ตอนที่ 7

1325 คำ
“เป็นไรอีกวะเนี่ยที่แก หงุดหงิดนี่ อย่าบอกนะว่า เพราะแกไม่เจอหน้าฉันกริญจ์” “ฮึ ฉันว่าหน้าของแก มีความสำคัญแค่ไหนวะ ไอ้สากกะเบือเอ๊ย” “อ้าว ถ้าแกไม่โร่มาหาฉันแบบนี้ คิดดูฉันจะต้องมีความสำคัญอย่างแน่นอน” คีระว่าพร้อมลดอารมณ์ตึงเครียดของตัวเองไปได้มาก อย่างน้อยก็มีหยอกล้อ ยิ้มแย้ม ให้เพื่อนอารมณ์ดีขึ้น คีระพยายามขบคิดและพยายามใจเย็น เมื่อเพื่อนร้อนมา เขาไม่ควรร้อนไป แต่ควรเย็นกลับไปอย่างมากที่สุด มันมีเรื่องอะไรอึดอัดใจ ร้อนรน เคียสยังไม่ได้ยินคำบอกเล่าสารภาพจากปากของมันเลย และเขาก็ไม่ใช่ที่ปรึกษาของมันเสียด้วย จะมายัดเยียดให้เขาเป็นที่ปรึกษาของมันได้ยังไง ไอ้นี่ทำท่าจะบ๊องส์แฮะ คงเห็นว่าเขาเคยช่วยมันได้ แต่มันบางกรณี ถ้ามันหนักเกินไปก็แล้วแต่ตัวใครตัวมันเถอะ “แล้วเรื่องอะไรวะเพื่อน ที่นายหนักใจ” คีระพยายามพูดดีด้วย “มันก็หลายเรื่อง เป็นต้นฉันเริ่มสับสนใจตัวเอง และกริญจ์ยอมตอบ มื่อได้ระบายคำพูดออกมากับเพื่อนสนิทแล้ว ก็สงบจิตสงบใจลงไปเรื่อยๆ และเหมือนกับว่า เรื่องที่เขา เก็บอึดอัดไว้ในใจมานานและวันนี้ ได้ระบายออกมาแล้ว แต่ก็ยังเจ็บใจ แค้นเคืองผู้หญิงคนนี้ไม่หายเลย เดี๋ยววันหลังเจออีกครั้ง เขาจะจัดการให้สาสมไปเลย อย่างน้อยนั้น เขาก็ในนามบัตร และสถานที่ทำงานของหล่อน เขาตั้งใจจะโทร.ไปหาเรื่องเสียหน่อย “นี่ ยายมอส ฉันยังไม่สบายใจเลย เรื่องของพี่มิ้มนั่นแหละ แม้จะจัดการบอกกับนายเมธาแล้วก็ตาม แต่ฉันไม่คิดว่า มันจะตกปากรับคำง่าย คนแบบมันต้องมีแผนการอยู่แล้ว แล้วฉันก็แค่ขู่มันให้กลัวเท่านั้น” หากเห็นสีหน้าแบบนั้นของฝ้ายนิลแล้ว ปวีณาหรือมอสกำลังจะ ขยับปากจะถามเพื่อนเหมือนกัน แต่ฝ้ายนิลก็เล่าเรื่องราวที่อัดอั้นตันใจออกมาจนหมดสิ้น เรื่องที่บอกกับปวีณาว่าจะไปจัดการกับเมธา “ฝ้าย ฉันว่าเธอทำได้แน่นอน แค่นี้มันก็หงอเธอแล้ว เพราะฝ้ายเด็ดขาดอยู่แล้วเพื่อนฉัน” ซึ่งมอสก็เชื่อในฝีมือของเพื่อนรัก “ขอบใจ ที่ให้กำลังใจ ฉันทำได้อย่างนั้นก็จริง แต่อย่างที่บอก นายเมธาไม่ใช่คนที่เราจะไว้ใจง่ายๆเสียด้วย” ปวีณาก็มีความเห็นตรงกันแบบนี้ด้วย สำหรับจิ้งจอกสังคมที่เป็นพี่เขยของเพื่อน “ใช่ ฝ้าย มอสว่านะ คนแบบนี้เหมือนเป็นโรคจิต ชนิดหนึ่ง และฉันก็เริ่มเกลียดผู้ชายเจ้าชู้มักมาย” “คงต้องดูไปสักระยะ ใจจริงนะฉันอยากจะให้นายเมธา มันรีบหย่าขาดจากพี่มิ้มในตอนนี้เลยจะดีที่สุด เพราะพี่สาวของฉันในตอนนี้ จิตใจของเธอบอบช้ำ” ฝ้ายนิลตอบเพื่อนไป ระหว่างที่สายตาอยู่หน้าจอ คอมพิวเตอร์ ปากของฝ้ายนิลก็ขยับพูดกับ ปวีณา เพราะจออยู่ใกล้กัน เป็นการปรับทุกข์เช่นทุกครั้งแต่พวกหล่อนก็สนใจเรื่องของงาน ไม่ได้คิดสนใจแต่จะคุยเพียงอย่างเดียว และงานก็ออกมาดี สำเร็จลุล่วงเจ้านายไม่เคยตำหนิดุว่า และฝ้ายนิลก็ไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสีย ในเรื่องการทำงานนั้นเธอทำดีมาตลอด และได้รับความชื่นชมจากเจ้านาย ดังนั้น ในเวลานี้ จึงพักเรื่องนี้ค้างคาเอาไว้ก่อน ไว้ และในเวลานั้นใครคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามา “นี่ นาย ฮึ นายมาที่นี่ได้ยังไง” เป็นเพราะหล่อนตกใจอย่างมาก คนที่ไม่เคยคิดว่าจะเจออีกครั้ง คำอุทานของฝ้ายนิลนั่นเอง กับบุรุษที่อยู่ตรงหน้านั้น หล่อนจำได้ นี่เขาเข้ามาในบริษัทที่เธอทำงานอยู่ อีกทั้งแล้วรู้ได้ยังไง ว่าหล่อนนั้นทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งนี้ มีสาวๆหลายคนแอบมองจ้องไปที่ใบหน้าของเขา และเอ่ยซุบซิบนินทา มีบางคนที่รู้จักเขาทักออกมา “อ้าว นั่นคุณกริญจ์ ลูกชายมหาเศรษฐีระดับประเทศนี่นา อุ๊ย ล้อ หล่อ เพิ่งได้เห็นตัวจริงวันนี้เองเธอ” หากทั้งปวีณากับฝ้ายนิลไม่สนใจหรอก และฝ้ายนิลเริ่มจะคอแข็ง เหมือนรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่อจงใจมาหาเรื่องกับหล่อน “ผมขออนุญาต ผู้จัดการบริษัทแล้วก็ทางฝ่ายบุคคลแล้ว ขอให้คุณออกไปกับผมข้างนอกเสียดีๆ เรามีเรื่องจะต้องตกลงกัน” เขาทำท่าขู่หล่อน แต่หล่อนไม่มีทางกลัว อยู่แล้ว เขาจะเป็นใครก็ตาม ไม่มีอภิสิทธิ์ที่จะทำกับหล่อนอย่างนี้ หล่อนยังนั่งนิ่งไม่กลัวคำขู่ และนี่เขาบอกว่าขออนุญาตกับเจ้านายของหล่อนแล้ว และฝ่ายบุคคล ทำให้อยากรู้ว่า เขารู้จักเจ้านายหล่อนด้วยหรือ แล้วก็ฝ่ายบุคคล ฝ้ายนิลคิดว่าเขาน่าจะโกหกมากกว่า “นี่คุณ ขอโทษ เชิญคุณ ออกไปดีกว่า เพราะฉันไม่มีเวลาจะมาเล่นสนุกไร้สาระกับคุณ” ซึ่งฝ้ายนิลพยายามพูดเบาๆ เพราะไม่อยากให้พนักงานคนอื่นได้ยิน เป็นแบบนี้ หล่อนก็รู้สึกอาย เพราะยิ่งพวกปากหอยปากปูด้วย นี่ตาคงดูและหูคงฟังจับจ้องสังเกตตัวหล่อน แล้วนำไปนินทาอย่างแน่นอน ตอนนี้ฝ้ายนิล หล่อนกำลังจะงัดไม้ไหนมาเล่นกับเขาอีกล่ะ กริญจ์คิดในใจ พร้อมกระหยิ่มยิ้ม และยังไงเสีย วันนี้หล่อนก็ไม่รอดพ้นจากตัวเขาหรอก และอีกอย่าง เขานั้นก็ไม่นึกว่าหล่อนจะเข้ามาทำงานในบริษัทเพื่อนของเขาเอง มิน่ามองดูนามสกุล ชื่อเจ้าของบริษัท รวมทั้งชื่อสำนักงานยังรู้สึกเคยคุ้น ว่าเคยได้ยินจากไหน ที่แท้ก็บริษัทของอธิปัตย์ เจ้าเพื่อนรักคนหนึ่งของเขานี่เอง ส่วนฝ่ายบุคคลไม่ใช่ใคร พี่กัญชลิกา พี่สาวของเจ้าปัตย์ ที่คุ้นเคยสนิทสนมกับเขาอย่างดี เพราะแวะไปเยี่ยมมันที่บ้านบ่อย แต่พักหลังไม่ค่อยมีเวลาไป เพราะเขาหันมาสนิทสนมกับเจ้าคีระมันมากเกินไป แล้วเจ้าปัตย์ มันสนใจทำงานมากเกินไป จนแทบจะไม่มีเวลาว่างให้เพื่อนฝูง เวลาเพื่อนฝูงชวนแต่ละครั้ง จนเพื่อนๆพากันเข้าใจว่า มันไปติดหญิงเข้าแล้วล่ะสิ จึงโทร.มาชวนยากนัก เพราะว่าหล่อนคงขี้หึง ไอ้นี่คงกลัวแฟน ซึ่งตรงกันข้ามกับกริญจ์ ซึ่งเขาขี้เกียจ ติดจะสำมะเลเทเมาด้วย เป็นเพลย์บอยชอบสนุก เพราะฐานะความเป็นอยู่ระดับลูกอภิมหาเศรษฐี ไม่ทำงานก็มีเงินใช้ เงินเที่ยว หากแต่ที่เขาต้องมาที่นี่ มันเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้หยามหยันเขามาก แค่อารมณ์ฉุนเฉียว เขาเลยตามมาจัดการหล่อนที่นี่ เพราะนามบัตรบริษัทที่ทำงาน แล้วก็ชื่อหล่อนมันบอกอาคารภิญโญศักดิ์แห่งนี้ มิน่าคิดตั้งนาน ว่ามันเป็นที่ไหนกัน ที่แท้เคยคุ้น เขาเคยมาที่นี่สองสามครั้งแล้ว ตามเจ้าปัตย์มันมาที่นี่ คุณลุงครรไลย เจ้าของบริษัท บิดาของเพื่อนยังรู้จักเขาอย่างดิบดีด้วย ท่านเป็นเพื่อนสนิทของคุณพ่อเขาอีกด้วย ดังนั้นบริษัทแห่งนี้ แค่เขาเอ่ยชื่อนามสกุลของตัวเอง เท่านั้นก็สามารถผ่านทางเข้ามาได้ จึงไม่แปลกเลย ที่ตัวเองจะเดินเข้ามาอย่างง่ายดาย หากว่าพนักงานบริษัทในนี้พอจะรู้จักเขาบ้าง ซึ่งจะเป็นพนักงานคนเก่าและทำงาน อยู่ในห้องเดียวกับพี่กัญชลิกาฝ่ายบุคคล ส่วนแผนกอื่น ก็คงจะไม่รู้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม