ตอนที่ 6

1349 คำ
มันยิ่งทำให้หล่อน ยิ่งขยะแขยง ที่มันไม่ยอมรับแบบง่ายดาย “คนอย่างแก กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องของตัวเองแท้ๆ ทำไมล่ะ ถึง ไม่ถามสันดานชั่วๆของแกดูล่ะ อย่านึกว่าจะเที่ยวปิดบังหูตาคนอื่นได้” สีหน้าของฝ้ายนิลกร้าว จ้องไปที่สีหน้าของเมธาเขม็งอย่างจะเอาเรื่อง ใจหล่อนเดือดขึ้นมาปุดๆ ที่มันไม่ยอมรับความจริง “ฉันมีหลักฐานแน่ แกไม่ต้องกลัวหรอก ไอ้เรื่องภาพลับฉันมีแน่ มีให้แกเป็นกระตั๊กๆ หรือว่าจะให้อัดโรเนียวแจกจ่าย” “แต่ถ้ากู ไม่ตกลงล่ะ อีฝ้ายฮึคนอย่างมึงมีปัญญาทำอะไรกูได้” “ก็ปืนกระบอกนี้ไงล่ะ ไอ้เมธา ทำอะไรมึงได้แน่นอน มึงจะยอมหรือไม่ยอมล่ะ” เมื่อฝ้ายนิลเสียงเครียด และหยิบปืนขึ้นมา จ่อจ้องไปที่ใบหน้าของมันทันที “นี่ อย่า อย่าเล่นปืนนะอีฝ้าย” และมันร้องบอก “แล้วแกว่าไง แกจะยอมทำตามที่ฉันบอกมั้ย” “เอ้อ ให้เวลาฉันขอคิดดูก่อน” มันตอบหล่อน และท่าทางที่เห็น คือลนลานแบบกลัวจริงๆ กลัวปืนลั่น เพราะหล่อนเล่นไม้ตายกับมัน “ฉันจะให้เวลาแกไปคิดแค่หนึ่งอาทิตย์ แล้วตัดสินใจไปเซ็นใบหย่าให้พี่สาวฉันซะ แล้วต่อไปแกจะไปตกนรกหมกไหม้ที่ไหนก็ตามใจแกไอ้เมธา และถ้าแกเล่นลูกไม้ สกปรก อย่าลืมนะว่า คุกตะรางเขามีเอาไว้ขังหมาจรจัดอย่างแก” จากนั้นฝ้ายนิลก็รีบผลุนผลันออกไป จากตรงนี้ เมื่อไม่สำเร็จก็ใช้วิธีอื่น หล่อนทั้งเหนื่อยปนหอบ ก่อนที่จะกลับบ้านพัก และครั้นพอเพื่อนรักนั้นยอมรับโทรศัพท์คราวนี้ กริญจน์ก็ใส่ไม่ยั้ง ท่าทางของเขาโมโหและเดือดดาลอย่างหนัก เพราะเขาพยายามโทร.มาหา เคียส หรือ คีระมาหลายครั้งแล้ว ในเบอร์ของคีระโชว์เบอร์ของเพื่อน แต่เขาไม่ไยดีแยแสเลย สำหรับนายเคียสนั้น เพราะว่าตอนนี้ไม่ว่าใครทุกคนจะโทร.เข้ามาหาเขา เคียสก็ไม่ยอมรับอยู่ดีนั่นแหละ วันนี้วันเดียว ปกติ เขาไม่เคยปิดมือถือ แต่วันนี้ มันมีเหตุจำเป็น เพราะแม่สาวร่างบางแนบเนื้อชิดอยู่กับเขานี่สิ หล่อนกอดร่างเขาเอาไว้แน่น เขากำลังจะมีความสุขตามประสาคนรัก หากว่า เคียสก็ทำหน้านิ่ง แบบทองไม่รู้ร้อนอีก รอดูท่าทีของเพื่อนที่มันโมโหเหมือนกับไปฟัดเหวี่ยงกับใครมาอย่างนั้นล่ะ “นี่ กริญจ์ดึกดื่น จนป่านนี้แล้ว โทร.ทำไมวะ นี่ แกยังไม่นอนอีกหรือไงวะ” ทำให้คีระย้อนคำถามกลับไปหาเพื่อนอีก “นี่ไอ้เคียส ถ้าฉันนอนอยู่กับบ้านนี่ แกจะเห็นฉันย้อนมาหาแก อย่างนี้หรือไงวะ เพื่อนอย่างฉัน ไม่สบายใจ แกจะไม่ให้คำปรึกษาเลยหรือไง” “เรื่อง อะไรอีกล่ะไหนลองว่ามา” เคียสถามด้วยความสนใจที่จะช่วยแก้ปัญหาให้ หากแต่กริญจน์กลับยังไม่ยอมบอก “ยังไม่บอกโว้ย กูขอเล่นตัวหน่อย หนอยแน่ะ เล่นยิงถามคำถามมาถี่ยิบรัวอย่างงี้” เอากะเพื่อนคนนี้สิ เขาตามอารมณ์ของมันไม่ทันจริงๆ กริญจ์ก็เลยเป็นแต่เพียงผู้รับฟังเพียงอย่างเดียว เพื่อนของเขาคนนี้ทำท่าจะหมดท่าแล้วกระมัง จึงได้พาลพาโลโฉเกไปอย่างนี้ “งอน แบบนี้ไม่สวยนะ ไอ้ กริญจ์” “เออ กู รู้ กูไม่ใช่ตุ๊ดหรอก มึงคบกูมานาน มึงไม่รู้จักกูหรือไงว่ากูเกลียด พวกกะเทย ทอมดี้อย่างเข้าไส้” กริญจ์ตอบหยิ่งๆ “ระวังนะโว้ย ไอ้ที่มึงพูดแบบนี้ จะได้มีแฟนเป็นทอมเป็นดี้ และถ้าเป็นแบบนี้ กูจะหัวเราะให้ฟันหักฟันโยกไปเลย” และเคียสก็พูดใส่ให้เพื่อนรักได้ยินอีก ทำเอาคนที่กำลังขับรถนั้นหน้าตาบึ้งตึงทีเดียว “มึงจะมาแช่ง กูหรือไงวะเคียส” “เฮ้ยไม่ได้แช่ง กูแค่ล้อเล่นเว้ยกริญจ์” “อย่า มาล้อเล่นตอนนี้นะโว้ย ยิ่งเซ็ง” และอารมณ์ของกริญจน์นั้นยังพาลใส่เพื่อนเช่นเดิม “แล้วถึงไหนล่ะตอนนี้” “อยู่หน้าปากซอยคอนโดมึงแล้วล่ะ คงอีกห้านาทีนาที” กริญจน์บอก หากเคียสหรือคีระนั้นยิ้มออกมา ที่เขาได้ยั่วเย้าหยอกเพื่อนให้เกิดอาการโมโห เพราะเขารู้ดี นิสัยของไอ้กริญจน์ นี่ พอบทมันโกรธหรือยัวะน้อยใจ ก็พาลออกมาเต็มที่แบบนี้ล่ะ เพราะไอ้เขาเอง นี่ก็เพิ่งไปส่งน้องหนู เพื่อกลับเข้าที่พัก เมื่อสักพักนี่เอง ไปส่งน้องดาว ในที่พักอยู่แถวบางเขน ดาวคนนี้คือสาวที่สวยที่สุด น่ารักในสายตาของเขา เธอทำงานเป็นสาวในร้านคาราโอเกะ ที่เขาเข้าไปใช้บริการกับเพื่อนๆในการร้องเพลง บางครั้งเพื่อนไม่ได้ไป เขาก็ไปนั่งเดี๋ยว เรียกหล่อนมาคุย และร่วมร้องเพลงด้วยกัน เขาเพิ่งรู้ว่า หล่อนเสียงดีมาก และน้ำเสียงของเขาก็เพราะเสียงดี หล่อนชมเขา แบบนี้ล่ะ คือสิ่งที่เขามีความสุขอย่างหนึ่งในการคบหา จุดเริ่มต้นในการคบหาหล่อน และจีบหล่อนเป็นแฟน คือ หล่อนมายืนรอรถแท็กซี่ ในเวลาใกล้จะเลิกงานพอดี เขาเลยกดแตรเรียกบีบเบาๆเพราะเห็นใบหน้าหวานที่ชวนสะดุดตา ก็ไม่มีใครหรอกนอกจากหล่อนเท่านั้น และก็ทำให้ดาวนั้นสะดุ้งเพียงเล็กน้อย วันนั้นเมื่อชะโงกมอง ที่ประตูข้างคนขับมีบานกระจกเลื่อนลง พร้อมทำให้เห็นใบหน้าคนขับ “คุณ เคียส” และเขาก็ยิ้มให้หล่อนเช่นกัน เมื่อหล่อนจำเขาได้ “ใช่ ผมเอง ดาว งั้นรีบขึ้นมาในรถสิ ผมจะไปส่ง ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด เพราะว่าผมเพิ่งได้ส่งคุณก็วันนี้วันแรก” พูดเพื่อไม่ให้หล่อนปฏิเสธ หากแต่ดาวก็ยังลังเล “แต่ว่า” “ไม่ต้องมีแต่ อะไรทั้งนั้นครับ” พอไปส่งหล่อนถึงที่หมายแล้ว จากนั้นเขาก็ตีวงเลี้ยวรถ เพื่อย้อนขับรถกลับไปที่คอนโดแถวลาดพร้าวสี่แยกโชคชัยสี่ของตนเองอีกครั้ง และอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา คอนโดแห่งนี้บิดาของเขาซื้อเอาไว้ เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมาแล้ว สมัยที่เขาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์พอดี และเมื่อนำเรื่องมาปรึกษาบิดามารดา ท่านก็อนุญาต เพราะเขาเองก็เป็นทายาทเจ้าของนักธุรกิจผลิตยางและอะไหล่รถยนต์ ตั้งอยู่แถว ถนน บางนาตราด แต่เพราะบ้านพักของครอบครัวของเขาจริงๆแล้วอยู่แถวลาดกระบังนั่นเอง ค่อนข้างไกลพอสมควร ถ้าเดินทางมาลาดพร้าว เขาบอกแก่หล่อน “ที่เห็นนี่ เป็นห้องชุดแบบสูท เป็นห้องแบบฝาแฝดด้วยครับ กว้างประมาณเกือบห้าร้อยตารางวามีหกห้องนอน หกห้องน้ำ คุณพ่อคุณแม่จะแวะมาเยี่ยมเป็นครั้งคราว บางทีผมก็ใช้ต้อนรับเพื่อน แต่ราคานี้ ปัจจุบันไม่ได้แล้วนะครับ ซื้อเอาไว้ตอนนี้ผมมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเกษตร อีกประมาณสองเดือน น้องชายกับน้องสาวของผมจะมาอยู่ด้วย ทั้งคู่คุณพ่อให้มาเรียนที่นานาชาติแถวนี้ครับ” และหล่อนรับทราบ ปกติดาวเป็นคนไม่ค่อยพูดค่อยจา บุคลิกนิ่งๆเงียบมากกว่า อะไรก็ได้ แต่หล่อนมีกฎระเบียบ ไม่มั่วซั่ว และทำอะไรมักง่าย หล่อนมาเยี่ยม จากนั้นหล่อนก็กลับ ด้วยการที่เขาเป็นคนขับรถพาไปส่งถึงที่พัก และในที่สุดคอนโดแห่งนี้ก็ได้ต้อนรับกริญจ์เพื่อนรัก ที่แบกหน้าเข้ามาเหมือนไม่สบอารมณ์นัก แต่เพื่อนอย่างคีระก็ยังว่ากระทบและแดกดันเข้าไปอีก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม