ตอนที่ 14

1349 คำ
เลยทำให้ฝ้ายนิลกัดปากตนเองจนรู้สึกเจ็บ เพราะคำพูดของพี่สาวนั้นก้องอยู่ในสมองและรูหู นี่ก็เป็นคำด่าแบบผู้ดีของพี่สาว ถ้างั้นคิดว่าพินทุมาลย์คงแข็งแรงขึ้นมากแล้วสิ ถึงมีเรี่ยวแรงกำลังวังชามาด่าหล่อนแบบนี้ ฮึ หากแต่หล่อนรู้สึกเสียใจอย่างมากที่สุด ที่พี่สาวนั้นมอง ไม่เห็นความหวังดีของหล่อน พินทุมาลย์หล่อนเข้าใจผิดแท้ๆ ตอนแรกคิดว่าพี่สาวของหล่อนนั้นจะตา สว่างหลุดจากความมืดได้ แต่อันที่จริงไม่ใช่เลย ยิ่งอยากจะผลักตนเองลงไปสู่หุบเหวของความมืดมิดอีก โง่ แล้วยังอวดฉลาดพี่สาวของหล่อน ยิ่งกว่าคนตาบอดเสียอีก เพราะหลงรักผู้ชายคนนี้ และฝ้ายนิลไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ไม่อยากอยู่ตรงนี้ เห็นนายเมธาลอบยิ้มอย่างสะใจ จากนั้น ฝ้ายนิลก็ก้าวฉับเดินออกไปเอง พร้อมกับสะพายกระเป๋าและหล่อนนั้นเดินออกมาข้างนอกด้วยความรู้สึกที่เลื่อนลอย มันเหมือนกับคนที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยด้วยซ้ำ เวลานี้ทำให้หล่อนรู้สึกผิดหวังมาก และผิดหวังกับพี่สาว คนนี้ แต่ทำไมพินทุมาลย์ ถึงไม่เข้าใจถึงเหตุผล นี่หล่อนจะทำยังไงดี หล่อนเคยทะนงตนเองมาตลอด ว่ามุ่งหวังเพื่อจะช่วยพี่สาวให้พ้นจากความเลวร้ายนั่น ฝ้ายนิลเลยพูดอะไรไม่ออก หล่อนตั้งใจจะหารถแท็กซี่สักคัน แต่ว่าหล่อนกะปลกกะเปลี้ยเพลียแรงไปหมด ต่อไปคงไม่ต้องมาแล้วแถวนี้ บ้านของพี่สาว แล้วหล่อนจะไปบอกพ่อกับแม่ว่ายังไง คงไม่ต้องบอกหรอก เก็บไว้เงียบที่สุด หล่อนไม่อยากให้พ่อแม่ รู้เรื่องนี้เหมือนกัน เพราะถ้าเรื่องพี่น้องทะเลาะกัน ก็อาจจะถูกตำหนิด้วยกันทั้งคู่ และหล่อนอาจจะถูกตำหนิมากกว่า เพราะความคิดดีที่อยากจะช่วยเหลือพี่สาวถึงอย่างไรพี่สาวก็ยังมองเห็นสามีดีกว่าน้องสาวในไส้อยู่ดี พาตนเองก้าวไปเรื่อยๆซวนเซจวนจะล้ม นี่ดึกมากแล้ว ใช่ แล้วในซอยนี้ก็ดูเปลี่ยว หล่อนเริ่มจะนึกขึ้นมาได้ ทีแรกตั้งใจว่า ถ้าอยู่บ้านพี่สาวจนดึก จะขอรถพี่สาวขับไปส่งหน้าปากซอย แต่นี่เกิดเรื่องทะเลาะกัน หล่อนจึงไม่กล้าใดๆทั้งสิ้น และรีบพรวดพราดออกจากบ้านหลังนั้นในเวลาต่อมา แต่ไม่เป็นไร หล่อนมีปืนอยู่ใครหวังประสงค์ร้ายกับหล่อนในเวลานี้ หล่อนชักปืนมาขู่แน่ แต่ดีหน่อย ในที่สุดไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในที่สุดก็เดินมาจนถึงปากซอยจนได้ แต่ก็เพลียแรงเหมือนกัน หล่อนยืนโงนเงน และตั้งใจว่าจะเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้าน นั่นไง มาแล้วคันหนึ่ง หล่อนยังโชคดีที่รถว่างไม่มีผู้โดยสาร จึงโบกมือ ในที่สุดรถก็จอดรับหล่อน หญิงสาวบอกจุดหมายปลายทาง แล้วเอนร่างพิงพนักเบาะด้านหลัง จากนั้นคนขับก็ขับไปเรื่อยๆ และทางด้านหนึ่งฝ่ายเขา กริญจ์ยิ้มให้กับคีระ หลังจากคุยธุระกับเพื่อนเสร็จในวันนี้ เพื่อนคงอยากมีเวลาคุยต่อกับเพื่อนสาว เขาคิดว่าจะแวะมารบกวนคีระได้ไม่มากนัก ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ “อ้าว จะกลับแล้วหรือไงวะ” เคียสหรือคีระทักเขา รู้สึกแปลกใจมาก ที่เพื่อนมาแบบด่วนจี๋แล้วก็จะกลับไปแบบด่วนๆเหมือนกัน “ใช่” เขาทำท่าลุกจากโซฟาเบาะนุ่มห้องของเพื่อน พร้อมกับยืนขึ้น “เฮ้ย ไอ้เสือ มีธุระด่วนที่อื่นหรือ มาถึงคุยกันได้ไม่นาน นายก็จะรีบไปแล้ว ” “เออว่ะ แล้วขอโทษด้วย ฉันเกรงใจนาย และนายเองก็มีเพื่อนสาวอยู่ด้วยไม่ใช่หรือ ไม่เป็นไรหรอกเพื่อน ฉันเองเข้าใจดี รู้สึกสบายใจมากแล้ว ตอนนี้ก็อยากขอกลับไปที่คอนโด ดึกมากแล้ว เจอกันวันหลังนะเคียส” ซึ่งจากนั้นร่างสูงโปร่งของเขาก็ก้าวจากห้องของเพื่อน คีระเดินมาส่งเขาถึงลิฟต์ชั้นล่าง จากนั้นก็เดินไปส่งที่รถจอดด้วย บอกกับเพื่อนว่า “อย่าคิดอะไรมากเลยวะ แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ขับรถให้ดีก็แล้วกัน บ๊าย ” ส่วนเขาก็ยกมือโบกให้เพื่อนเหมือนกัน จากนั้นก็ออกรถ แล้วเคียสก็ขึ้นลิฟต์กลับไปที่ห้องพักตามเดิม ครั้นเมื่อรถติดไฟแดงที่นี่อีกแล้ว ดึกอย่างนี้ด้วย ใจของกริญจ์รีบบึ่งไปที่คอนโดมากที่สุด รู้สึกง่วงและเพลียเต็มที เอามือละออกจากการกุมพวงมาลัย มีรถแท็กซี่คันหนึ่งเพิ่งขับมาถึงจอดขนาบอยู่ทางด้านขวามือของเขา เขามองไปที่รถ ผู้หญิงคนนั้น เฮ้ย ทำไม มันคล้าย คุ้นนักล่ะ เหมือนกับคนคนเดียวกัน เขามองไปอีกที ต้อง ใช่แน่ แม่สาวน้อยจอมแสบของเขา เพราะเห็นว่าฝ้ายนิล นั่งอยู่บนรถแท็กซี่คันนั้น จะไปไหนของหล่อนกัน ดึกดื่นป่านนี้แล้ว กลับมาจากทำธุระที่ไหน หรือจะไปทำธุระที่ไหน และพอไฟเขียวขึ้นปุ๊บ เขารีบตามรถคันนี้ไปทันที หล่อนอยู่ในชุดเดิมที่ทำงานเมื่อตอนกลางวัน เขาจำได้แม่น แล้วนี่ไปทำธุระที่ไหนมาล่ะ หล่อนจึงยังไม่กลับบ้านถือว่าเป็นครั้งที่สองที่สามแล้วล่ะ ในรอบเวลาหลายวันแล้วที่กริญจ์เปลี่ยนเส้นทางในการกลับบ้าน แทนที่จะรีบกลับ เปลี่ยนเป็นไปตามรถแท็กซี่คันนั้นดีกว่า ท่าทางมีพิรุธ และเป็นห่วงหล่อน ฉวยว่าเกิดเหตุร้าย เพราะแท็กซี่ตอนกลางคืนไว้ใจไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่นั่งรถตามลำพังแบบนี้ อีกอย่างเขาอยากจะรู้เพียงอย่างเดียวว่า ฝ้ายนิลนั้นไปทำธุระที่ไหนมา ใกล้ดึกอย่างนี้ ป่านนี้ยังไม่กลับบ้าน เขาไม่นึกว่าหล่อนจะเที่ยวกลางคืนด้วยซ้ำ คงไม่หรอก ไว้ให้อยู่ตรงหน้า จะเอ่ยถามสาวน้อยจอมยียวนปากจัดนั่นให้รู้แน่ชัดสักหน่อย เอนั่น เจ้าคนขับแท็กซี่จะพาหล่อนไปไหนนะ ตรงดิ่งมาแล้วบนถนนพระรามเก้า ท้องถนนที่เรียกว่าถนนสายโลกีย์ในปัจจุบัน ดาษดื่นไปด้วยสถานบันเทิงและบริการสองฟากฝั่ง ถนนสายนี้สว่างไสวด้วยดวงไฟสีฉูดฉาด โดยเฉพาะโรงแรมม่านรูด อาบอบนวด ผุดขึ้นมากที่สุด หรือไอ้เจ้าแท็กซี่ มันจะคิดไม่ซื่อต่อหล่อน เขาคิด เพราะท่าทางดูหล่อนนั้นอ่อนเพลียมาก อาจจะผล๊อยหลับไปได้แล้วมั๊ง และแล้วฝ้ายนิลก็ลืมเปลือกตาขึ้น ซึ่งนี่น่าจะเป็นนอกเส้นทางที่จะไปบ้านของหล่อนตามที่หล่อนบอกกล่าวแก่คนขับ และคนขับซึ่งมีหน้าตาไม่ค่อยหน้าไว้ใจนัก แต่หล่อนก็ขึ้นมาแล้วนี่ จะเปลี่ยนใจลง ก็ต้องรอให้พ้นจากที่เปลี่ยวหน่อย เป็นย่านชุมชน อาจจะเป็นแถวรามคำแหง ซึ่งมีรถเมล์รถแท็กซี่ผ่านตลอด พอที่หล่อนจะไว้ใจได้ ฝ้ายนิลสลัดศีรษะของตนเองเบาๆ เพราะบ้านพักของหล่อนอยู่แถว บางกะปิ ยังรู้สึกมึนที่ศีรษะ ตายแล้วหล่อนเผลอหลับไปนานได้อย่างไร อันตรายยิ่งนัก ฝ้ายนิลเพิ่งรู้สึกตัว อาจจะเป็นเพราะว่าหล่อนเพลียจัด ก็เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านของพี่สาวตามมาหลอกหลอนหล่อนอีกด้วย นี่ ก็ไม่นึกเลยว่าพี่มิ้มจะยังเห็นกงจักรเป็นดอกบัวอีก และหล่อนไม่อยากจะคิดเลย อยากจะปิดหูทั้งสองข้างด้วยซ้ำ ที่พี่สาวของหล่อนไม่เชื่อในตัวหล่อน หากกลับไปเชื่อสามีจอมเจ้าเล่ห์ของตนเอง และทำไม เรื่องมันเป็นอย่างนี้หนอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม