16.05 น.
ปรินทร์เงยหน้ามองยุรนันท์ที่เดินเข้ามาในห้องทำงาน ในมือเพื่อนรักถือถุงกระดาษติดแบรนด์หรูขึ้นชื่อสองใบ อีกใบเป็นถุงร้านรองเท้า
“แล้วทรายล่ะ ไหนบอกว่าจะมาด้วยกัน” ตอนแรกที่รู้ว่า บุหงันไว้วานให้ยุรนันท์พาพราวฟ้าไปซื้อเสื้อผ้า ปรินทร์อดแปลกใจไม่ได้ที่ยุรนันท์ตกปากรับคำ เพราะนิสัยของเพื่อนคนนี้คือ ไม่นิยมพาสาวเดินเที่ยวห้าง ยิ่งไปช้อปปิ้งยิ่งน้อยครั้งมาก สาวสวยที่ยุรนันท์ติดพันหรือเลี้ยงดู หากอยากได้สิ่งใดก็จะให้เงินไปซื้อเองมากกว่า แต่เข้าใจว่า คงขัดย่าตนไม่ได้
“ทรายคุยกับเพื่อนอยู่ข้างนอก เดี๋ยวทรายตามเข้ามา” ยุรนันท์ตอบพร้อมวางของลงบนโต๊ะเข้าชุดกับโซฟารับแขก
“ตอนที่คุณย่าโทรมาบอกฉันว่า วานให้นายพาทรายไปซื้อเสื้อผ้าทั้งที่เย็นนี้ฉันตั้งใจพาทรายไปซื้อของ ฉันทั้งตกใจและแปลกใจนะที่นายรับปากคุณย่า นิสัยแกไม่ชอบพาผู้หญิงเดินซื้อของ แล้วก็ไม่ค่อยสนิทกับทรายสักเท่าไหร่ ฉันขอบใจนายมากนะ” ปรินทร์ไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วยุรนันท์เสนอพาพราวฟ้าเอง เป็นเพราะบุหงันกลัวจะมีใครเข้าใจผิด นางจึงบอกหลานรักเช่นนี้
“ทรายบอกคุณย่าแล้วว่า เย็นนี้นายจะพาทรายไปซื้อเสื้อผ้า แต่มันคนละส่วนกัน คุณย่าอยากให้ทรายใส่เสื้อผ้าสวยๆ ไปเดินห้าง ไปเที่ยวกับนายน่ะ เลยวานฉันให้ไปซื้อเสื้อผ้าให้ทรายใส่มาหาแกไง ได้มาแค่สองชุดกับรองเท้าอีกหนึ่งคู่แค่นั้น” ยุรนันท์บอกให้เพื่อนเข้าใจ “ส่วนเรื่องที่ฉันพาทรายไปซื้อของ ตอนแรกก็คิดว่ามันน่าเบื่อ แต่พอถึงเวลาจริงก็สนุกดีนะ เพลินดี อีกอย่างทรายก็น่ารักดีด้วย ไม่เรื่องมาก ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ชอบของหรู พยายามเลือกราคาที่ถูกที่สุดในร้านเพราะเสียดายเงินและเกรงใจคุณย่า ผู้หญิงแบบนี้หายากนะ นายโชคดีนะที่ได้ทรายเป็นเมีย รักษาไว้ให้ดีๆ ล่ะ”
ยุรนันท์ชื่นชมพราวฟ้าอย่างเปิดเผย ขณะพูดใบหน้าเขายิ้ม นึกถึงดวงหน้าหวานของเมียเพื่อนรักรอยยิ้มก็ยิ่งกว้างมากขึ้น
ในกลุ่มเพื่อนของปรินทร์ทั้งหมด รับรู้ว่าเขามีภรรยาแล้ว เป็นเมียที่อยู่กินกันเฉยๆ ไม่มีพิธีวิวาห์ ไม่มีการจดทะเบียนสมรส อยู่ด้วยกันเพราะมีความรักต่อกัน ซึ่งเขาก็ไม่เดือดร้อนหากจะอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งพราวฟ้าก็ไม่เคยเรียกร้องอันใดจากเขาด้วย เพื่อนของปรินทร์มีมากแต่เคยเห็นหน้าและรู้จักพราวฟ้าไม่ถึงสิบคน และเป็นกลุ่มเพื่อนที่เขาพาพราวฟ้าไปร่วมงานเลี้ยง ทว่าไม่มีใครพูดคุยหรือให้ความสนิทสนมกับพราวฟ้าเลยสักคน ทิ้งระยะห่างเพียงแค่คนรู้จักเท่านั้น ยุรนันท์คือหนึ่งในนั้นมาตลอด เจอหน้าพราวฟ้าครั้งใด บางครั้งแทบไม่ยิ้ม พราวฟ้ายกมือไหว้ก็แค่พยักหน้าให้ จะมีครั้งนี้ที่ดูเหมือนว่า ยุรนันท์กำลังผูกมิตรกับพราวฟ้า ก้าวผ่านคำว่าคนรู้จักเป็นสถานะอื่น จะเป็นสถานะใดไม่ได้นอกจากเพื่อนหรือพี่น้อง
ปรินทร์คันหัวใจขึ้นมายิบๆ เมื่อได้ยินคำชมพราวฟ้าจากปากยุรนันท์ แม้รู้ดีว่าเพื่อนรักไม่มีวันคิดเกินเลยกับพราวฟ้าหรือทรยศตน ทว่าใจก็อดหึงหวงไม่ได้ แม้จะเป็นเพื่อนรักกันก็เถอะ มาชมเมียเขาต่อหน้าแบบนี้ ปรินทร์อยากซัดเพื่อนรักสักโครม
“กู...”
ยังไม่ทันที่ปรินทร์จะเอ่ยคำใดมากกว่านี้ ประตูห้องทำงานเขาเปิดอีกครั้ง พราวฟ้าเดินเข้ามาในห้อง ปรินทร์ถึงกับอ้าปากค้าง มองพราวฟ้านิ่ง ตาไม่กระพริบ
พราวฟ้ากลายเป็นสาวสวยหวาน เธอสวมชุดเดรสยาวเลยเข่ามานิดหน่อย คอวี แขนสั้น กระโปรงระบายเป็นชั้นสามชั้น เนื้อผ้าทำจากซีฟองมีซับใน ตกแต่งด้วยลูกไว้ตรงคอและรอบแขนเสื้อ รองเท้าที่เธอสวมใส่เป็นคัทชูปิดส้นสูงครึ่งนิ้ว เส้นผมที่เคยรวบไว้ ตอนนี้สยายสวย ม้วนเป็นลอนช่วงปลาย ดวงหน้าหวานจากที่ไม่เคยมีเครื่องสำอาง เวลานี้มีลิปสติกสีชมพูอ่อนเคลือบริมฝีปาก แต่เพียงแค่นี้ก็ทำให้คนมองถึงกับตะลึง ปรินทร์มองหน้าเมียตัวเองไปใจสั่นไป
“เป็นไง ทรายสวยหวานจนนายตะลึงเลยใช่ไหม” เสียงยุรนันท์ทำลายความเงียบ
“สวย สวยมากเลย” ปรินทร์พูดจากใจ ลุกเดินไปหาเมียรักที่ยืนยิ้มเขิน “พี่จำเมียพี่แทบไม่ได้ สวยจนใจพี่สั่นเลยนะ”
ปรินทร์โอบบ่าพราวฟ้า พาเดินไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับที่ยุรนันท์นั่งอยู่ ตอนนี้เธอจึงนั่งตรงกลางระหว่างสองหนุ่ม
“นายรู้สึกเหมือนฉันที่เห็นทรายใส่ชุดนี้ คนอะไรไม่รู้สวยหวาน น่ามองที่สุด” ยุรนันท์ชมพราวฟ้าต่อหน้าปรินทร์ที่เริ่มมองเหร่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร “พอเปลี่ยนชุดเสร็จฉันเลยพาไปทำผม แล้วก็ไปซื้อลิป ทรายจะได้สวยครบสูตร”
“พี่เฮิร์ปบอกว่า พี่โดมจะได้ไม่อายใครเวลาทรายเดินในห้างกับพี่โดม แล้วทุกคนก็ต้องอิจฉาพี่โดมที่มีเมียสวยค่ะ”
“แล้วรู้ได้ไงว่าพี่อาย ถ้าพี่อาย พี่คงไม่อยู่กินกับทรายมาสามปีหรอกนะ ต่อให้ทรายใส่ชุดเดิมๆ ไปห้างกับพี่วันนี้พี่ก็ไม่อาย แล้วก็ตั้งใจซื้อเสื้อผ้าและของใช้อย่างอื่นให้ทรายอยู่แล้ว ทรายพูดแบบนี้พี่น้อยใจนะเนี่ย”
ปรินทร์ทำท่างอนภรรยาอย่างน่าหมั่นไส้
“ทรายไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ พี่โดมอย่างอนทรายนะคะ” เธอรีบง้อ
“งั้นหอมพี่ก่อน ถ้าไม่หอมไม่หายน้อยใจนะ”
ปรินทร์เอียงแก้มให้พราวฟ้าหอม เธอหน้าแดง เขินหนักเพราะในห้องนี้เธอกับสามีไม่ได้อยู่กันตามลำพัง
“หอมมันเถอะทราย ไม่หอมเดี๋ยวมันงอนไม่พาไปเที่ยวห้าง พี่จะหลับตาก็แล้วกัน ทรายจะได้ไม่เขิน” ยุรนันท์เห็นท่าทางเขินอายแล้วรีบพูด
“ถ้าไม่มีมึงนั่งหัวโด่เป็นก้างขวางคอ ทรายคงหอมกูแล้ว ไม่ต้องรอให้มึงหลับตา” ปรินทร์ว่าเพื่อนกลายๆ
“ตอนแรกว่าจะกลับเลย ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว อยู่เป็นก้างขวางคอมึงต่อดีกว่า สนุกดี” ยุรนันท์ยวนกลับ
“มึงนี่วอนโดนตีน” ปรินทร์ขู่ เขาไม่อยากแค่ขู่ อยากทำจริง
“กลัวตายล่ะ”
“อย่าเถียงกันเป็นเด็กๆ เลยนะคะ เดี๋ยวทรายหอมพี่โดม พี่โดมจะได้เลิกงอนทราย” พูดจบก็หอมแก้มสามี ซึ่งเธอก็ถูกหอมแก้มกลับหลายฟอด
“ชื่นใจจังเมียพี่” ยุรนันท์ไม่เคยเห็นภาพหวานระหว่างปรินทร์กับพราวฟ้า เขาคิดว่าหากเห็นคงเฉยๆ หรือไม่ก็ยิ้มตาม ความรู้สึกตอนนี้ของยุรนันท์ตรงกันข้ามกับความคิด ยุรนันท์เหมือนมีหนามตำใจ เจ็บแปลบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จนต้องเบือนหน้าหนี “พี่ขอเคลียร์งานสิบนาทีนะ แล้วเราค่อยไปห้างกัน”
“ค่ะพี่โดม”
ก่อนปรินทร์ลุกขึ้นไปทำงาน เขาหอมแก้มพราวฟ้าเป็นการส่งท้าย
“พี่กลับก่อนนะทราย” ยุรนันท์ไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อ นอกจากรู้สึกเป็นส่วนเกิน หัวใจยังเจ็บอีกด้วย “โดม กูกลับก่อนนะ”
คนเจ้าห้องพยักหน้ารับรู้ ส่วนพราวฟ้ายกมือไหว้แล้วยิ้มให้ยุรนันท์ที่ยิ้มตอบกลับ ก่อนเดินออกจากห้องทำงานของเพื่อนทันที ราวกับว่ากำลังหนีความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นในหัวใจ