หล่อนพยายามจะต้อนเมธา ให้จนมุมแท้ๆ หรือว่าเมธารู้ทัน
และบอกเรื่องนี้แก่พี่สาวของหล่อนไว้ก่อนล่วงหน้า แล้วให้พินทุมาลย์มาคอยดักฟัง
ในที่สุดพี่สาวของหล่อน ยังโง่เง่าเต่าตุ่นเหมือนเคย
หล่อนไม่อยากจะคิดอะไรหรอก ในเวลานี้
ฝ้ายนิลอยากจะเร่งคนขับให้ส่งถึงบ้านพักโดยเร็วเท่านั้น เอ
แต่นั่น คุณพระช่วย คนขับหักรถเลี้ยวเข้าซอยข้างหน้าซ้ายมือ นายคนขับวัยรุ่นที่ดูแล้วอายุคงจะอ่อนกว่าหล่อนสามปี มันคิดอะไรอยู่นี่
พอฝ้ายนิลหายตกใจ เพราะหล่อนยังมีสติ เมื่อมองไปเห็นทันทีว่า ในซอยนี้มีป้ายเขียนไว้ว่า ยินดีต้อนรับ โรงแรมม่านรูด
ตายแล้ว คิดสกปรกคนใจชั่ว หล่อนเรียกคนขับ ที่ไม่ทันคิดว่า หล่อนรู้สึกตัวแล้ว
“นี่ จอด จอดเดี๋ยวนี้นะ”
แต่เจ้าคนขับไม่เชื่อไม่ฟังมันยิ่งขับรถเร็วกว่าเดิม และโดยไม่สนใจเสียงกรี๊ดของหล่อนลั่นรถ
เมื่อหล่อนขยับมือ พยายามจะเปิดประตูออก แต่แล้วมันก็ตัดสินใจหยุดรถ แล้วหันมาตะปบเอามือของหล่อน
ในจังหวะนั้น ทำให้ฝ้ายนิลใช้มือ และยกเท้าของหล่อนถีบไปที่ตัวคนขับ ส่วนกระเป๋าถือของหล่อน ก็ฟาดไปที่หน้าของมันเป็นพัลวันอย่างไม่ยั้ง
และเกือบลืมไป นี่ หล่อนมีปืนนี่นา ฝ้ายนิลรีบควักปืนออกมาทันที
“อ้อ นี่ แก จะหาเรื่องอยากตายใช่ไหมไอ้บ้ากาม”
ครั้นเมื่อมันเห็นปืนในมือของหล่อน สีหน้าของมันจึงลนลานพร้อมตกใจเหมือนคนกลัว กลัวตาย และไม่กล้า ผลีผลามทำอะไรหล่อน
“ชาติชั่ว เลวทราม แกคงเคยทำกับผู้หญิงแบบนี้ นับไม่ถ้วนแล้วสิ อย่าอยู่เลย”
ซึ่งฝ้ายนิลยิงออกไปทันที หล่อนไม่กลัวอะไรแล้ว หล่อนกล้าบ้าบิ่น ในเมื่ออันตรายรออยู่ข้างหน้า
และหล่อนมีปืนก็ใช้ปืนให้เป็นประโยชน์สิ ดีเหมือนกันที่หล่อนพกปืนมาด้วย
ถ้าไม่งั้นหล่อนนึกไม่ออก ว่าสภาพของหล่อนจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ช้ำชอกปานใด
ซึ่งฝ้ายนิลไม่อยากคิด หล่อนเพิ่งขวัญเสียมาจากบ้านพี่สาวมาหมาดๆ
และที่ยิงออกไปเพื่อแกล้งข่มขู่มัน หล่อนไม่สนใจรถของมันที่กระจกแตก อยากคิดระยะตำบอนกับหล่อน
เสียงของฝ้ายนิลเด็ดขาด สีหน้าหล่อนเอาจริง
“ไป๊ ออกจากรถของแกเดี๋ยวนี้ เปิดประตูให้ฉันลง อย่าเล่นลูกไม้ เดี๋ยวฉันยิงไส้แตกแน่”
มันยอมทำตามที่หล่อนขอร้องเป็นอย่างดี เพราะปืนของหล่อนขู่มัน มันคงเห็นแล้วว่าปืนมีลูก ไม่ใช่ปืนเด็กเล่น
และฝ้ายนิลเองก็แม่นปืนเสียด้วย และจากนั้นฝ้ายนิลตั้งใจจะหารถคันใหม่
หล่อนเดินออกไปที่บริเวณปากซอย ถึงช้าหน่อยก็ยังดี
และหล่อนไม่กลัวหรอก เพราะมีปืนถืออยู่ในมือในเวลานี้ เพราะใครคิดจะทำอะไรไม่ดีกับหล่อนก็ลั่นเปรี้ยงปร้างออกมาเลย
ถือว่าหล่อนป้องกันตัวเองจากพวกสัตว์เดรัจฉานเดนสังคม ที่คิดจะเอารัดเอาเปรียบผู้หญิงที่อ่อนแอกว่าเสมอ
นั่นคือ ความนึกรังเกียจในตัวเพศผู้ชาย มันจึงฝังใจตลอดมา
หากกริญจ์นั้น เขาจอดรถอยู่ใกล้ๆ
ครั้นพอหล่อนเดินเข้ามาใกล้ เขาจึงได้เปิดแสงไฟหน้าหม้อรถใส่ เขารู้ว่าเป็นหล่อน
และหญิงสาวถือปืนอยู่ในมือขณะนี้
เขา ยอมรับว่าหล่อนใจอย่างเด็ดมาก ใจกล้า ที่เล่นงานเจ้าคนขับใจอัปรีย์ด้วยไม้นี้ได้สำเร็จ
ถือว่าหล่อนเก่งนี่ ไปไหนมาไหน กล้าพกปืนไปด้วย
ทำให้เขานึกชื่นชม พอหล่อนเดินเข้ามาใกล้
เขาจึงเปิดประตูออกไป
แต่เมื่อฝ้ายนิลเห็นเขาเท่านั้น ทำให้หล่อนตกใจ
“คุณ กริญจ์”
หล่อนอุทาน หากอย่างน้อยก็รู้สึกดีใจอย่างมากที่ได้เจอเขา ซึ่งแม้ไม่นานนักก็ถือว่าเป็นคนที่รู้จัก
และหล่อนกำลังอยู่ในภาวะของคนที่มีอาการหวาดกลัว กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อเห็นแล้วกริญจ์โค้งคำนับให้ในเวลานี้
เขาจะมาคิดเล่นสนุกล้อเลียนกับหล่อนอีกหรือ มันหน้าสิ่วหน้าขวาน
“สวัสดีคร๊าบ คุณผู้หญิง เอ้อ ปลอดภัยแล้วใช่ไหม ครับ คุณนี่เก่งจริงๆ และมีอะไรจะให้ผมรับใช้ไหมครับ”
เมื่อฝ้ายนิลฟังเขา หล่อนกระพริบตาถี่
แต่ก็ยอมรับ บอกเขา
“เอ้อ ใช่ค่ะ ช่วยด้วยคะ ช่วยด้วย เอ้อ ไอ้แท็กซี่มันคิดจะลวนลามฉัน”
คำตอบของหล่อน ชวนน่าสงสารอยู่หรอก เนื้อตัวสั่นเหมือนลูกนกตกน้ำ ฮึ
ในตอนนี้ เขาแทบจะหัวเราะใส่หล่อนด้วยซ้ำ
คราวนี้หล่อนมีท่าทีที่กลัวแบบลนลาน
และเขานั้นก็เพิ่งเคยเห็นว่าหล่อนกลัวมากที่สุด ก็ในวันนี้เอง ที่ปากเก่งปากกล้ามาตลอด
ในที่สุดหล่อนก็ทระนงตัวเองอย่างไปไม่รอดเลยล่ะ
หากแต่ลึกๆเขาก็นึกสงสาร
ฝ้ายนิลเอ่ยบอกเขาด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก
ถึงแม้หล่อนจะเก่ง แต่หล่อนก็เป็นผู้หญิง ย่อมมีความกลัว และอ่อนแออยู่ในจิตใจเช่นกัน
โดยสัญชาตญาณแท้แล้ว หล่อนยังเป็นผู้หญิงที่มีความกลัว
ฝ้ายนิลรีบเก็บปืนใส่กระเป๋าสะพายตามเดิม แล้วหล่อนก็มายืนหอบอยู่ใกล้เขา
และเขาอยากจะเข้าไปปลอบหล่อนเหลือเกิน แต่ก็ไม่กล้าทำอย่างนั้น
“เอาเป็นว่า คุณปลอดภัยแล้ว และไม่ต้องกลัว มันไม่กล้าทำอะไรคุณหรอก คุณขู่มันให้หมอบลงขนาดนั้น มาขึ้นรถผมก่อน ผมมีอะไรจะซักถามคุณเยอะเหมือนกัน ครับ คนเก่ง”
เมื่อเขาเอ่ยด้วยความมีน้ำใจ
ฝ้ายนิลไม่สามารถไว้ใจคนขับแท็กซี่ได้แล้ว เพราะเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ แต่หล่อนก็ใช้ไหวพริบทันท่วงที
ในที่สุดฝ้ายนิลยินยอมขึ้นรถของเขาแต่โดยดีอย่างไม่อิดออดและแง่งอน เพราะมันก็ยังดีกว่าหล่อนมาหยุดยืนอยู่แถวบริเวณนี้คนเดียว
แต่ก็แปลกใจเหมือนกัน ที่กริญจ์รู้ได้ไงว่าหล่อนอยู่ที่นี่
หรือว่าเขาขับรถตามหล่อนมา สะกดรอยตาม
หล่อนไปกับเขาหล่อนคงปลอดภัยมากกว่า แท็กซี่ใจทรามนั่น
หล่อนนั่งเงียบอยู่บนรถของเขา หากรู้สึกว่าตัวเองสั่นเหมือนลูกนกตกน้ำ
ส่วนเขานึกขำในใจเสียจริงๆที่นางเสือร้ายกลับกลายเป็นนางแมวเชื่องๆไปเสียแล้ว
เมื่อหล่อนบอกเขาว่า
“ค่ะ เกิดเรื่องเพราะ ฉันไปทะเลาะกับพี่สาวมา ก็เลยผลุนผลันจะกลับบ้านในตอนนั้น และมันดึกมาก ”
“ใช่สิ ดึกมาก และคุณก็เกือบเสียทีพลาดพลั้งไปแล้วนะคุณ เกือบจริงๆ”
“ค่ะ แต่ฉันจัดการมันได้”
หญิงสาวก็พยักหน้ายอมรับแต่หล่อนก็เอาตัวรอดได้ เมื่อนั่งรถเคียงคู่กับเขาแล้วนั้น
หล่อนรู้สึกปลอดภัยจริงๆ และหล่อนก็บอกเส้นทางที่พักซึ่งอยู่แถวบางกะปิ เป็นอพาร์ทเม้นท์
“ค่ะ ฉันเอาปืนมาด้วย นี่ไงคะ”
เมื่อหล่อนควักปืนออกมาให้เขาเห็น
จนเขาตกใจ
“เก็บปืนเถอะครับ อย่าเอามาเล่นเลย มันเสียว”
“ค่ะ แต่ฉันไม่รู้ล่ะ ถ้าใครคิดไม่ดีต่อฉัน ฉันจะยิงเปรี้ยงปร้างออกไปเลยล่ะ เพื่อป้องกันตัว”
หากเขาก็ยังทำหน้าแสยงไม่หาย
จากนั้นหลังจากเอามาโชว์ หล่อนก็หยิบเอาปืนเก็บลงกระเป๋าตามเดิม
“แม้แต่ผมงั้นหรือครับ”
“ใช่ค่ะ ก็ลองดูสิ”
นี่ไง หล่อนช่างกล้าบ้าบิ่นนัก
เลยทำให้เขายอมรับเสียแล้ว่าน่าคบ น่าค้นหา น่าทดลอง
และน่าจะไขประตูรักของเขาไปสู่หัวใจหล่อน
แต่ดูท่าหล่อนยังหวาดระแวงโดยเฉพาะผู้ชาย เช่นเขา อยู่