“คุณกับหมาตัวนี้น่ารักเหมือนกันเลย น่ารักที่สุด” เธอหันมายิ้มหน้าเป็น
“นี่ยัยตัวแสบ เธอกำลังว่าฉันหน้าเหมือนหมา แบบนั้นก็อย่าเอามันเลยดีกว่า” เขาเข้ามาจะยื้อแย่งเจ้าตูบตัวน้อยจากมือเธอ แต่เธอก็เบี่ยงตัวหลบเป็นพัลวัน
“เปล่านะ ฉันไม่ได้ว่าคุณหน้าเหมือนหมาสักหน่อย ฉันแค่บอกว่าคุณกับมันน่ารักเหมือนกันเท่านั้นเอง” เธอพยายามอธิบายพร้อมกับเบี่ยงตัวหลบเขาไปด้วย แต่ยิ่งอธิบายมันก็ยังฟังดูแย่
“หึๆ ไม่รอดแน่ยัยตัวแสบ” เขาหัวเราะในลำคอหลังกักเธอไว้ในอ้อมแขนได้ ทำให้เธอต้องหยุดชะงักมองเขานิ่งเช่นกัน ทั้งคู่สบตากันนิ่งราวกับตกอยู่ในภวังค์ของกันและกัน (เป็นอย่างนี้ทุกทีสิน่า มองตากันทีไรเป็นได้สปาร์คกันทุกที) กระทั่งเขาค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปใกล้เพื่อมอบจุมพิตอันหวานฉ่ำให้...หมา ว้าก!
“เฮ้ย!” เขาอุทานเสียงดังทันที เมื่อเจ้าตูบตัวน้อยดันแทรกหน้าเข้ามาได้จังหวะพอดี ทำเอาเธอถึงกับหลุดขำออกมาอย่างสุดจะกลั้น
“ตลกมากรึไง” เขาถามด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“โอ๋ๆๆ อย่างอนสิ ทำหน้าบึ้งแบบนี้เดี๋ยวไม่หล่อนะ” เธอวางลูกสุนัขลงกับพื้น จากนั้นก็เข้ามาหยิกแก้มเขาอย่างเอาใจ ทำเอาเขาถึงกับต้องอมยิ้ม
“เด็กบ้า” เขาแก้เก้อด้วยการใช้นิ้วจิ้มหน้าผากแรงๆ ทำเอาเธอต้องลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ ด้วยเหมือนกัน
“จิ้มมาได้ หน้าคนนะไม่ใช่ไอแพด ไม่มีระบบสัมผัสย่ะ ว่าแต่หมาตัวนี้มีชื่อยังอะ” หลังจากว่าเขาแล้วเธอก็หันไปสนใจเจ้าตูบตัวน้อยที่เข้ามาคลอที่ขาเธอต่อ
“ยัง ของของเธอ เธอก็ตั้งเองสิ” เขาทำท่าเฉไฉ จนเธอยังแอบเบะปากใส่ด้วยความหมั่นไส้
“อืม! งั้นฉันจะตั้งชื่อมันว่า โบโบ้ เป็นไงคุณว่าดีไหม” เธอหันไปถามความเห็นเขาด้วย เพราะอย่างน้อยหมาตัวนี้ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นของเขาด้วย ถึงเขาจะให้เธอแล้วก็ตาม
“ก็ดี แต่ทำไมถึงตั้งชื่อนี้ล่ะ” ความจริงชื่อมันก็ไม่ได้แปลกอะไร แต่ทำไมเขาถึงอยากรู้ที่มาที่ไปเกี่ยวกับเธอทุกเรื่องก็ไม่รู้
“ก็เมื่อก่อนฉันเคยเลี้ยงหมาตัวหนึ่ง มันก็ชื่อนี้แหละ แต่มันตายไปแล้ว ฉันก็เลยอยากให้เจ้าตัวเล็กนี่ชื่อเดียวกับมันด้วย ดีไหมเจ้าตัวเล็ก ต่อไปนี้แกชื่อโบโบ้นะ โบโบ้ๆๆ” เธออุ้มเจ้าตูบขึ้นมาเล่นกับมันอีกครั้ง จนเขายังต้องยิ้มตาม
“เอ๊ะ! ว่าแต่ฉันเลี้ยงมันได้จริงๆ เหรอ จะไม่มีปัญหาแน่นะ” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่บ้านที่เธอจะทำอะไรตามใจชอบได้ เธอแค่มาอาศัยเขาอยู่ จะทำอะไรก็ต้องให้เจ้าของเห็นดีด้วย
“แล้วถ้าไม่ได้ เธอจะทิ้งมันรึเปล่าล่ะ” เธอทำหน้าเศร้าทันที จนเขาหัวเราะร่วน “ฮ่าๆๆ ทำหน้าเป็นหมาหงอยเลย ถ้าเลี้ยงไม่ได้ ฉันจะซื้อมันมาให้เธอทำไม จริงไหม” เธอยิ้มออกทันที เมื่อจริงๆ แล้วประโยคก่อนหน้านั้น เขาก็แค่ลองใจ
“แล้วถ้าฉันขอเอามันมาที่นี่ทุกวันเลยได้ไหมคะ” เธอลองหยั่งเชิง
“ไม่ได้ ที่นี่มันที่ทำงาน แล้วฉันก็เป็นคนสั่งห้ามไม่ให้เอาสัตว์เลี้ยงเข้ามาในบริษัท แค่วันนี้วันเดียวมันก็ผิดกฎมากพอแล้ว” คำตอบเขาทำเธอหน้าสลด แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม
“ถ้างั้น เอ่อแบบว่า…ถ้าฉันอยากอยู่กับมันที่บ้านล่ะจะได้ไหม”
“ไม่ได้ เธอต้องมาเรียนรู้งานกับฉันที่นี่ ถ้าขืนยังทำตัวเป็นเด็กๆ ล่ะก็ ฉันจะส่งหมาตัวนี้คืนที่ร้านซะ” เขาทำหน้าขึงขัง เริ่มไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือผิดที่ซื้อหมาตัวนี้มา ยังไม่ทันไรแม่คุณก็ติดหมาจนอยากจะตัดเขาออกจากวงโคจร
“ใจร้าย” เธอเบ้หน้าใส่ในขณะที่เขาก็เขม่นเข่นเขี้ยวจนต้องพูดออกมา
“พูดมาก มาทำงานได้แล้ว อีกหน่อยถ้าเธอต้องไปเรียน เวลาที่เรียนรู้งานจากฉันก็จะน้อยลง เพราะฉะนั้นระหว่างที่มหาลัยยังไม่เปิด เธอต้องมาศึกษางานที่นี่ให้เต็มที่ เข้าใจรึเปล่า” เขาว่าพลางพยักพเยิดให้เธอเดินตรงไปหา
“เจ้าค่ะคุณชาย ชิ! ขี้บ่นชะมัด มีวิญญาณคนแก่สิงอยู่ในร่างรึไง” เธอรับคพำ แต่ก็ยังไม่วายบ่นกระปอดกระแปดตามประสา โดยมีเจ้าตูบคอยเดินตามต้อยๆ ราวกับรู้ว่านี่แหละคือเจ้านายคนใหม่ของมัน
“ปากเก่ง ทำงานให้เก่งเหมือนกับปากแล้วกัน” เขาหันมาบ่นอีก ทำคนถูกบ่นต้องหันมาประชดประชันด้วยการเดินมาทิ้งตัวนั่งลงบนตักของเขาแทนที่จะเป็นเก้าอี้อย่างที่ควรจะเป็น
“ทำอะไรของเธอ” เขาถามเสียงเขียว แต่ก็ไม่ได้ผลักไส
“ก็ศึกษางานจากคุณไง ไหนล่ะงานที่คุณจะให้ฉันเรียนน่ะ เอามาสิ ฉันพร้อมแล้ว” เขาอยากจะตอบกลับไปว่า ‘เธอพร้อม แต่ฉันไม่พร้อม’ ให้ตายสิ! กลิ่นหอมจากกายสาวที่ลอยมาเตะจมูก กำลังปั่นป่วนและสั่นคลอนความมั่นคงทางอารมณ์ของเขา
“เธอก็นั่งให้มันดีๆ สิ นั่งแบบนี้จะเรียนได้ยังไงล่ะ” เขายังทำสีหน้าท่าทางประหนึ่งว่าไม่พอใจ ขณะที่ในใจกำลังรุ่มร้อนกับการขยับยุกยิกไปมาของเธอ
“นั่งแบบนี้ก็สะดวกดี อา…! หรือจริงๆ แล้วคุณกำลังหวั่นไหวจนไม่มีกะจิตกะใจจะสอน ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็เข้าใจได้” เธอหยักยิ้มเป็นต่อ ใครจะคิดว่าแผนยั่วจะได้ผลเกินคาด แต่หารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังเล่นกับไฟ และไฟนี้มันก็กำลังจะหลอมเธอให้ละลายไปพร้อมกัน
“ยั่วนักใช่ไหม” เขาว่าพลางจับเธอให้หันมาเผชิญหน้ากัน จากนั้นก็จู่โจมโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว รู้ตัวอีกทีลิ้นร้อนๆ ของเขาก็แทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดไล่พันลิ้นอุ่นๆ ของเธอซะแล้ว
“อื้อ...!” เธอพยายามต่อต้าน อีกทั้งผลักไสให้เขาหยุด แต่แรงเธอหรือจะสู้แรงเขาได้ ที่สำคัญจูบดูดดื่มเรียกร้องของเขาก็กำลังกลืนกินตัวตนจนเธอค่อยๆ โอนอ่อนและตอบรับสัมผัสนั้นในที่สุด
จากสองมือที่คอยผลักไสเขาในคราแรก กลับกลายเป็นเกาะกอดเขาไว้ ราวกับหาที่ยึดเหนี่ยว จากเสียงอึกอักต่อต้านก็กลายเป็นเสียงครางผะแผ่ว ไม่เป็นตัวเอง นาทีแล้วนาทีเล่าที่หนุ่มสาวเอาแต่ตักตวงความหอมหวานซึ่งกันและกันอย่างไม่รู้เบื่อ ทำเอาห้องทั้งห้องร้อนระอุขึ้นภายในพริบตา
จากมือที่ก่อนหน้าใช้ประคองใบหน้าหวานค่อยๆ เลื่อนลงมาลูบไล้ไปทั่วนวลเนื้อนุ่มนิ่ม กระทั่งมือข้างหนึ่งก็เลื่อนมาสัมผัสที่อกอูมตูมเต่ง จากที่แค่ลูบไล้ก็ค่อยๆ ออกแรงขยำบีบเค้นตามแรงอารมณ์ที่กำลังพุ่งทยานด้วยความต้องการที่มันท่วมท้น ทั้งที่รู้ว่าเธอจงใจแกล้งยั่ว แต่ก็ยังอุตาส่าห์กระโจนลงไปในหลุมพรางด้วยความเต็มใจ ช่วยไม่ได้ก็หลุมพรางมันช่างเย้ายวนชวนให้หลงใหลจนไม่อยสกจะปีนขึ้นมา ถ้าไม่มีเสียงบางอย่างดังขึ้นซะก่อน
“ฮ่ง ฮ่ง ฮ่ง” เจ้าตูบตัวน้อยเห่าเรียกเจ้าของคนใหม่ เรียกสติให้คนทั้งคู่ต้องผงะออกจากกันด้วยความตกใจ แต่พอได้เห็นหน้าแดงๆ ของเธอ เขาก็หยักยิ้มทันที
“จะนั่งต่อก็ได้นะ ความจริงมันก็สะดวกอย่างที่เธอว่าจริงๆ นั่นแหละ…ว่าไหม” เขากระซิบล้อเลียนแม่สาวช่างยั่วที่ตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามาสบตากันด้วยซ้ำ
“บ้า” เธอพึมพำก่อนลุกออกจากตักเขา แต่ก็ถูกเขาฉุดแขนให้นั่งลงไปอีก
“เดี๋ยว”
“นี่!” เธอหันไปประจันหน้าตั้งใจจะเอาเรื่อง แต่หน้าก็ต้องร้อนผ่าวขึ้นมาอีก เมื่อจู่ๆ พ่อคุณก็เลื่อนสองมือมาติดกระดุมเสื้อที่ไม่รู้ว่ามันหลุดไปตอนไหนให้
‘คนบ้าปลดไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย โอ๊ย! น่าอายชะมัด ยั่วจนได้เรื่องแล้วไหมล่ะ เอิ่ม! แต่มันก็ดีนะ ฟินดี อ๊าย! แกเป็นผู้หญิงนะยาหยี เอ๊ะ! แต่ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นก็แสดงว่าฉันยังมีดี และมีเสน่ห์ดึงดูดเขาได้น่ะสิ’ เธอเผลอคิดไปไกลด้วยความรู้สึกสับสน กระทั่งเสียงกระซิบของเขาดังขึ้นอีกครั้ง