บทที่ ๒ คนไร้ค่า ไร้ราคา(๑)

1319 คำ
ทันทีที่ถึงเวลาเลิกงาน คุลิกาก็หอบร่างกายเหนื่อยล้าตรงกลับเพนท์เฮาส์ทันที ที่ผ่านมาเธอลงมือทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจ หวังว่าสิ่งที่ลงแรงไปจะช่วยบั่นทอนเวลาของการต้องตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นได้บ้าง ในเมื่อเขาจ้างด้วยเงินไม่น้อย เธอก็ควรทำงานให้เต็มที่ วันนี้เองก็เช่นกัน มันหนักและเหนื่อยมากทีเดียวสำหรับพนักงานบัญชีผู้มีเจ้านายเขี้ยวลากดิน และที่สำคัญ ผู้จัดการฝ่ายบัญชีคนใหม่ ก็ค่อนข้างจะเอาเรื่องไม่น้อย คงเป็นเพราะรู้มากระมังว่าเธอตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร้ายแรงกับผู้จัดการคนเก่า ถึงได้คอยเพ่งเล็งเป็นกิจจะลักษณะ เรียกว่าผิดพลาดเพียงนิดเดียว ก็ด่าเปิงสามวันยังไม่หุบปาก ร่างบางลู่ลงตรงประตูเพนท์เฮาส์อย่างคนหมดแรง ใบหน้าแนบลงระหว่างเข่า ปล่อยตัวปล่อยใจให้นั่งพักอยู่นาน ถึงได้พาร่างกายอิดโรยก้าวเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาอยู่ในนั้นนานพอควรถึงได้ก้าวออกมาในสภาพเปลือยเปล่า เพียงปีนขึ้นเตียงได้ก็หลับเป็นตายชนิดที่ว่าใครบุกเข้ามาก็ไม่รู้สึกตัว แต่เสียงรถซึ่งเคลื่อนมาจอดในกลางดึก ทำให้คุลิกาสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ รีบกระวีกระวาดลงจากเตียงแล้วไปชะเง้อคอมองตรงม่านหน้าต่าง เพียงเห็นรถสปอร์ตสีดำคุ้นตาก็ได้แต่ถอนใจ นี่เขาไม่เข้าใจคำว่า ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากอยู่ใกล้ ที่พรั่งพรูใส่มาตลอดทั้งเช้าเลยหรือเช่นไร ถึงได้กล้าหาญชาญชัยขับรถมาถึงที่นี่อีก ทว่าภาพที่เห็นมันกำลังทำให้ตาพร่า อ้าปากค้าง เมื่อสาวชุดแดงเพลิงรัดรูปประคองลงจากรถด้วยท่าทีโงนเงน มือของหล่อนกำลังประคองแผ่นหลังแกร่งเอาไว้แน่น ส่วนผู้ชายที่เธอเกลียดชังน่ะหรือ กำลังซุกหน้าแนบกับลำคอของอีกฝ่าย ทั้งสองคนคุยอะไรกันสักอย่าง ซึ่งคนแอบฟังมันได้ยินไม่ถนัดเอาเสียเลย “พี่เมามากจนยืนไม่อยู่ ให้อมีตี้เข้าไปส่งด้านในไหมคะ” “พี่ไม่เป็นไรหรอก กลับไปเถอะ” เคลล์ฝืนตัวแล้วมองน้องสาวต่างมารดาด้วยรอยยิ้มขอบคุณ ถ้าไม่ได้อมีตี้ดื่มเป็นเพื่อนและคอยกันผู้หญิงมากหน้าหลายตาซึ่งเข้ามาวอแว ป่านนี้เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร “อมีตี้ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ค่ะ ว่าทำไมพี่ต้องดื่มหนักขนาดนี้ ปกติก็ไม่เคยเห็นดื่ม แล้วนี่บอดี้การ์ดของพี่ไปไหน ละคะ ทำไมถึงปล่อยให้พี่ไปนั่งดื่มในไนต์คลับ โดยไม่มาเหลียวแลแบบนั้น” “น้องหมายถึงเรเอส หรือเรเปลล่ะ” อมีตี้ คิงส์เบอร์ลานต์ในวัยยี่สิบห้าปีชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อของเรเปล ไม่ชอบใจผู้ชายตัวสูงคนนี้เลยสักนิด คงเป็นเพราะพี่ชายต่างมารดา มักจะไหว้วานเขามารับมาส่ง ในเวลาที่ต้องการใครสักคนขับรถให้กระมัง หมอนั่นเรื่องมากและด่าเก่ง ที่สำคัญไม่ค่อยจะตามใจเจ้านายสาวอย่างเธอสักเท่าไรนัก เห็นแก้มแดงๆ ของน้องสาว ซึ่งพอใจกับการใช้นามสกุลของแม่แท้ๆ แทนที่จะใช้ควีนแมคก์ เคลล์ก็ได้แต่ส่ายหน้า ยังนึกยิ้มอยู่เลยเมื่ออีกฝ่ายบอกว่า พอใจที่จะใช้นามสกุลนั้น เพราะไม่อยากให้ใครๆ รู้ว่าตัวเองเป็น ควีนแมคก์คนหนึ่ง เธอบอกว่าอยากเห็นและอยากรู้จักคนที่ธาตุแท้ ไม่ใช่ต้องมาตีหน้าซื่อตลบตะแลงใส่กัน ยิ่งใช้นามสกุลดังมากเท่าไร ก็ยิ่งตกเป็นเป้าสายตา จะทำอะไรก็ยุ่งยากไปหมด ตัวอย่างง่ายๆ ที่เธอยกให้ฟัง ทำเอาเงิบไปเลยก็มี “เวลาที่อมีตี้ คิงส์เบอร์ลานต์ตด คนหลายคนอาจจะแค่เหลือบตามอง แต่กับอมีตี้ ควีนแมคก์ตดมันอาจจะเป็นข่าวโด่งดังในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับวันรุ่งขึ้นเลยก็เป็นไปได้ เห็นไหมละว่าการใช้ชีวิตเป็นอมีตี้คนดังมันเหนื่อยจะตายไป อมีตี้ไม่ใช้นามสกุลของคุณพ่อหรอกค่ะ อมีตี้ไม่อยากมีชีวิตวุ่นวายเหมือนพี่เคลล์” “ยิ้มอะไรอยู่คะพี่ชาย เข้าบ้านไปได้แล้วค่ะ” “อืม” “แต่แปลกนะ” สาวน้อยวัยยี่สิบห้าได้แต่ย่นคิ้วพินิจพิเคราะห์ “แปลกอะไรหรือ” “ทำไมพี่ไม่กลับไปนอนที่บ้านควีนแมคก์ละคะ ทำไมต้องให้อมีตี้ขับรถมาส่งที่นี่ด้วย” ว่าแล้วชะเง้อชะแง้มองด้านใน กะพริบตาเล็กน้อยเมื่อคิดว่าเห็นร่างของใครบางคนอยู่ในบ้าน จึงรีบหันมามองพี่ชายบังเกิดเกล้าด้วยรอยยิ้มเหยเก “พี่เคลล์ซ่อนใครไว้ในบ้านหรือเปล่าคะ คือ อมีตี้ว่า...อมีตี้เห็นใครสักคน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นคนหรือเปล่า” “อย่าตลกน่ากลับบ้านได้แล้ว เอารถพี่ไป ว่าแต่ขับรถไหวไหม” เคลล์ยังให้ความห่วงใยต่อน้องสาวเพียงคนเดียวเสมอ “ไหวค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้อมีตี้จะให้คนขับรถเอามาส่งคืนที่นี่แต่เช้าก็แล้วกันนะคะ” ทว่าคนเป็นพี่กลับส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่ให้เรเปลไปรับรถที่บ้านเอง” “แต่...” “มีอะไรอย่างนั้นหรือ” “ไม่มีค่ะ” อมีตี้ได้แต่ตอบรับด้วยใบหน้างองุ้ม จะบอกพี่ชายไปได้อย่างไร ว่าไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายคนนั้น เขามันเป็นจอมกวนประสาทที่เห็นหน้ากันเมื่อไร ต้องมีเรื่องให้ทะเลาะเบาะแว้งเสียทุกที ถ้าเจอกันพรุ่งนี้ละก็ นายบอดี้การ์ดหน้าเรียวตัวสูงคนนั้น ต้องดุในเรื่องที่เธอไปดื่มไนต์คลับเดียวกับพี่ชายมาเป็นแน่ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าหมอนั่นเป็นบอดี้การ์ดของพี่ชายหรือเป็นผู้คุมประพฤติของเธอกัน ถึงได้เคร่งครัดกับชีวิตราวกับเป็นพ่อคนหนึ่งก็ไม่ปาน พี่ชายแท้ๆ ยังไม่เห็นจะว่าอะไรเลยสักคำ “ขับรถดีๆ ล่ะ” เคลล์กล่าวลาแล้วหอมแก้มนุ่ม ของอมีตี้เบาๆ “พี่เคลล์ก็พักผ่อนเถอะนะคะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” เคลล์ได้แต่พยักหน้าแล้วยืนมองรถแล่นหายไปจากระยะสายตา หันกลับมามองเพนท์เฮาส์สุดหรูของตัวเองแล้วก็ต้องเม้มปากแน่น ไม่แน่ใจเลยสักนิดว่าคุลิกาจะทำหน้าอย่างไร เมื่อเห็นเขาในเวลาดึกดื่นค่อนคืนแบบนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไร คืนนี้ก็ต้องได้นอนร่วมเตียงกับเธอและลงโทษกับการกระทำที่ไม่น่ารัก ซึ่งทำเอาว้าวุ่นและไม่มีสมาธิทำงานมาตลอดทั้งวัน ชายหนุ่มปรายตามองห้องซึ่งเพิ่งจะเห็นผ้าม่านขยับไหว ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากอย่างมาดร้าย ก้าวดุ่มๆ เข้าบ้านได้ก็ไม่รีรอเลยที่จะตรงลิ่วเข้าสู่ห้องนอน แต่พอขยับประตูเขาก็ต้องกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย เมื่อคุลิกากำลังเล่นสงครามประสาทด้วยการเป็นลูกแมวน้อยซ่อนตัว “ผมรู้ว่าคุณยังไม่หลับ เปิดประตูเดี๋ยวนี้คุลิกา” คุลิกาเชิดหน้าให้กับคำสั่ง เชื่อเถอะว่าจะไม่มีวันเปิดประตูต้อนรับเขาเป็นเด็ดขาด “ถ้าคุณไม่เปิด” “อย่ามาขู่ฉัน ฉันไม่กลัวคุณหรอก” กระซิบตอบโต้เบาๆ แล้วคว้าเอาผ้าห่มมาคลุมโปง โดยไม่ลืมมุดหัวลงไปใต้หมอน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม