เห็นแววตาของเขาเรียกร้องและรอคอย จึงได้บอกเสียงเบา “เรียกฉัน...คุลิกาก็ได้ค่ะ”
ตอนนี้ฟรอยด์ยิ้มกว้าง นัยน์ตาของเขาเต้นระริกด้วยความพอใจ “คุณคุลิกามาดื่มที่นี่บ่อยหรือครับ”
“จะตอบอย่างไรดีละคะ ฉันมานั่งที่นี่สองสามครั้งแล้ว มาเฉพาะเวลาที่เบื่อๆ น่ะ”
“ผมอยากรู้จังครับ ว่าอะไรทำให้ผู้หญิงน่ารักๆ อย่างคุณเบื่อได้”
เกือบจะสำลักน้ำเลยทีเดียว ฟรอยด์ อากาศเอก อิงกลาสต์โน เอาส่วนไหนมองถึงได้เห็นว่าเธอเฉียดใกล้คำว่าน่ารัก ทั้งๆ ที่สภาพในเวลานี้มันดูไม่จืดเอาเสียเลย ถ้าบอกว่าน่าเกลียดละก็ จะเชื่ออย่างสนิทใจ
“คงมีแค่คุณเท่านั้นที่เห็นว่าคนอย่างฉันน่ารัก”
คุลิกากล่าวติดตลก
“ไม่หรอกครับ ผู้ชายทุกคนล้วนเห็นพ้องต้องกันกับผม” ฟรอยด์เปิดรอยยิ้มมีเสน่ห์ให้บ้าง
“ถ้าอย่างนั้นต้องเป็นเพราะบรรยากาศที่นี่มันมืดสลัวแน่ๆ ถ้าเราเจอกันข้างนอกคุณอาจจะเปลี่ยนใจไม่พูดแบบนี้”
“ผมไม่เปลี่ยนใจหรอก ถึงอย่างไรในสายตาของผม คุณก็ยังน่ารักอยู่ดี”
คุลิกาอดยิ้มตาหยีใส่คนปากหวานไม่ได้เลยจริงๆ เมื่อเขายังมองมาอยู่เป็นระยะๆ ไม่ว่าจะจิบน้ำเปล่าไปกี่ครั้ง สายตาของเขาก็ยังคงจดจ้องอยู่จึงพูดด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ
“คุณมองเหมือนกำลังจะจีบฉันเลยนะคะ”
“ผมดีใจนะที่คุณพอจะดูออกว่าผมกำลังทำแบบนั้น”
พอได้ยินคำตอบกลับหาคำที่จะพูดคุยกับฟรอยด์ไม่ได้เลยจริงๆ เขาจะจีบเธอไปทำไมในเมื่อเธอไม่เห็นจะมีอะไรดีตรงไหน สวยก็ไม่สวย แถมยังเชยเฉิ่มเบ๊อะอีกต่างหาก แต่งตัวก็บ้านนอกสุดจะบรรยาย แถมหน้าตาก็ไม่ได้ตบแต่งให้ดูเซ็กซี่หรือสวยหวานอะไร ค่อนข้างจะขี้ริ้วขี้เหร่มากเสียด้วยซ้ำ นึกอยากปรบมือให้กับฟรอยด์จริงๆ ที่อุตส่าห์มองเห็นความน่ารักฝังแน่นอยู่ในกาย ซึ่งต้องขุดกันให้ลึกสักหน่อยถึงจะเผยให้เห็นต่อหน้าสาธารณชน
“ผมทำงานอยู่แถวนี้” ฟรอยด์เริ่มแนะนำเรื่องของตัวเอง
“ออฟฟิศคุณอยู่แถวนี้หรือคะ”
“ครับ จะเรียกแบบนั้นก็ได้” ชายหนุ่มเล่าคร่าวๆ ยังไม่จำเพาะเจาะจงบอกว่าอาคารหลายแห่งในย่านนี้ และอีกหลายๆ เมืองในอังกฤษล้วนเป็นหนึ่งในสมบัติของตระกูลอิงกลาสต์โน
“ดีจังค่ะ เวลาเบื่อๆ คุณก็มานั่งดื่มที่นี่”
“ผมต้องขอสารภาพว่า ผมเพิ่งจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก ปกติผมชอบไปออกกำลังกาย หรือไม่ก็อ่านหนังสือ ดูรายการโปรดอยู่กับบ้าน ถ้าจะดื่มก็ไปที่คลับของเพื่อนเป็นส่วนใหญ่ แต่วันนี้ผมดีใจนะครับ เพราะว่าผมตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ที่มาที่นี่”
ฟรอยด์ปรายตามองเจ้าของริมฝีปากจิ้มลิ้ม สีหน้าและแววตาของเขาไร้วี่แววของการตลบตะแลง คำพูดเมื่อครู่ล้วนออกมาจากใจของผู้ชายอายุสามสิบห้า ซึ่งเคยคบหาดูใจกับผู้หญิงหลายสิบชีวิต แต่ก็ไม่มีใครสะดุดตาสะดุดใจได้เท่ากับสาวน้อยเสียงหวาน ใบหน้าของเธอพริ้มเพราและไม่เหมือนใคร ไหนจะท่าทางการระมัดระวังตัวและคำพูดนี่อีก มีเสน่ห์ดึงดูดให้เขาต้องขยับตัวไปเต้นใกล้ๆ และยิ่งได้ใกล้ชิดก็ยิ่งอยากทำความรู้จักให้มากขึ้นไปอีก
คุลิกาได้แต่ยิ้มแล้วรับมาร์การิต้าแก้วใหม่จากบาร์เทนเดอร์ บางทีการเสริมแอลกอฮอล์ลงไปในกระแสเลือดอีกสักแก้วสองแก้ว อาจทำให้กล้าพูดคุยกับฟรอยด์ได้มากขึ้น เขาเป็นคนที่ดูดีจนถึงขั้นหล่อจัดเลยทีเดียว คงไม่แปลกอะไรถ้าหากจะทำความรู้จักกับเขา อย่างน้อยก็ในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งคงไม่กล้าคิดไกลไปมากกว่านี้หรอก เธอรู้ตัวดีว่าในระยะเวลาสิบปีนี้ ไม่มีสิทธิ์จะมองใครอย่างจริงจัง จนกว่าจะใช้เงินที่ติดเจ้าหนี้หน้าเลือดอย่างเคลล์หมด
ร่างบางนั่งคุยกับเพื่อนใหม่อย่างฟรอยด์นานทีเดียว ค็อกเทลของเธอกับเหล้าของเขาหมดกันไปคนละสามสี่แก้ว ตอนนี้ก็ดึกมาก ความเมื่อยล้าทำให้ต้องขอตัวกลับ และอีกฝ่ายก็ตามมาส่งจนถึงหน้าไนต์คลับ
“คุณกลับอย่างไรครับ?” เสียงของฟรอยด์เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แววตาเขาดูมีความหวังขณะเสนอตัวช่วย “ผมคงดีใจมากนะ ถ้าคุณให้โอกาสผมได้ไปส่ง”
คุลิกาคลี่ยิ้มแหยๆ “ฉันจะเรียกแท็กซี่สักคัน ถ้าเรามีโชคชะตาต่อกันจริงๆ เอาไว้เป็นโอกาสหน้าดีกว่านะคะ”
เรียวปากสีหวานเปิดยิ้มกว้างให้อย่างมีไมตรีจิต แล้วเป็นฝ่ายโบกมือลา แต่ฟรอยด์ก็ยังดึงดันที่จะยืนส่งอยู่ตรงนี้ จนสามารถเรียกแท็กซี่ได้นั่นแหละ เขาถึงได้หมุนตัวกลับ พอมานั่งอยู่บนรถก็หันไปมองเขา ฟรอยด์เดินตรงไปยังรถพอร์ชคันหนึ่ง ซึ่งมีผู้ชายในชุดสูทสีดำเข้มโค้งตัวต้อนรับอย่างสุภาพ ดูแล้วคนอย่างฟรอยด์ อากาศเอก อิงกลาสต์โนไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
ในระหว่างที่คุลิกากำลังข่มรสขมปร่าในลำคอไม่ให้กระฉอกออกมาจากการขับรถฉวัดเฉวียนของลุงขับแท็กซี่ ใครบางคนก็กำลังตีหน้าหงิกงอ ราวกับรับรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีโลกจะแตกอย่างไรอย่างนั้น เคลล์ ลัมเบอร์ ควีนแมคก์ ตวัดสายตากลับมาจ้องภาพถ่ายในโทรศัพท์มือถือนิ่งนาน เขาได้ภาพเหล่านี้มาจากคนของเรเอส ซึ่งหน้าที่ของหมอนั่นก็คือตามติดชีวิตและความเป็นไปของคุลิกา แล้วรายงานเขาโดยตรงทันทีที่อีกฝ่ายก้าวออกนอกกรอบ
“ผู้หญิงสำส่อน!”
ชายหนุ่มต่อว่าเสียงลอดไรฟันอย่างเจ็บแค้น มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดตามท่อนแขนล่ำสันพองขยาย โทรศัพท์ในมือเกือบจะแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นัยน์ตาสีเทาดุเข้มกำลังเพ่งมองไปยังประตูกระจกของเพนท์เฮาส์บ่อยครั้ง อย่างรอเวลาที่คนทำผิดพลาดอย่างมหันต์จะก้าวเข้ามาให้ลงโทษทัณฑ์
สะโพกแกร่งทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟากว้าง วาดแขนไปตามพนักพิง สีหน้าของเขาดูไร้อารมณ์ชวนให้เรเปลกับ เรเอสอันตรธานหายไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ในตอนนี้ไม่มีใครกล้าอยู่รองรับอารมณ์โมโหของเคลล์เลยสักคน แต่สำหรับคุลิกาแล้วเธอไหวไหล่น้อยๆ ทันทีที่เห็นรถสปอร์ตคันใหม่ป้ายแดงของเขาจอดอยู่หน้าบริเวณโรงจอดรถ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อใครบางคนโผล่พรวดออกมาเพื่อเตือนเธอให้พร้อมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“ท่านรออยู่ด้านใน คุณคุลิการะวังตัวด้วยนะครับ”
หญิงสาวถอนใจ แบะปากขึ้นไม่รู้ว่าวันนี้ท่านผู้มี อุปการคุณไปกินอะไรผิดสำแดงมา “ถ้าเขาจะฆ่าจะแกง ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ตายๆ ไปก็ดีเหมือนกัน”
“คุณคุลิกา”
“อย่าห่วงเลยค่ะเรเปล ฉันพร้อมจะตายอยู่แล้ว” เธอกล่าวอย่างไม่แยแสต่อชีวิต