“กรี๊ด...! อีกแล้วนะ คุณทำฉันแก้ผ้าอีกแล้วนะ ฮือ...! หมดกัน เสียหายขาดทุนป่นปี้ไปหมดแล้ว” เธอโอดครวญ เมื่อเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เหนือสิ่งอื่นใดคือ สายตาและใบหน้าเรียบเฉยที่มองมาประหนึ่งว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิง มันทำให้รู้สึกเจ็บใจจนอยากจะลงไปชักดิ้นชักงอให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
“คนที่เสียหายน่าจะเป็นฉันมากกว่า ที่ต้องทนมองเธอเปลือยโดยไม่เต็มใจครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็เอาเถอะ ฉันจะคิดซะว่ามองไม่เห็นอะไรเพื่อความสบายใจของเธอ แต่ความจริงมันก็แทบจะมองไม่เห็นจริงๆ นั่นแหละ”
“กรี๊ด...! ฉันเป็นผู้หญิงนะ คุณพูดแบบนี้ได้ไง คนเสียหายต้องเป็นฉันสิ ไม่ใช่คุณ ฮือ...! คนบ้า ทีหน้าทีหลังเวลาเห็นฉันแก้ผ้า ก็ช่วยทำหน้าให้มันดีกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไงเล่า อย่างน้อยให้ฉันรู้สึกว่าฉันยังมีอะไรที่น่ามองบ้าง” ท้ายประโยคเธอบอกเสียงเบา ก็สายตาเขาใบหน้าเขามันทำให้เธอเสียความมั่นใจทุกครั้งเลยนี่นา
“ลุกขึ้นมาแต่งตัวได้แล้ว จะนอนแช่ให้ตัวเปื่อยเลยรึไง หรือว่าอยากให้ฉันอาบให้” เขาแกล้งแหย่ด้วยการสาวเท้าเข้าไปใกล้ เพราะคิดว่าเธอจะกลัวคำขู่ แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่คิดนั้นมันผิดมหันต์ เมื่อเธอดันอุตริอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง
“เอาสิ ฉันกำลังอยากได้คนถูหลังให้พอดี” เธอว่าพร้อมกับนั่งหันหลังให้เขาด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ ใจนึงก็อยากพิสูจน์ แต่อีกใจก็กลัวว่าอีกฝ่ายะบ้าจี้ทำตามที่เธอว่าจริงๆ
“ไร้สาระ รีบๆ อาบแล้วก็ออกมาได้แล้ว” เขาบอกเสียงห้วนกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่าง จากนั้นก็รีบเดินออกไป ทำเอาคนอยากพิสูจน์ถึงกับหยักยิ้มทันที รู้แล้วว่าควรจะจัดการกับผู้ชายคนนี้ยังไง ว่าแล้วเธอก็รีบลุกขึ้นคว้าเสื้อคลุมมาสวมแล้วเดินตามออกไป
“ได้นอนแช่น้ำอุ่นๆ แบบนี้รู้สึกสดชื่นจริงๆ นะเนี่ย เสียอย่างเดียวที่ยังไม่มีคนถูหลังให้” เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของเขาตอนนี้เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปลอบยิ้มอีกทาง ‘ก็นึกว่าจะแน่ พอเอาจริงเข้าหน่อย ถึงกับไปไม่เป็น รู้งี้ใช้แผนนี้ตั้งนานแล้ว’
“รีบๆ ไปแต่งตัวให้เรียบร้อย จะได้มาทายา” เขายังคงทำหน้าบูดบึ้ง แต่มันกลับดูตลกในความคิดของเธอ แต่ก็อดซึ้งใจไม่ได้ที่เขาอุตส่าห์อดทนรอเธอเป็นนานสองนาน เพราะยาที่ถืออยู่ในมือหรอกหรือ แต่ก็นั่นแหละ เธอไม่ชอบทายานี่นา เพราะฉะนั้นอย่าว่ากันเลยนะ ถ้าเธอจะใช้แผนนี้แกล้งเขาต่อ
“เอ! ว่าแต่เมื่อกี้คุณเข้าไปในห้องน้ำได้ไงเหรอ” เธอทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเขา มิหนำซ้ำยังหันมาคาดคั้นเขาด้วยการสาวเท้าเข้าไปใกล้ขึ้นอีก
“อ๋อ! เพราะมีกุญแจนี่เอง คราวหน้าคราวหลังถ้าอยากช่วยถูหลังก็บอกสิ ฉันจะได้ไม่ต้องล็อคประตู อืม! เอาเป็นว่าฉันไม่ล็อคห้องน้ำด้วยดีกว่า คุณจะได้ไม่ต้องหยิบกุญแกเข้ามาให้มันลำบาก” เขากัดฟันกรอด รู้ทั้งรู้ว่ากำลังโดนเธอแกล้งปั่นหัวเล่น แต่เพราะยังปรับตัวและรับมือกับแผนยั่วระดับอนุบาลแต่ทรงอานุภาพเหลือเกินไม่ได้ ‘ขยันยั่วนักนะยัยตัวแสบ ฝากไว้ก่อนเถอะ’
“มัวแต่พร่ามอยู่ได้ รีบๆ แต่งตัวแล้วมาทายา ฉันจะได้กลับไปนอนบ้าง” เขาย้ำเสียงดุอีก รู้สึกว่าห้องของเธอมันร้อนๆ ชอบกล เลยอยากจะกลับไปอาบน้ำที่ห้องตัวเองสักที
“จะเป็นอะไรไหม ถ้าฉันจะขอให้คุณช่วยหยิบชุดนอนในตู้นั่นให้หน่อยน่ะค่ะ” เธอยังพยายามยั่วต่อ ถึงแม้จะทำไม่ค่อยเป็น แต่เชื่อเถอะว่ามันได้ผล
“เธอนี่มันเรื่องมากจริงๆ รับไปสิ” เขาทำเสียงกระโชกโฮกฮากแต่ก็ยอมทำตามอย่างช่วยไม่ได้
“ขอบคุณค่ะ” เธอรับมาด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ หลังนึกแผนดีๆ ได้อีก
“จะทำอะไร” เสียงเขาเข้มขึ้นพอๆ กับสีหน้าที่กำลังเข้มตาม เมื่อเธอกำลังจะปลดเชือกเสื้อคลุมที่สวมอยู่
“ก็แต่งตัวให้เรียบร้อยตามที่คุณบอกไง” เธอแสร้งบอกหน้าตาเฉย แล้วยังทำท่าจะถอดต่อ
“เธอเป็นผู้หญิง” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดต่อ แต่เธอก็เป็นฝ่ายแทรกขึ้นมาอีก
“เรื่องนั้นฉันรู้ดี คุณเองก็เคยบอกตั้งหลายครั้ง หรือจะให้พิสูจน์ตอนนี้ก็ยังได้ อยากพิสูจน์แบบไหนล่ะ” เธอเอาคำพูดเขามายอกย้อน เท่านั้นยังไม่พอ ยังสาวเท้าเข้าไปใกล้เขาอย่างคุกคามอีก
“ทาเองแล้วกัน ฉันอยากกลับไปพักผ่อนเต็มทีแล้ว” เขาบอกพร้อมกับยัดหลอดยาใส่มือเธอ ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินกลับห้องตัวเอง แต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะดังไล่หลังมา
“ฮ่าๆๆ โธ่เอ๊ย! นึกว่าจะแน่ เจอของจริงเข้าหน่อยถอยแทบไม่ทัน คราวนี้คุณเสร็จฉันแน่คุณเลโอ ฉันจะทำให้คุณเก่งไม่ออกเลยคอยดู” แล้วคืนนั้นทั้งคืนเธอก็นอนคิดแผนการยั่วเพื่อเอาคืนเขาโดยลืมเรื่องโทรศัพท์ไปเสียสนิท
เช้าวันต่อมา
“ขอโทษที่ให้รอนะคะหม่ามี้ เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปดึกแล้ว วันนี้ก็เลยตื่นสายค่ะ” สุดที่รักบอกด้วยสีหน้าลุแก่โทษ เมื่อตอนนี้ทุกคนบนโต๊ะอาหารกำลังรอเธออยู่คนเดียว
“มารยาทบนโต๊ะอาหารอันดับแรกก็คือ เรื่องตรงต่อเวลา ถ้าทำไม่ได้ก็ถือว่าแย่เต็มที” เลโอนาร์ดพูดขึ้นลอยๆ แต่ไม่บอกก็รู้ว่าเขากำลังหมายถึงเธอ
“เรื่องแบบนี้มันยืดหยุ่นกันได้ อย่าไปฟังคนปากไม่ดีเลยนะลูกนะ ปล่อยให้เขาเครียดไปคนเดียวนั่นแหละ ตึงไปซะทุกเรื่องแบบนี้ ระวังเถอะจะเป็นหมันเข้าสักวัน” เลโอนาร์ดได้แต่กลอกตาไปมา เวลานี้ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็คงผิดไปหมด
“ว่าแต่วันนี้หนูจะเข้าบริษัทกับพี่เขาไหวเหรอลูก ยังเจ็บอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” มาดามเดียน่าถามด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้อาการของเธอจะดูดีมากแล้วก็ตาม
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะหม่ามี้ แค่นี้สบายมาก” เธอบอกเสียงใสขณะทานอาหารเช้าไปด้วย
“งั้นดีเลย วันนี้หนูไปกับหม่ามี้ดีกว่า หม่ามี้จะพาหนูไปเปิดหูเปิดตา จะบอกให้ว่าผู้ชายเมืองนี้น่ะหน้าตาดีทั้งนั้นเลยนะ” ท้ายประโยคท่านแอบกระซิบบอกเธอเบาๆ แต่ก็พยายามให้ลูกชายได้ยินด้วย
“แต่วันนี้ยาหยีต้องไปเรียนรู้งานกับผมนะครับมัม” เขาแทรกขึ้นมาเสียงเขียวใบหน้าหงิกงอ
“หยุดสักวันจะเป็นไรไป แล้วงานเจ็บตัวแบบเมื่อวานน่ะมันก็ไม่เห็นจะน่าเรียนรู้ตรงไหน อีกอย่างไปกับฉันมันก็แค่เดี๋ยวเดียว เสร็จธุระฉันจะรีบเอาคู่หมั้นแกไปคืนให้ถึงที่เลย” มาดามเดียน่าหันไปประชดใส่ลูกชายที่กำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับ
“เอาเถอะครับ อยากทำอะไรก็เชิญตามสบายเลย คำพูดผมมันไม่มีน้ำหนักอยู่แล้วนี่ ขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ” สิ้นเสียงเขาก็ลุกขึ้นก้าวฉับๆ ออกไปทันที
“ผู้ชายขี้น้อยใจก็งี้แหละ ลองอาการแบบนี้ล่ะก็กำลังหึงหนูอยู่ชัวร์” มาดามเดียน่าว่าพลางยิ้มชอบใจ
“ใช่ที่ไหนล่ะคะหม่ามี้” เธอบอกอย่างเอียงอายๆ
“เอาเถอะ อีกเดี๋ยวหนูก็รู้เองนั่นแหละ พ่อคนนี้น่ะเขาท่ามาก อยู่ด้วยกันไปเดี๋ยวก็ชิน” ท่านบอกเพราะรู้จักนิสัยลูกชายดี