7

1409 คำ
18.30 น. ณ ห้างสรรพสินค้า            หนึ่งชั่วโมงกว่าที่อยู่ในห้าง เป็นช่วงเวลาที่พราวฟ้ามีความสุขมาก นานหลายเดือนแล้วที่ไม่ได้ออกไปไหนมาไหนกับปรินทร์ ครั้งที่ดูเหมือนเขาจะชดเชยวันเวลาให้ เลือกซื้อเสื้อผ้า รองเท้าและกระเป๋า ทุกอย่างล้วนแล้วแต่แบรนด์หรู ควักเงินจ่ายไปราวห้าแสนบาท ซึ่งน้อยนิดมากหากเทียบกับเงินที่ปรินทร์มี และแลกกับรอยยิ้มแห่งความสุขของเธอ เขาคิดว่าคุ้มแสนคุ้ม             ไม่เพียงแค่บนดวงหน้าพราวฟ้าเกิดรอยยิ้ม ใบหน้าปรินทร์ก็เช่นกัน เขามีความสุขที่เลือกซื้อเสื้อผ้าให้ภรรยา นั่งคอยเธอหน้าห้องลองชุด เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จก็เดินออกมาหมุนตัวให้ปรินทร์ดู ซึ่งทุกชุดที่เขาเลือกเหมาะสมกับเธอทั้งสิ้น ปรินทร์เลยซื้อให้ทั้งหมดที่ลองเจ็ดชุด            หลังจากซื้อของเสร็จ ปรินทร์นำของไปเก็บที่รถเพื่อไปสะดวกต่อการกินอาหารและดูหนัง จากนั้นทั้งคู่ได้เดินจูงมือกันไปร้านสุกี้ชื่อดัง ตามที่พราวฟ้าอยากกิน            ความสุขของพราวฟ้าชะงักกึก เมื่อเสียงเรียกเข้ามือถือปรินทร์ดังขึ้น เจ้าของเครื่องหยิบมือถือขึ้นมาดูชื่อคนที่โทรเข้ามา เขายิ้มก่อนกดรับสาย            “ว่าไงครับเปิ้ล” พราวฟ้ามองหน้าสามี เธอเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเขา ยิ้มดีใจที่บุคคลนี้โทรมาหา นิกเนมที่ได้ยิน พราวฟ้าไม่คิดเป็นคนอื่นนอกจากอดีตคนรักปรินทร์...ทิวาทิพย์            ปรินทร์ไม่ได้พูดคุยกับทิวาทิพย์ที่โต๊ะ เขาลุกเดินออกไปคุยนอกร้านราวกับว่าไม่อยากให้พราวฟ้าได้ยินการสนทนา หรือต้องการความเป็นส่วนตัว พราวฟ้าหน้าเศร้าลงทันใด มองตามร่างสามีที่เดินไปนั่งคุยตรงเก้าอี้ที่ทางห้างมีไว้บริการให้ลูกค้านั่ง            ตลอดระยะเวลาไม่กี่นาทีที่ปรินทร์นั่งคุยโทรศัพท์ หัวใจพราวฟ้าเจ็บปวด เวลานี้เขาควรอยู่คุย อยู่กินอาหารกับเธอมากกว่า ปรินทร์ควรตัดสายสนทนาบอกต้นทางว่ากำลังกินข้าว เขาไม่ควรสนใจหญิงสาวคนใดนอกจากพราวฟ้า แต่ไม่ใช่...ปรินทร์ไม่ได้สนใจเธอเลย เขาสนทนากับทิวาทิพย์อย่างออกรส ความรู้สึกของเธอเวลานี้เหมือนครั้งที่ไปงานเลี้ยงวันเกิดยุรนันท์ไม่มีผิด ความรู้สึกเธอเวลาที่ไม่ต่างอะไรกับการถูกทิ้งกลางทาง            “พี่จะบอกทรายว่า พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเปิ้ลมากไปกว่าเพื่อน ตอนนี้พี่มีทรายเป็นเมีย พี่รักเมียพี่ และจะมีทรายคนเดียวไปตลอดทั้งชีวิต ทรายต้องเชื่อพี่นะ อย่าเชื่อใคร และอย่าเชื่อในภาพที่เห็น” พราวฟ้านึกถึงคำพูดปรินทร์เมื่อคืนนี้ เขาพูดเต็มปากเต็มคำว่า ไม่ได้คิดอะไรกับทิวาทิพย์เกินเพื่อน และมีเธอเป็นภรรยาเพียงคนเดียว “เธอต้องเชื่อคำพูดพี่โดมนะทราย อย่าคิดมาก อย่าเชื่อตามภาพที่เห็น” พราวฟ้าพูดกับตัวเอง เธอเชื่อคำพูดเขา พราวฟ้าจึงปัดความรู้สึกเศร้าทิ้งไป ย้ำในใจว่า ไม่มีอะไร ทั้งสองเป็นเพียงเพื่อนที่ดีต่อกัน คิดในทางที่ดี ใจก็ชื้นขึ้น ตักกุ้ง ปลาหมึก และตับสดใส่ชามให้เขา ตามด้วยผัก ปรินทร์กลับมาที่โต๊ะจะได้กินได้เลย  พราวฟ้าเชื่อใจปรินทร์ และเป็นคนดีเกินไป “ทรายตักของที่พี่โดมชอบไว้ให้แล้วนะคะ” พราวฟ้าบอกสามีเมื่อเดินกลับมานั่ง “ขอบใจมากจ้ะคนสวย เดี๋ยวเรากินสุกี้เสร็จ ไปกินไอติมกันต่อนะ หนังเข้าสองทุ่มครึ่ง ยังมีเวลา” พราวฟ้ายิ้ม ลืมเรื่องเมื่อครู่ไปเสียสนิท “พี่ลวกตับให้นะ ทรายชอบตับพอสุก ไม่ลวกนานเพราะมันจะแข็งใช่ไหมล่ะ” ปรินทร์เอาใจพราวฟ้าเต็มที่ ใช้ตะเกียบคีบตับสดมาใส่ที่ลวก ก่อนลวกในแบบที่ภรรยาต้องการ ได้ที่แล้วจึงนำไปเทใส่ถ้วยพราวฟ้า “ขอบคุณค่ะพี่โดม” เธอกล่าวขอบคุณ เจริญอาหารขึ้นมาทันใด เมื่อสามีเอาใจ ปรินทร์ยังคงเอาใจภรรยาต่อ ลวกวุ้นเส้น สั่งอาหารที่พราวฟ้าชอบมาอีกสองสามอย่าง ไม่เพียงแค่นั้นยังป้อนอาหารให้พราวฟ้าอีกสามสี่ครั้ง ซึ่งเธอก็ผลัดป้อนเขา พราวฟ้ากินอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข กินไปยิ้มไปตลอดเวลา หลังจากอิ่มท้องและจ่ายค่าอาหารเรียบร้อย สองสามีภรรยาเดินไปยังร้านไอศกรีมที่อยู่อีกด้านหนึ่งของชั้นเดียวกัน กว่าจะเดินไปถึงก็ถือว่าย่อยอาหารไปในตัว ไอศกรีมที่ปรินทร์สั่ง เป็นของโปรดของพราวฟ้า เขาสั่งมาถ้วยใหญ่กินได้สองคน ไอศกรีมดูจืดไปทันทีหากเทียบกับความหวานของปรินทร์กับพราวฟ้า ที่ผลัดกันป้อนไอติม คุยไปกินไป เขายังเช็ดมุมปากภรรยาที่มีไอติมติดอยู่ เป็นภาพหวานไม่แคร์สายตาคนในร้าน พราวฟ้ายิ้มเขิน ดีใจที่เขาเอาอกเอาใจและเอาใจใส่ ราวกับเป็นช่วงเวลาที่พราวฟ้าเก็บเกี่ยวความสุข วันนี้เป็นวันแรกในรอบหลายเดือนที่พราวฟ้ารู้สึกว่า เธอกับเขาเป็นสามีภรรยากันจริงๆ มากกว่าการเห็นหน้ากันก่อนนอน ตื่นเช้ามาก็เห็นหน้ากันและกันเป็นคนแรก กินมื้อเช้าด้วยกัน ไปส่งเขาที่รถเพื่อไปทำงาน วันไหนปรินทร์ไม่ติดธุระก็จะได้กินมื้อเย็นพร้อมกัน หากวันไหนเขากลับช้า เธอจะคอยเขาในห้องนอน จัดเตรียมยาบำรุงร่างกาย จัดเตรียมเสื้อผ้าให้เขาผลัดเปลี่ยนหลังอาบน้ำ ส่วนวันหยุด ปรินทร์มักไม่ออกไปไหน เขาจะพักผ่อนอยู่บ้าน แต่หากออกไปก็จะไปสังสรรกับเพื่อน หรือไม่ก็ตีกอล์ฟกับลูกค้า แน่นอนว่า เธอไม่ได้ไปกับปรินทร์ด้วย ยิ่งระยะหลังมานี้ หรือจะพูดว่าหลังจากได้พบกับทิวาทิพย์ ปรินทร์ดูยุ่งเป็นพิเศษ กลับบ้านช้าบ้างเร็วบ้าง เสาร์อาทิตย์ออกจากบ้านตลอด กว่าจะกลับมาก็ค่ำ พราวฟ้าจึงอยู่บ้านหลังใหญ่อย่างเหงาๆ ท่ามกลางคนไม่ชอบหน้า ทว่าความสุขในวันนี้กลบความทุกข์ ความเสียใจและเความเศร้าในวันวานได้เป็นอย่างดี และเปรียบเสมือนเพิ่มพลังให้พราวฟ้าต่อสู้กับความชิงชังของคนในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นปุริม อรุณและคนรับใช้อีกหลายคนที่ตั้งแง่ไม่ชอบหน้าตน ดีที่ว่ายังมีบุหงันที่ปากร้ายแต่ใจดี คอยหนุนเธออยู่บ้าง พราวฟ้าไม่ขออะไรมาก ขอเพียงเขาอยู่ข้างเธอ คอยปลอบและให้กำลังใจ ให้ความรัก ความอบอุ่นเป็นพอ สองสามีภรรยาเดินออกจากร้านไอศรีมในเวลาสองทุ่มสิบนาที จุดหมายทั้งคู่คือ โรงภาพยนต์ชั้นห้าของห้างสรรพสินค้า             รอยยิ้มพราวฟ้าหุบลงทันใด เมื่อเห็นทิวาทิพย์นั่งอยู่บนเบาะนั่งใกล้กับเคาน์เตอร์ซื้อตั๋วหนัง เธอไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือว่าปรินทร์นัดหมายกับทิวาทิพย์ไว้ แต่ดูจากสีหน้าเบิกบานของสามีแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นอย่างหลัง ทว่าเธอก็ลุ้นว่า จะเป็นไปตามคาดเดาหรือไม่ ในใจลึกๆ ภาวนาว่าไม่ใช่ ทั้งคู่ไม่ได้นัดหมายกันไว้            “รอนานไหมเปิ้ล” เพียงแค่ได้ยินคำถาม พราวฟ้ารู้ได้ทันทีว่า ทั้งสองนัดกันไว้            “แค่สิบนาทีเองค่ะ” ทิวาทิพย์ตอบ ก่อนหันมาถามพราวฟ้า “กินสุกี้กับไอติมอร่อยไหมทราย”            พราวฟ้าแปลกใจที่ทิวาทิพย์รู้เรื่องนี้ แต่ก็ตอบออกไป            “อร่อยค่ะ”            “โดมชวนเปิ้ลไปกินด้วยนะ แต่เปิ้ลไม่อยากเป็นก้างขวางคอ อีกอย่างตอนนั้นกำลังขับรถอยู่ด้วยยังไงก็คงมากินไม่ทัน ก็เลยปล่อยให้กินกันตามลำพังสองคนผัวเมีย แล้วเปิ้ลก็มารอหน้าโรงหนังแทน” พราวฟ้าเข้าใจเรื่องราว แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ทิวาทิพย์มารอที่นี่ทำไม อย่าบอกนะว่า...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม