ปฐมบท
ไร่องุ่นดินแดน
ณ หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยไร่องุ่น เป็นหมู่บ้านที่ร่ำรวยที่สุดในย่านชานเมือง มีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย ถ้ามองผิวเผินที่นี่อาจจะเป็นเมืองที่มีดีแค่ไร่องุ่นอย่างเดียว
แต่เมืองนี้ถือว่าเป็นอีกเมืองที่จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบในธรรมชาติ ภูเขา และน้ำตก แต่ในขณะที่ภายนอกคือความสวยงามที่ทุกคนสามารถมองเห็นมันด้วยตาเปล่า กลับมีความน่ากลัวอย่างนายใหญ่ดินแดนผู้ปกครองถิ่นแถวนี้อยู่
ใครๆต่างก็เกรงกลัวและเกรงใจเขากันทั่วหน้า
ถ้าพูดถึงไร่ดินแดน ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักนายน้อยดินแดน คำล่ำลือกล่าวขานมานานหลายปีว่าเขาโหดที่สุดในถิ่นนี้ และโหดกว่าที่ทุกคนคิดเอาไว้ซะอีก
เพียงแค่มีการขโมยของในไร่เจ้าตัวถึงกับเอ่ยปากที่จะลงโทษมันคนนั้นเกือบปางตาย แต่จะมีแค่ชาวบ้านไม่กี่คนที่อาศัยอยู่ที่นี่มานานจะรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง
"นายน้อยครับมีคนมาขอพบครับ" เสียงจากพ่อบ้านคนสนิทของเขาเอ่ยด้วยความซื่อสัตย์ เพราะรับใช้งานนายน้อยมาเนิ่นนานด้วยความจงรักภักดีจากใจริง เลี้ยงดูฟูมฟักเจ้าเด็กคนนี้จนเติบใหญ่ และเป็นความภาคภูมิใจของวงศ์ตระกูล
"ใครครับ"
"เป็นผู้ชายตัวเล็ก บอกว่าอยากคุยกับนายน้อย"
"วันนี้ผมไม่ได้นัดใครนะ ใครกัน.."
"หรือจะไล่เขากลับไปดีครับนายน้อย ผมก็ไม่ค่อยไว้ใจเขาเท่าไหร่"
"ฮึ.. พวกลองดี"
ผู้ชายตัวสูงราวร้อยแปดสิบกว่าๆขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ริมฝีปากสีชมพูแอบคล้ำเล็กน้อยจากการสูบบุรี่ยกยิ้มขึ้นน้อยๆราวกับว่าคิดอะไรบางอย่างออก สายตาคมเฉี่ยวตวัดขึ้นมองชายวัยสี่สิบปี ก่อนที่เจ้าตัวจะพยักหน้าเป็นการตอบรับให้คนที่มาหาเข้ามาได้
ดินแดนนั่งไขว่ห้างมือเท้าคางมองแขกที่เขายังไม่ได้เชิญเข้าเดินมาในห้อง
สายตาเจ้าเล่ห์กำลังหยอกล้อกับเหยื่อที่เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ เดินตัวลีบๆมาหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงานของนายน้อยดินแดน กรอกตาล่อกแล่กไปมาเหมือนลูกกระต่ายที่พยายามมองหาทางหนีออกจากกรงขัง
ซึ่งเขาเองก็พยักหน้าให้นั่งลงได้ และหันไปบอกให้พ่อบ้านเล้งออกไปก่อน ซึ่งเขาก็ออกไปโดยว่าง่ายตามที่นายน้อยสั่ง
ดินแดนเป็นคนที่เติบโตขึ้นมาโดยไร้พ่อกับแม่ เขาโตมาด้วยการเลี้ยงดูจากพ่อบ้านเล้งที่คอยดูแลนายน้อยจนเติบใหญ่ถึงทุกวันนี้
หลังจากที่เขาสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปตั้งแต่เด็กๆนายน้อยดินแดนก็เลือกเดินตามรอยเท้าของพ่อตัวเองอย่างที่ตั้งใจเอาไว้และมันก็เริ่มจะประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่เจ้าตัวเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดหายอะไรจากชีวิตไป ถ้าอยากได้สาวเขาก็หาไม่ยาก
ชีวิตดีขนาดนี้ทำไมเขาจะต้องทำตัวเป็นเด็กอมมือบอกว่าขาดความอบอุ่นด้วยล่ะ เพราะเขาคิดว่าความรักที่พ่อแม่ให้เขามามันยิ่งใหญ่มากเกินพอแล้ว พ่อแม่ทิ้งทุกอย่างที่ชาตินี้เขาเองไม่รู้ว่าจะใช้ยังไงหมด แค่นี้ดินแดนก็รู้สึกขอบคุณพวกท่านมากแล้ว
เขาตั้งความหวังเอาไว้ว่าชีวิตนี้จะสานต่อทุกอย่างจากพ่อให้ดี ทำทุกอย่างที่พ่อฝากฝังเอาไว้ให้ดีที่สุด
"มาถึงถิ่นไม่กลัวตายเหรอวะ"
นี่คือประโยคแรกที่คนเจอกันครั้งแรกทักทายกันอย่างนั้นหรือ คนตัวเล็กเองก็ได้แต่คิด เขาไม่สามารถพูดทุกอย่างในใจกับคนตรงหน้าหมดได้
เพราะถ้านายน้อยรู้ว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่ เขาอาจจะไม่มีชีวิตรอดกลับไปพบเจอคนที่เขารักอีกก็เป็นได้ เบื้องหลังที่โหดร้ายของดินแดนดังกระฉ่อนไปทั่วไร่องุ่น จนทุกคนที่พบเจอต่างก็ไม่มีใครกล้าสบตาเขาแม้แต่คนเดียว
นายน้อยอาจจะไม่ใช่คนใจร้ายแต่เขาก็ไม่ใช่คนดีขนาดนั้น
"ผม.. ผมมาสมัครงาน ทะ ที่ไร่นี้ครับ" คนตัวเล็กว่าด้วยน้ำเสียงที่กระอึกกระอัก บรรยากาศในห้องนี้มันอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เขาแค่อยากออกไปจากที่ๆเร็วๆก็แค่นั้น การจะเอ่ยพูดจากับผู้ชายหน้ายักษ์ตรงหน้ามันเป็นอะไรที่ยากลำบากสำหรับเขาเหลือเกิน
"ฮึ.. ใครส่งมึงมา" น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ฟังดูแล้วทำเอาขนลุกซู่ไม่น้อย
นายน้อยดินแดนไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ว่าตัวเองศัตรูเยอะแค่ไหน ไม่ใช่แค่ของเขาคนเดียว แต่ของพ่อตัวเองก็เช่นกัน เขาต้องแบกรับทุกอย่างเอาไว้คนเดียวหลังจากที่เสียเสาหลักของบ้านไป แต่ทุกอย่างมันทำให้เขาแข็งแกร่งราวกับหินผา
ไม่มีใครล้มเขาได้
"ไม่มีครับ คือผมมาเอง ไม่มีใครส่งผมมาจริงๆนะครับ"
"กูจะให้โอกาสมึงอีกครั้งนึง.." คนตัวสูงหักข้อมือเสียงดังกร๊อบพร้อมกับเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานแล้วหยิบปืนออกมาควงเล่น หมายจะขู่คนตรงหน้าให้ยอมคลายความจริงออกมา
บ้านของนายน้อยดินแดงอยู่ลึกในสุดของหมู่บ้านไร่องุ่น ไม่มีทางที่คนหางานจะเข้ามาที่นี่และหวังสิ่งนี้ เพราะเขาเองก็ไม่ได้ประกาศรับคนงานซะด้วย
แล้วคนตัวเล็กตรงหน้ามาทำอะไรกัน ?
"ไม่มีใครส่งผมมาจริงๆครับ" คนหัวแข็งก็ยังปฏิเสธเขาอยู่ดี
"กูถามว่า ใครส่งมึงมา!!!"
ร่างเล็กแข็งทื่อ ดวงตาเบิกโพลงเต็มที่ จู่ๆน้ำตามันก็เอ่อคลอที่เบ้าตาของเขาน้อยๆ จะไม่ให้กลัวจนตัวแข็งได้ยังไง ในเมื่อผู้ชายตรงหน้ากำลังถือปืนลูกซองจ่อมาที่หัวเขานะ นิ้วชี้ก็พร้อมที่จะกดลั่นไกลปืนได้ทุกเมื่อ
แค่ครั้งเดียวเขาก็จะตัดลมหายใจของคนตรงหน้าไปตลอดกาล
เพราะโตมาบนความไม่แน่นอน เหมือนเอาชีวิตตัวเองไปแขวนไว้บนเส้นด้ายตลอดเวลา ดินแดนเองถึงไม่ยอมไว้ใจใครง่ายๆและจะมองคนอื่นที่เข้าหาเขาก่อนเป็นศัตรูหมด เพื่อป้องกันอาณาเขตของตัวเอง ชีวิตของเขาเองก็เช่นกัน
"ไม่มีใครส่งผมมาจริงๆ อย่ายิงผมเลยนะครับนายน้อย!"
"กูให้เวลามึงกลับออกไปจากที่นี่ ภายในสามนาที.. แล้วกูจะไว้ชีวิตมึง" เขาพูดปนขู่ ทำเอาคนตรงหน้าสะดุ้งเฮือกไปไม่น้อย
สีหน้าและแววตากำลังวิตกกังวลอย่างมาก แต่เขาก็ยังเลือกที่จะใจดีสู้เสือด้วยการเงยหน้าสบสายตาของนายน้อยดิน คนที่โดนสบตาแสยะยิ้มขึ้นมุมปากก่อนที่จะเดินอ้อมโต๊ะพร้อมกับวางมือทั้งสองข้างไว้ที่เก้าอี้ที่คนตัวเล็กนั่งอยู่
กลายเป็นว่าตอนนี้คนตัวเล็กตกอยู่ภายใต้อาณาของเขาเรียบร้อย
"ผมมีเจตนาดีนะครับนายน้อย ได้โปรดไว้ชีวิตผมเถอะครับ!"
"ฮึ.. อย่ามาตอแหล"
"จะ จะทำอะไรครับ"
ยิ่งกลัวเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งได้ใจมากเท่านั้น
มันเป็นเหมือนเรื่องที่น่าขันสำหรับดินแดนไปซะแล้วกับการที่ต้องมานั่งเล่นเกมประสาทเสียพวกนี้ จะเข้าถ้ำเสือมันไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากหรอกนะ คุณอาจจะมองว่าปากถ้ำมันเข้าไปได้ง่ายๆ แต่เข้าไปได้กลับออกมาหรือเปล่าอันนี้อีกเรื่องนึง
"มีเซ็กซ์กับกูสิ แล้วกูจะรับเข้าทำงาน"
"พูดอะไรของคุณ.. ผมไม่ได้มาเพื่อทำสิ่งนั้นนะ" คนตัวเล็กว่าพลางยกมือขึ้นดันอกเขาเอาไว้ ปลายจมูกเริ่มแดงอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากเรียวเล็กสั่นระริกด้วยความกลัว
"มึงรู้อะไรไหม ..คนที่เข้ามาที่นี่ก็มีไม่กี่อย่าง"
"..."
"ไม่เสนอตัวให้กู ก็คือหนอนที่แฝงตัวเข้ามา"
"ไม่มีใครส่งผมมาจริงๆนะครับนายน้อย เชื่อผมเถอะ"
จะทำให้เสือใหญ่อย่างเขาเชื่อมันก็คงจะยาก เพราะเขาเองก็เคยไว้ใจคนอื่นมาเยอะมากแล้วเหมือนกัน แต่สุดท้ายผลมันก็เหมือนเดิม คือการที่เขาโดนคนที่ไว้ใจหักหลังอย่างไม่ใยดี
กว่าที่เขาเองจะแข็งแกร่งได้ถึงทุกวันนี้ไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องเสียน้ำตามามากเท่าไหร่ แอบร้องไห้คนเดียวเยอะแค่ไหน
เพียงเพราะคำว่า 'อดีตที่เจ็บปวด' มันถึงทำให้เขาเป็นคนเย็นชา ป่าเถื่อนถึงทุกวันนี้
"ฮึ.. งั้นแสดงว่ามึงอยากนอนกับกูสินะ"
"อะไรนะครับ! ไม่ อื้อ!!!"
ยังไม่ทันที่เขาจะได้อ้าปากร้องขอชีวิตจากร่างสูงตรงหน้า นายน้อยดินก็จัดการบดขยี้ริมฝีปากของคนตรงหน้าอย่างไม่ใยดีและไม่มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่นิดเดียว ริมฝีปากเรียวเล็กบวมเจ่อขึ้นเล็กน้อยจากการกระทำของเขา
ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้มีท่าทีจะเห็นใจกลับใช้ฝ่ามือหนาบีบกรามของร่างเล็กแน่น จนเขายอมเผยอริมฝีปากเล็กน้อย เป็นจังหวะเดียวกันกับที่นายน้อยดินสอดแทรกเรียวลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากของคนตรงหน้า
คนตัวเล็กกว่าพยายามที่จะใช้กำปั้นน้อยๆเพื่อผลักไสเขา แต่ยิ่งต่อต้านคนตรงหน้ามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งโดนดูดกลืนเข้าไปมากเท่านั้น ดินแดนไม่ปล่อยโอกาสให้เขาได้พักหายใจเลยด้วยซ้ำ
กะจะฆ่ากันให้ตายเลยหรือยังไง
"ผมกลัวแล้วครับ ฮึ่ก.. อย่าทำอะไรผมเลยนะครับนายน้อย ผมขอร้อง ผมกลัวแล้วครับ ฮือ.." พอเขาผละริมฝีปากออกเขาถึงกับรีบร้องของชีวิตจากนายน้อยยกใหญ่
ดวงตากลมโตกำลังเปื้อนไปด้วยน้ำตาไหลลงมาอาบแก้มใส นายน้อยที่เห็นเหตุการณ์ตรงนี้ก็ทำเบือนหน้าหนีไปมองทางอื่น เพราะไม่ชอบคนตัวเล็กร้องไห้เพียงเพราะเขาจูบแค่นี้ ที่ผ่านมามีแต่คนเสนอตัวให้เขา ไม่มีใครเป็นแบบนี้สักราย
มันผิดวิสัยเกินไป
"กลัวโดนกูปล้ำแต่ไม่กลัวตัวเองตายหรือไงวะ!!!"
"ผมบริสุทธิ์ใจจริงๆนะครับ แม่ผมกำลังป่วย พ่อผมก็ทิ้งผมไปแล้ว ได้โปรดให้ผมทำงานที่นี่เถอะนะครับนายน้อย ผมขอร้อง"
"นี่มึง.."
ที่เขาอึ้งพูดอะไรไม่ออกไม่ใช่อะไร แต่มันเป็นพราะคนตัวเล็กตรงหน้ากำลังโผเข้ากอดเอวของเขาแน่น
เสียงสะอื้นไห้ดังออกมาเป็นระยะ ไหล่เล็กสั่นสะท้านไม่น้อยเหมือนคนที่กลัวจนขีดสูงจนไม่สามารถห้ามเสียงร้องไห้ของตัวเองได้ ดินแดนไม่ได้อยากจะสงสารแต่เขาแค่สมเพชที่ต้องมาเห็นคนที่เจอกันครั้งแรกทำแบบนี้ใส่
จะเรียกว่าเสียงร้องขอชีวิตจากเหยื่อมันทำให้เขารู้สึกดี มีกำลังวังชาขึ้นเยอะ
แต่สิ่งที่พูดออกมามันคือความจริงแต่มันแค่จริงไม่หมดเท่านั้นเอง ในใจของคนตัวเล็กเองเข้ามาที่นี่เพราะหวังอะไร เจ้าตัวเองก็รู้อยู่แก่ใจดีทุกอย่าง เพียงแค่ถ้าบอกออกไปเขาได้กินลูกปืนแทนข้าวเย็นวันนี้แน่
"รับผมไว้สักคนนะครับ.. นายน้อยดิน"
ดินแดนจะต้องยอมอ่อนข้อให้คนที่เข้ามาไม่ถึงสิบนาทีเพียงเพราะเขาหลุดพูดออกมาไม่กี่ประโยคแค่นั้นจริงๆเหรอ หรือว่าเขาเองอาจจะหลงเชื่อในคำพูดของคนตรงหน้าแล้วก็เป็นได้
ผู้ชายที่ตัวเล็ก ผิวขาวโอโม่ขนาดนี้ ใครเห็นก็ต้องหลงเป็นธรรมดา ไหนจะหุ่นทรงที่คล้ายผู้หญิงขนาดนี้ หน้าตาจิ้มลิ้มซะขนาดนี้
นายน้อยดินจะปล่อยไปจริงๆงั้นเหรอ ?
"มึงชื่ออะไร"
"อินทัชครับ ฮึ่ก ..ผมชื่ออินทัช"
"ฮึ ก็ดี ..แล้วมึงพร้อมจะเป็นของเล่นใหม่ของกูหรือยัง อินทัช.."