ! ว่าไงนะ “แต่ฉันเข้ามาช่วยนายนะ-o-” “ฉันก็เข้ามาช่วยเธอเหมือนกันนะ”โธ่! ทำคุณบูชาโทษแท้ๆเลย “งั้นก็หายกัน” “หายกันได้ไง ฉันเป็คนจัดการไอ้พวกนั้นกับมือนะแถมยังต้องมาช่วยเธอที่กำลังจะโดนฟาดหัวอีก-_-...ไม่รู้ล่ะเธอติดหนี้บุญคุณฉัน” “นายนี้มัน...-_-”ผู้ชายอะไรเนี้ย เอาแต่ได้ ช่วยก็ต้องหวังผลด้วยหรอเนี้ย “แล้วทำไมเธอถึงมาช่วยฉัน” “ก็ฉันเห็นว่านายใกล้จะตายเพราะรับมือกับพวกนั้นไม่ไหว ฉันสงสารก็เลยเข้ามาช่วยแต่บังเอิญกลับกลายเป็นหนี้บุญคุณนายซะงั้น...ชั่งเถอะฉันขอตัวกลับก่อนนะ”แล้วฉันก็หันหลังกลับไปที่ห้างสรรพสินค้าอีกครั้งเพื่อซื้อของที่พ่อสั่ง “เดี๋ยวก่อน...” “มีอะไรอีก-_-!” “ขอบใจนะที่มาช่วย” “จะขอบใจทำไมในเมื่อฉันติดหนี้บุญคุณนายอยู่ไม่ใช่หรอ-_-”ฉันตอบหน้าตายอีกครั้งอย่างประชดประชัน ฉันกลับบ้านมาด้วยความเหนื่อยล้าเพราะหลังจากที่แยกทางกับซันฉันก็เข้าไปซื้อของตามที่รายการในกระดาษที่พ่อยื่นให้โดยที่ไม่บกพร่องในหน้าที่แม้แต่นิดเดียว พอซื้อของเสร็จฉันก็ออกมารอพ่อที่หน้าห้างสรรพสินค้าเพียงเวลาไม่นานพ่อก็มารับฉัน “มิวเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นเร็วๆหน่อยนะ พ่อมีลูกค้าส่วนตอนเย็นลูกก็กลับเองนะ”พ่อบอกฉันในขณะที่ทานอาหารมือค่ำ “โอเคค่ะพ่อ...เอ...อย่างงี้มิวขอขึ้นค่าขนมดีไหมคะพ่อ^^” “อย่างกไปหน่อยเลยยัยมิว-_-”>แม่ “ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยขึ้นก็ขึ้นสิ แต่คุณจ่ายให้ลูกนะ^^”แหมพ่อไม่ค่อยจะโยนภาระให้แม่เลย “ทำแบบนี้ได้ไง ถ้าคุณขึ้นคุณก็จ่ายเองสิ”แม่ฉันเริ่มเถียง “มิวดูแม่ของลูกสิ ผมไม่แปลกใจเลยว่ายัยมิวงกเหมือนใคร”และไม่นานก็เกิดการเถียงกันจนฉันต้องรีบกินและชิ่งขึ้นมาบนห้องนอนก่อน ตื่อ! ดึ่ง! Piglet Said: [มิว...กว่าแกจะออน] Mew Said: ก็วันนี้ฉันต้องแวะซื้อของให้แม่ แถมยังต้องไปช่วยซันอีก-_- Piglet Said: [ช่วยอะไรอีก] Mew Said: ก็พวกเอพริลสั่งให้เพื่อน4คนไปจัดการซัน ตอนแรกฉันก็กะจะไม่เข้าไปช่วยหรอกแต่ฉันเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีแล้วนายนั่นสภาพดูน่าเป็นห่วงฉันอดไม่ได้ก็เลยเข้าไปช่วย ไม่พอแค่นั้นตอนที่ฉันจะโดนฟาดด้วยด้ามไม้กวาดซันก็เข้ามาช่วยแล้วยังบอกอีกนะว่าฉันติดหนี้บุญคุณเขาอีก-_-! ฉันบ่นไปยาวเหยียด Piglet Said: [มีแบบนี้ด้วยหรอวะแก-_-] Mew Said: ฉันก็เพิ่งเคยเห็นเนี้ยแหละ Piglet Said: [ฉันว่าแก...ไปช่วยซันแบบนั้นมันอันตรายนะ ฉันว่าไม่นานแกต้องพลอยโดนเล่นงานไปด้วยแน่ๆ] Mew Said: เออ...ฉันก็ลืมคิดไปเลยอ่ะ Piglet Said: [เอาเป็นว่าแกก็คอยระวังตัวหน่อยก็แล้วกันนะช่วงนี้...ฉันไปและบ๊ายบาย] Mew Said: โอเคแก...บ๊ายบาย Piglet Offline ฉันปิดโน๊ตบุ๊คด้วยความคิดที่ฟุ้งซ่าน ฉันไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย-_-!ในเมื่อเอพริลแอบดูเหตการณ์นั้นเขาก็ต้องเห็นว่าฉันเป็นคนเข้าไปช่วยซันไม่นานเขาก็ต้องมาเล่นงานฉันด้วยแน่ๆ นี่ฉันคิดมากไปหรือเปล่าเนี้ย นี่ก็ปาไปตี1กว่าๆแล้ว แล้วฉันก็เอาแต่ดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนเตียงโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะข่มตาให้หลับลงได้เลย ช่วงนี้ไม่รู้ว่าอะไรเต็มหัวฉันไปหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเอาตัวรอดเพราะดันเข้าไปยุ่งเรื่องของซันหรือจะเป็นเรื่องพอร์ชอีกที่ฉันยังตัดใจลืมเขาไม่ได้ นี่ดีนะที่ยังไม่ใช่ช่วงใกล้สอบไม่อย่างงั้นหัวฉันได้ระเบิดแน่ๆ เช้าวันต่อมา... “มิวตื่นได้แล้ว”เสียงแม่แว่วๆ “...” “มิว!! แม่บอกให้ตื่นถ้าไม่ตื่นไปโรงเรียนเองนะ”แค่นั้นแหละ ฉันถึงกับรีบสะดุ้งตื่นโดยอัตโนมัติเลย ฉันใชเวลาเกือบ20นาทีในการอาบน้ำและแต่งตัวอีก10นาทีเมื่อคิดว่าเรียบร้อยแล้วฉันก็ลงไปทานอาหารเช้าที่แม่เตรียมเอาไว้ที่โต๊ะอาหาร แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตักข้าวเข้าปากพ่อก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน “มิว...ไปกันเถอะพ่ออิ่มแล้ว” “แต่มิวยังไม่ทันได้กินเลยนะคะ-o-” “อ้าวหรอ...พ่อให้เวลา5นาทีนะพ่อรีบ”จะทันไหมเนี้ย5นาที จากนั้นฉันก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบยัดอาหารเข้าปากด้วยความเร็วแสงประหนึ่งว่าแข่งกินมาราธอน “จะพยายามนะคะ- -*”พ่อใจร้ายอ่ะT^T @โรงเรียน “มิว...วันนี้มาแต่เช้าเลยนะ”ปาร์ตี้เอ่ยด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม “ฉันติดรถพ่อมาน่ะ”^-^ “ทำไมหน้าแกดูโทรมๆวะมิว”น้ำขิงละสายตาจากหนังสือนิยายมาถามฉัน “นอนไม่หลับน่ะ...แล้วนี่พิกเล็ทยังไม่มาอีกหรอ-_-?” “ยังเลยเมื่อกี้ฉันโทรไปพิกเล็ทบอกว่าเพิ่งออกจากบ้าน”>ปาร์ตี้ “มิวจดหมายรักของเธอ”หัวหน้าห้องส่งจดหมายมาให้ฉันอย่างเช่นทุกวัน ‘เวลาเปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยนแต่ทำไมฉันถึงไม่เคยคิดที่จะชอบคนอื่นบ้างเลยนะ’ถึงแม้ว่าฉันจะเลิกสนใจเรื่องคนส่งการ์ดมาให้ฉันแต่ฉันก็ไม่คิดที่จะทิ้งมันไปเลยแม้แต่ใบเดียว “ชายปริศนาของแกยังไม่เลิกส่งการ์ดพวกนี้มาอีกหรอวะ”>น้ำขิง “ยัง-___-” “แล้วเรื่องที่ให้ซันสืบให้ไปถึงไหนแล้วมิว”ปาร์ตี้ถามฉัน “ฉันเลิกให้เขาสืบแล้วล่ะปาร์ตี้”คงสงสัยใช่ไหมล่ะคะว่าทำไมฉันถึงได้ใช้คำสรรพนามกับปาร์ตี้แตกต่างจากคนอื่น เพราะปาร์ตี้เป็นคนเดียวในกลุ่มที่เรียบร้อยที่สุดพูดจาสุภาพฉันก็เลยใช้แทนตัวว่าฉันกับเธอหรือไม่ก็ชื่อ ส่วนพิกเล็ทกับน้ำขิงฉันจะพูดจาเป็นกันเองมากกว่าเลยใช้คำว่าฉันกับแก “ทำไมล่ะ”>ปาร์ตี้ “ฉันไม่อยากรู้แล้ว-_-” “อ๋อ...” ตึง! ดึ่ง! ดึง! ดึ่ง! ตึง! ดึง! ดึ่ง! ดึง! เสียงออดบอกเวลาพักเที่ยง หลังจากที่นั่งเรียนมาโดยที่ความรู้ไม่ได้เข้าสมองฉันเลยแม้แต่น้อย จะบอกว่าเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาก็ว่าได้นะ “เรื่องของแกกับพอร์ชเป็นยังไงบ้าง เมื่อวานได้กลับด้วยกันไหม”>พิกเล็ทที่นั่งเงียบอยู่นานถามขึ้น อ๋อลืมไปค่ะวันนี้ยัยนี่มาสายเกือบจะเข้าคาบแรกถึงได้โผล่หัวมา “เมื่อวานพ่อมารับ ฉันก็เลยไม่ได้กลับกับพอร์ช-_-” “แล้วแกจะเอายังไงต่อล่ะ”>น้ำขิง “คงออกห่างสักพักน่ะ ขอทำใจก่อน-_-” “ฉันรู้ว่าการลืมคนที่เราชอบมันทำลำบาก แต่ก็ยังดีกว่าที่เราจะถลำลึกมากไปกว่านี้เนอะ^_^”เอาแล้วไงยัยพิกเล็ทเริ่ม ดราม่าอีกแล้ว “อื้ม-_-” “ไม่เอาแล้ว...พวกเธอเลิกพูดเลยดูสิมิวคิดมากอีกแล้ว-o-”>ปาร์ตี้ “โอเคๆ งั้นพวกเราไปกินข้าวกันเถอะ”>พิกเล็ท ฉันและเพื่อนๆเดินออกจากห้องเรียนเพื่อมุ่งหน้าสู่โรงอาหาร แต่ระหว่างทางไปโรงอาหารฉันและเพื่อนๆต้องเดินผ่านห้องB2ซึ่งเป็นห้องเรียนของพอร์ช ฉันพยายามไม่หันเข้าไปมองข้างในห้องเรียนแต่แล้วสายตาไม่รักดีก็ดันมองเข้าไปด้วยหางตาซะงั้น พอร์ชมองออกมาโดยที่ฉันใช้เพียงหางตามองเขาเท่านั้น “มิว...แกจะไม่ทักพอร์ชหน่อยหรอ”น้ำขิงกระซิบถามฉัน “น้ำขิงถ้าฉันคิดที่จะตัดก็คือตัด แกว่าฉันควรจะทักเขาไหมล่ะ-_-”ฉันตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบนิ่งและไม่รู้สึกอะไร ในใจของฉันตอนนี้มันชั่งขัดกับการกระทำเสียเหลือเกิน “แต่นายนั่นจ้องแกไม่วางตาเลยนะ” “แกเลิกทำให้ฉันไขว้เขวได้ไหม ฉันไม่อยากล้มเลิกการกระทำของตัวเองนะ-_-*” “โอเคๆ” ไม่นานก็เดินผ่านห้องเรียนของพอร์ชมาด้วยความอึดอัดคับแน่นในหัวใจ ตลอดที่เดินมาฉันเกร็งที่จะไม่หันไปมองใบหน้าของเขาซึ่งมันเป็นอะไรที่ทรมานมากเพราะปกติแล้วถ้าเดินผ่านหน้าห้องของเขาฉันก็ต้องทักเขาแต่ครั้งนี้ไม่ใช่แบบนั้นเพราะฉันเลือกที่จะไม่มองเข้าไปข้างในเลยด้วยซ้ำ “ยัยมิวทำถูกแล้วน้ำขิง-_-”>พิกเล็ทพูดกับน้ำขิงก่อนที่จะตบไหล่ฉันเบาๆเป็นการปลอบใจ ดีนะที่เวลาแบบนี้ฉันยังมีเพื่อนๆที่คอยให้คำแนะนำฉันน่ะ ถ้าเกิดว่าฉันอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายฉันคงไม่มีวันอยู่ได้แน่ๆ เพื่อนของฉันจะคอยปลอบใจ คอยให้คำปรึกษาฉันในวันที่ฉันท้อถ้าไม่มีเพื่อนฉันคงไม่เข้มแข็งแบบนี้หรอก(ซึ้งเลยอ่ะดิT^T) “มิว...”นี่ไม่ใช่เสียงของเพื่อนๆฉันแต่กลับกลายเป็นคนที่ฉันพยายามหลบหน้าเขานั่นเอง “...พอร์ช-_-^” “เธอเป็นอะไรหรือเปล่าดูแปลกๆไป เมื่อวานเธอกลับบ้านยังไงฉันรอเธอตั้งนานแหน่ะ^__^”พอร์ชถามพร้อมกับรอยยิ้มแห้งๆ “พ่อมารับน่ะฉันเลยไม่ได้บอกนาย อีกอย่างฉันก็ไม่รู้จะบอกนายยังไง”ใช่เบอร์โทรนายฉันก็ไม่มี “ถ้างั้นเราก็แลกเบอร์กันสิเราจะได้ติดต่อกันง่ายขึ้น^^”พอร์ชกล่าวพร้อมส่งยิ้มหวานมาให้ อย่าทำแบบนี้ได้ไหม ฉันกำลังห้ามใจตัวเองอยู่นะ “อย่าเลย...ฉันว่าเราห่างกันสักพักเถอะนะ”ฉันกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ทำไมล่ะ เธอเป็นอะไรหรือเปล่าไม่พอใจอะไรฉันบอกฉันได้นะ” “ฉันไม่มีสิทธิทำแบบนั้นหรอกพอร์ช ความจริงนายไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย ไม่ต้องแคร์ฉันหรอกว่าฉันเป็นอะไร”ฉันเนิ่มมีน้ำเสียงที่ตรึงเครียดขึ้น “แต่ฉันแคร์ความรู้สึกของเธอ เธอเป็นอะไรก็บอกฉันมาสิ-o-”ยังจะเซ้าซี้อีกหรอห๊ะ! “ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องแคร์!! เลิกยุ่งกับฉันสักทีเป็นแค่เพื่อนไม่ต้องทำมากขนาดนี้ก็ได้-_-”อารมณ์ฉันเริ่มเสียขึ้นไปทุกที เขาจะเห็นแก่ตัวมากไปแล้ว พูดจบฉันก็เดินจากเขาไป ฉันก้าวออกไปเพียงไม่กี่ก้าวพอร์ชก็พูดขัดขึ้นมาก่อน และเป็นประโยคที่ทำให้ฉันชะงัก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม