“เอาล่ะเชิญทุกคนทางนี้หน่อย ทุกคนคงกำลังสงสัยว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างฉันคนนี้ เขาเป็นใครและมีความสำคัญยังไงใช่ไหม ฉันขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักคุณกับสุดที่รักคู่หมั้นของเลโอนาร์ดท่านประธานของทุกคน และขอให้ทุกคนให้เกียรติและปฏิบัติต่อเธอเหมือนอย่างที่ทำต่อเลโอนาร์ดและฉันด้วย” สายตาที่ทุกคนกำลังมองมาทำให้เธอได้แต่พยักหน้าให้อย่างอายๆ ด้วยไม่คิดว่าอยู่ๆ มาดามเดียน่าจะประกาศออกมาแบบนั้น
“เอาล่ะ เรื่องที่ฉันจะแจ้งก็มีแค่นี้แหละ แยกย้ายกันไปทำงานต่อเถอะ” ว่าจบท่านก็พาลูกสาวคนโปรดเดินขึ้นลิฟต์ทันที
“โอ้โห! วันนี้คุณหยีสวยมากเลยค่ะ สวยจนพี่จำแทบไม่ได้แน่ะ อุ๊ย! ขอโทษคะมาดาม” ทันทีที่เห็นสุดที่รักเดินเข้ามา ทำให้ซิลเวียเผลอทักเธอออกไปอย่างลืมตัว แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้มาคนเดียว จึงต้องหันไปขอโทษอีกคนทันที
“อืม! ไม่เป็นไร ลูกชายฉันอยู่ในห้องรึเปล่า” บ่อยครั้งที่ลูกชายมักจะออกไปพบลูกค้าข้างนอก ท่านจึงต้องถามให้แน่ใจซะก่อน
“อยู่ค่ะมาดาม จะให้เรียนท่านประธานเลยไหมคะว่ามาดามมาพบ” ซิลเวียเอ่ยถามตามหน้าที่เลขาที่ดี
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันเข้าไปเอง” พูดจบท่านก็เปิดประตูเข้าไปทันที โดยที่สุดที่รักนั้นขออยู่คุยกับซิลเวียต่ออีกครู่
“เอ้า! มัมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” เลโอนาร์ดเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารทันที เมื่อรู้สึกว่ามีใครบางคนอยู่ในห้องด้วย
“ก็มาเมื่อตอนที่แกเห็นนั่นแหละ วันๆ อยู่แต่กับกองเอกสารพวกนี้ ไม่เบื่อบ้างรึไง ความจริงแกควรจะหาเวลาพักผ่อนบ้างนะเลโอ ฉันไม่อยากเห็นแกเครียดจนสุขภาพย่ำแย่หรอกนะ” มาดามเดียน่านั้นอดสงสารลูกชายไม่ได้ เมื่อเขาต้องแบกรับภาระทั้งหมดเอาไว้แบบนี้
“ความจริงผมก็ไม่ได้เครียดขนาดนั้นหรอกครับมัม งานมันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมไปแล้วนี่ครับ ผมออกจะมีความสุขด้วยซ้ำที่ได้ทำงาน เอ่อ! แล้วว่าแต่วันนี้มัมมาหาผมถึงที่นี่ มีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่าครับ” เขาถามแต่สายตากลับมองหาใครบางคนอยู่ตลอดเวลา และแน่นอนว่าว่าไม่สามารถรอดพ้นสายตาคนเป็นแม่ไปได้
“เปล๊า! ก็แค่จะมาดูแบบเครื่องเพชรที่ฉันสั่งเอาไว้ก็เลยแวะมาหาแกก่อน” ด้วยความหมั่นไส้คนท่ามาก ก็เลยอยากแกล้งอีกฝ่าย ดูซิจะปากแข็งไปถึงไหน
“เอ่อ! แล้ว...แล้ว...” เขาได้แต่ทำเสียงอ้ำๆ อึ้งๆ ด้วยไม่อยากให้มารดารู้ความในใจของเขา
“แล้วอะไรของแก ถ้าไม่ถาม งั้นฉันไปนะ” ยังไม่ที่มาดามเดียน่าจะได้เปิดประตูออกไปอย่างที่ปากว่า เขาก็ยอมพูดออกมาซะก่อน
“แล้วยาหยีล่ะครับอยู่ที่ไหน ไหนมัมบอกว่าจะพาเธอมาส่งให้ผมไง” มาดามเดียน่าแอบยิ้มสมใจ เมื่อในที่สุดคนปกแข็งก็ยอมพูดออกมา แต่ยังไม่ทันที่ท่านจะได้ตอบคำถามลูกชาย ประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงที่เขาเพิ่ฝงถามหา
“กำลังพูดถึงหยีกันอยู่รึเปล่าคะเนี่ย” สุดที่รักเดินเข้ามาพร้อมกับส่งเสียงเจื้อยแจ้วสดใส ทำให้ทั้งสองคนต้องหันไปมองตามเสียง โดยเฉพาะเขาที่กำลังมองเธอนิ่ง ราวกับไม่เคยเจอ
“เลโอ เลโอ เลโอนาร์ด” เมื่อพยายามเรียกอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ยังไม่รู้สึกตัว มาดามเดียน่าจึงตะโกนเรียกเสียงดังออกมา
“มีอะไรครับมัม” เขาพยายามปรับน้ำเสียงและสีหน้าให้เป็นปกติ แต่ฟังยังไงก็ไม่ปกติสำหรับผู้เป็นแม่อยู่ดี
“คนนี้ไม่ใช่เหรอที่แกกำลังถามถึง ฉันพามาส่งให้แกถึงที่ตามสัญญา อยากจะสอนอยากจะเรียนอะไรก็ตามสบายเลย ว่าแต่…แกว่าฮันนี่สวยขึ้นมากไหม ทั้งหมดนี่ฝีมือมัมล้วนๆ เลยนะ สวยใช่ไหมล่ะ” มาดามเดียน่ายิ้มภาคภูมิ แต่ก็ต้องหุบยิ้มกับคำตอบของลูกชาย
“ก็ธรรมดาไม่เห็นจะมีอะไร อย่างเดิมก็ดีอยู่แล้ว จะไปแต่งโน่นแต่งนี่ทำไมเยอะแยะ” เขาว่าพลางเบือนหน้าไปอีกทาง แต่ก็ไม่วายแอบลอบมองเธอเป็นทีๆ
“ชิ! อย่าไปสนใจพวกปากไม่ตรงกับใจเลยลูก ก็เห็นๆ กันอยู่ว่านั่งมองเขาจนตาค้างยังจะว่าเขาอีก ไม่เป็นไรในเมื่อเขาไม่เห็นคุณค่าความสวยของเรา เราก็อย่าไปสน ยังมีใครต่อใครอีกหลายคนที่เห็น ฮึ่ย! อารมณ์เสีย ไม่ต้องรงต้องเรียนมันแล้ววันนี้งานน่ะ ไปเดินบริหารเสน่ห์กับหม่ามี้ดีกว่า ไปลูกไป ให้มันรู้ไปสิว่าสวยๆ แบบนี้จะไม่มีคนมอง” ได้ยินแบบนี้คนที่ทำทีเป็นไม่สนใจทีแรกถึงกับหันขวับทันที
“แต่สุดที่รักต้องเรียนรู้งานกับผมนะครับมัม” ทั้งที่พยายามเก็บอาการ แต่น้ำเสียงเขาก็ยังฟังดูร้อนรนอยู่ดี
“ไม่สน วันนี้ฮันนี่เขาไม่มีอารมณ์อยากเรียนกับคนที่ว่าเขาหรอก จริงไหมฮันนี่” คนถูกถามถึงกับสะดุ้งโหยง เมื่อจู่ๆ ก็ถูกยัดเยียดให้เป็นตัวกลาง
“เอ่อ! หยีว่าหยีกลับบ้านดีกว่าค่ะ” เธอหันมาตอบหน้าแหย แน่นอนว่าเธอไม่อยากเลือกข้าง เพราะไม่ว่าข้างไหนก็ไม่ปลอดภัยสักข้าง แต่ก็ใช่ว่าจะทำได้
“ไม่ได้” สองแม่ลูกแทบตะโกนออกมาพร้อมกัน
“เฮ้อ! งั้นก็นอนมันตรงนี้แหละ” ว่าแล้วเธอก็เดินไปล้มตัวลงนอนบนโซฟาแล้วก็หลับตาเพื่อเป็นการตัดปัญหาทันที ทำให้สองคนได้แต่ทำท่าฮึดฮัดขัดใจ สุดท้ายผู้เป็นแม่ก็เป็นฝ่ายล่าถอยไปในที่สุด ส่วนเจ้าของห้องอย่างเขาก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป ในขณะที่คนแกล้งหลับในตอนแรกก็กำลังเผลอหลับไปจริงๆ
ผ่านมากว่าชั่วโมงที่เธอเผลอหลับไป และตอนนี้ก็กำลังหลับสบายถ้าไม่มีใครมารบกวนการนอนของเธอซะก่อน
“อื้อ...!” เธอส่งเสียงอื้ออ้าอย่างขัดใจ เมื่อรู้สึกว่ามีอะไรยุกยิกๆ อยู่บนหน้าของตัวเอง แต่เมื่อมันยังไม่ยอมหยุด สองมือเธอจึงทำหน้าที่ปัดป่ายสิ่งนั้นให้มันพ้นตัว แต่แล้วเธอก็ต้องลืมตาขึ้นมาเมื่อสัมผัสกับอะไรบางอย่างที่นุ่มนิ่มลื่นๆ แล้วก็เปียกชื้น
“เฮ้ย!” สุดที่รักจับเจ้าสิ่งนั้นไว้มั่นพร้อมกับลืมตาจ้องมันเขม็ง จากนั้นก็ร้องอุทานออกมาเสียงดัง
“มาได้ไงเนี่ย แกมาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไงเนี่ยเจ้าหมาน้อย” ถึงจะแปลกใจว่าในห้องของท่านประธานจะมีหมาเข้ามาอยู่ได้ยังไง แต่ก็รู้สึกดีใจไม่น้อย ที่มีสุนัขพันธุ์ขนเรียบจนเป็นมันวาวมาอยู่กับเธอแบบนี้
“ชอบไหม” เจ้าของห้องก็ถามหลังจากที่นั่งมองอยู่พักใหญ่
“ชอบสิ มันน่ารักมากเลยค่ะ เจ้าตัวนี้มันเป็นพันธุ์ดัชชุนใช่ไหม ตัวมันยาวๆ เหมือนไส้กรอกเลยนะคุณว่าไหม” เขาเผลอยิ้มตาม เมื่อเห็นว่าเธอกำลังถูกใจเจ้าตัวเล็กนี้นักหนา
“อืม! ที่นี่เขาเรียกมันว่าแด็กซันด์ ฉันเห็นรูปร่างหน้าตามันแปลกดี คงเหมาะกับผู้หญิงแปลกๆ อย่างเธอ” เธอหันมาค้อนปะหลับปะเหลือกให้
“ฉันจะถือว่าเป็นคำชม เพราะยังไงๆ เจ้าตัวนี้มันก็น่ารักอยู่ดี แต่เอ๊ะ! เมื่อกี้คุณว่ามันเหมาะกับฉันเหรอ หมายความว่าไง อย่าบอกนะว่าเจ้าตัวนี้เป็นของคุณ แล้วคุณก็กำลังจะยกให้ฉัน” เธอถามน้ำเสียง
แกมตื่นเต้น
“แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ” เขาถามกลับพร้อมกับทำหน้ายิ้มๆ แค่นี้เธอก็พอจะเดาคำตอบได้แล้ว
“กรี๊ด...! ขอบคุณมากค่ะ คุณน่ารักมากเลย ฉันน่ะอยากได้หมาพันธุ์นี้มานานแล้วรู้ไหม คู่หมั้นฉันน่ารักที่สุดเลย” สีหน้าเขาแดงระเรื่อขึ้นมาทันที เมื่อคนชมไม่ชมเปล่ายังเข้ามาหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ ทำเอาเขาถึงกับวางหน้าไม่ถูก แต่ประโยคต่อมาของเธอนี่สิ ทำเอาความเขินพลันมลายหายไป