บทที่ ๒ คนไร้ค่า ไร้ราคา(๓)

1299 คำ
ยังพูดไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ มือไม้ของเขาก็หยุดชะงัก กายแกร่งขยับออกห่าง ทำราวกับเธอเป็นตัวอะไรที่น่ารังเกียจ เมื่อรับรู้ว่าบนเตียงหลังกว้างไร้ร่างแข็งแรง จึงได้แต่ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้อยู่เงียบๆ ในที่สุดเขาก็เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมา แน่ล่ะ ผู้ชายเพียบพร้อมอย่างเคลล์ ลัมเบอร์ ควีนแมคก์จะมารักมาชอบพนักงานบัญชีจนกรอบและก็ไร้คุณค่ายิ่งกว่าสัตว์สกปรกซึ่งถูกเหยียบย่ำอยู่บนดินซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อย่างไร หัวใจของเขาไม่มีวันหล่นมาถึงมือแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว และคงเป็นตลอดไป กลับจากทำงานวันนี้ แทนที่คุลิกาจะตรงดิ่งไปหมกตัวอยู่ในเพนท์เฮาส์เช่นเคย กลับเลือกโบกรถแท็กซี่ไปหาร้านเหล้าขนาดเล็กซึ่งมักจะเปิดต้อนรับบรรดาแขกเหรื่อตั้งแต่หัววันนั่งดื่ม ยอมรับเลยว่าการต้องรบรากับเคลล์ในค่ำคืนที่ผ่านมาทำให้รู้สึกแย่ พละกำลังที่ควรมีติดลบไปหลายจุด ตอนนี้ต้องการพักและปล่อยเนื้อปล่อยใจไปกับแอลกอฮอล์ขมปร่าบาดคอ เหมือนอย่างที่ใครๆ ต่างก็หลงเข้าใจผิดว่าเหล้าจะช่วยให้ลืมทุกอย่าง แต่ความจริงนั้นมันก็แค่ช่วยให้จำอะไรไม่ได้ในเวลาที่เมามาย สั่งค็อกเทลอย่างมาร์การิต้าให้กับตัวเอง นั่งชิวๆ อยู่บนเก้าอี้บาร์สีแดงสด บาร์เทนเดอร์วัยกลางคนเหลือบมองมาเล็กน้อย สงสัยกำลังคิดอยู่กระมังว่ายายแว่นแต่งตัวเลียนแบบมนุษย์ป้า ชีช้ำอะไรนักหนาถึงได้สั่งเครื่องดื่ม ทั้งๆ ที่ร้านเพิ่งจะเปิดได้ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ คุลิกาดื่มไปหลายแก้วทีเดียว พอเงยหัวออกจากโลกส่วนตัวเพื่อมาฟังเสียงดนตรีอึกทึกก้องหู ซึ่งมันแสนจะเร้าใจและชวนให้ออกไปวาดลวดลาย นักเที่ยงราตรีเริ่มคลาคล่ำจนทำให้ไนต์คลับในเวลานี้ดูเล็ก บางคนกำลังนั่งดื่มเหล้าหลากหลายดีกรี แต่สำหรับคนบางกลุ่มก็ต่างพากันสะบัดตัวโยกย้ายดูสนุกรื่นเริงเชียว ริมฝีปากบางเริ่มแย้มยิ้ม ชอบมองบรรดาชายหญิงสนุกครื้นเครงกับการเต้นเสียเหลือเกิน เห็นพวกเขายักย้ายส่ายเอวไปตามจังหวะดนตรี ก็เริ่มโยกตัวร่วมด้วย ปล่อยให้เสียงดนตรีเร้าใจเป็นผู้นำของความใจกล้า นานๆ เข้าก็ได้ยินเสียงยุยงจากบาร์เทนเดอร์คนเดิม ซึ่งกำลังมองด้วยรอยยิ้มขบขัน “ลุกไปเต้นสิครับ นั่งอยู่แบบนี้ผมว่ามันคงสนุกได้ไม่เต็มที่” “ฉันก็กำลังคิดจะทำแบบนั้นค่ะ” คุลิกาตอบด้วยรอยยิ้มสดใส หัวเราะคิกคักชอบใจ ไม่ถึงนาทีก็กระดกมาร์การิต้าเข้าปากจนหมดแก้ว เธอพร้อมแล้วที่จะส่ายสะโพกโยกเอวไปวาดลวดลายให้มันหลุดโลก เชื่อเถอะว่าถ้าหากบรรดาเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่เมืองไทยได้เห็นในเวลานี้ละก็ พวกนั้นต้องปรบมือดังๆ ให้กับเธอ ที่สามารถกลับไปทำกิจกรรมเหมือนในวัยเรียนได้อีกครั้ง ตอนนั้นถึงเธอจะเป็นเด็กบัญชีผู้เรียนอยู่ในลำดับต้นๆ แต่ก็พอจะมีเวลาคลายเครียดให้ตัวเองด้วยการเต้นกับเพื่อนๆตามกิจกรรมของโรงเรียนซึ่งมันเป็นสิ่งที่สนุกจนลืมบทเรียนได้ดีทีเดียว แต่ถึงกระนั้นการเรียนรู้และทำกิจกรรมร่วมจนเก่งกาจมันทำให้เธอต้องมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ บนเส้นทางบัดซบและขมขื่น คุลิกาโยกตัว ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัวแล้วหมุนตัวไปมา ใบหน้านั้นส่ายสะบัดจนผมมัดรวบตึงเริ่มหลุดลุ่ยลงมาระดวงหน้า แว่นตาที่สวมใส่มันแสนจะขัดขวางความเหวี่ยงไม่บันยะบันยัง จึงถอดมันมาเกี่ยวไว้กับคอเสื้อ และทันทีที่ถอดแว่นตากลมโตรุ่นป้าออก บรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต่างก็กระเถิบเข้ามาเต้นใกล้ๆ จนชวนให้อึดอัด แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวหรือรังเกียจบรรดาผู้ชายที่ขยับเท้าเข้ามาเต้นเบียดอย่างออกหน้าออกตา ต่างคนก็ต่างสนุกในพื้นที่ของตัวเอง ทุกอย่างล้วนเกิดจากพื้นฐานของการเคารพสิทธิส่วนบุคคลของเพื่อนร่วมราตรี จะเต้น จะเหวี่ยงมือ จะวาดแข้งวาดขา ส่ายหัว ส่ายสะโพกจนคอแทบหลุดมันก็แล้วแต่อำเภอใจ ขอแค่อย่ามาทำให้คนอื่นๆ เป็นเดือดเป็นร้อนด้วยก็พอ “ขอเต้นด้วยคนนะครับ” ใครบางคนเยี่ยมหน้ามากระซิบใกล้ๆ กับหู จึงเงยหน้ามองแล้วพยายามจับใจความของคำพูดเมื่อครู่ แต่เสียงดนตรีดังลั่นมันกลบคำพูดของคู่สนทนาไปจนหมด “ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมขอสนุกด้วยคนนะครับ” คุลิกาจึงเขม้นมองหน้าอีกฝ่ายให้ชัดๆ เขาเป็นผู้ชายที่ตัวสูงมากทีเดียว สูงกว่าเคลล์อีกกระมัง ดวงตาของเขาเป็นสีสนิม คิดว่านะเพราะแสงไฟสลัวๆ มันสาดกระทบไปมาจนแยกแยะไม่ออก ผู้ชายคนนี้น่าจะอายุราวสามสิบต้นๆ ดูหล่อเหลาทีเดียว อีกอย่างเขาค่อนข้างจะมีฐานะเสียด้วย เสื้อผ้าที่สวมใส่ล้วนเป็นแบรนด์ดังๆ ทั้งนั้น ไหนจะนาฬิกาประดับบนข้อมือนั่นอีก ข้าวของเครื่องใช้พวกนี้เธอเห็นมันเต็มพรืดอยู่ในห้องแต่งตัวของเคลล์...คนที่ผูกขาดซื้อตัว! ซึ่งตอนนี้เธอไม่อยากจะนึกถึงเขาให้เจ็บกระดองใจนักหรอก “คุณเต้นได้เซ็กซี่มากครับ” คำชมเปาะหลุดจากปากผู้ชายคนเดิมซึ่งเริ่มกระแซะเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนแทบจะไม่มีช่องว่าง ทำให้ คุลิกาต้องคลี่ยิ้มแหยๆ พยายามแล้วที่จะเต้นออกห่างจากเขา แต่ผู้คนซึ่งรายล้อมอยู่ข้างๆ ต่างก็พากันเบียดเสียดเข้ามาใกล้ จนบ่อยครั้งร่างกายต้องซวนเซมากระแทกกับเรือนร่างล่ำสัน และให้ตายเถอะ เริ่มรู้สึกแปลกๆ เมื่อฝ่ามือของอีกฝ่ายเคลื่อนเข้ามาประคองเอวคอดในจังหวะที่เกือบล้มเข้าพอดิบพอดี “คุณไม่เป็นอะไรนะครับ” หนุ่มปริศนาแสดงความเป็นห่วงเป็นใย “ดีค่ะ ฉันยังปลอดภัยดีอยู่” บอกแล้วขยับตัวออกห่างอย่างอึดอัด “ผมว่านักเต้นชักจะเยอะจนเกินไปแล้ว เรากลับไปนั่งที่โต๊ะดีไหม ผมอยากเลี้ยงเครื่องดื่มคุณสักแก้ว” “ก็ดีค่ะ” แน่ล่ะเธอต้องเออออห่อหมกเห็นด้วย ในเมื่อตอนนี้รู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมด การวาดลวดลายมันทำให้อ่อนแรง แถมตอนนี้คอก็ชักจะแห้งอีก สงสัยเธอคงห่างหายจากการเต้นมานาน มันต้องมีการวอร์มร่างกายบ่อยๆ เสียแล้วสิ มือนุ่มถูกอีกฝ่ายกุมไว้แน่น เพราะเหล้าที่ดื่มไปหลายแก้มเริ่มทำให้ซวนเซจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ดีที่เขาเป็นคนคอยช่วยดึงจึงสามารถเดินแหวกผ่านบรรดาผู้คนออกมานั่งพักบนเก้าอี้บาร์ได้สำเร็จ “ผมขอบรั่นดี ส่วนคุณผู้หญิงขอเป็นน้ำเปล่าเย็นๆ สักแก้วครับ อีกสักพักค่อยส่งมาร์การิต้าให้กับเธอ” คุลิกาปรายตามองคนสั่งเล็กน้อย อืมน้ำเปล่าสำหรับตอนนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน เพราะสภาพในเวลานี้คงไม่เหมาะหรอกที่จะกรอกเหล้าตามลงไปในเวลาไล่เลี่ยกัน “ผมฟรอยด์ อากาศเอก อิงกลาสต์โน แล้วคุณ?” ชายหนุ่มเริ่มชวนคุย เขาดูมีเสน่ห์มากทีเดียว โดยเฉพาะนัยน์ตาสีสนิมคู่นั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม