ยังไม่ทันที่พราวฟ้าจะพูดคำใด เสียงทิวาทิพย์ดังขึ้นเสียก่อน
“เปิ้ลจองตั๋วหนังให้แล้วนะคะ เรื่องนี้เปิ้ลอยากดูมากๆ เลย” คนพูดชูตั๋วหนังสามใบ เป็นหนังต่างประเทศแบบซับไทย
“ผมซื้อตั๋วไว้แล้วน่ะ ซื้อผ่านมือถือ กะว่าจะซื้อเพิ่มตรงเคาน์เตอร์อีกหนึ่งใบ” ปรินทร์บอกทิวาทิพย์ไปแล้วทางโทรศัพท์ เขาเข้าใจว่าเธอคงลืม “เรื่องที่ผมซื้อไว้ เป็นหนังไทย เรื่องที่ทรายอยากดู”
“ตายจริง เปิ้ลลืมค่ะว่า โดมบอกเปิ้ลแล้ว” ทิวาทิพย์ทำหน้าตกใจ แสดงละครเก่งมาก “เสียดายตั๋วจังค่ะ คืนก็ไม่ได้ด้วย อีกอย่างเปิ้ลไม่ชอบดูหนังไทย อยากดูเรื่องนี้มากกว่า”
ทิวาทิพย์ทำหน้าเศร้า ก่อนเดินมาเกาะแขนปรินทร์ ทำท่าทางออดอ้อน พราวฟ้ามองด้วยความตกใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเธอกำลังอึ้ง
“โดมขา เปิ้ลอยากดูหนังเรื่องนี้ โดมไปดูกับเปิ้ลนะคะ”
ปรินทร์มองคนอ้อน ก่อนหันไปมองหน้าพราวฟ้าที่ช้อนตามองเขาพอดี วินาทีนี้เขาอึดอัดมาก ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกข้างใดดี ทั้งที่ปรินทร์ไม่ควรมีสีหน้าลำบากใจด้วยซ้ำไป เพียงแค่เขาเลือกจะดูหนังที่ภรรยาอยากดูก็เท่านั้น แต่ก็เขาไม่สามารถตัดสินใจทันทีได้
ขณะที่พราวฟ้ากับทิวาทิพย์กำลังลุ้นคำตอบ ยุรนันท์เดินออกมาจากประตูที่มีไว้ให้ลูกค้าที่ดูภาพยนต์เสร็จ ซึ่งจะต้องเดินผ่านล็อบบี้ตรงเคาน์เตอร์ เขาถึงกับชะงักเท้าเมื่อเห็นชายหนึ่งหญิงสองยืนอยู่ไม่ห่างกับตนนัก ดูท่าทางไม่ค่อยดีเสียด้วย เขาจึงจูงมือน้องสาวไปหาทั้งสาม
“โดม” ยุรนันท์ทักปรินทร์ที่หันมองต้นเสียง ประภาวรรณหรือหยก น้องสาวยุรนันท์ยกมือไหว้ปรินทร์ “มีอะไรกันหรือเปล่า หน้านายเครียดเชียว”
“โดมตัดสินใจไม่ถูกน่ะว่า จะดูหนังเรื่องไหน ระหว่างเรื่องที่ทรายอยากดูกับเรื่องที่เปิ้ลอยากดู”
ทิวาทิพย์เป็นคนตอบ พอได้รับคำตอบ ยุรนันท์ถึงเข้าใจว่า เหตุใดหน้าปรินทร์ถึงเป็นเช่นนี้
“ก็ไม่เห็นตัดสินใจยาก ถ้าเป็นฉัน ฉันก็จะเลือกดูหนังที่เมียอยากดู ถ้าคนอื่นอยากดูเรื่องอะไรก็ไปดูเรื่องนั้นคนเดียว ไม่ควรเป็นมือที่สามของใคร แค่นี้ก็หมดเรื่อง” ยุรนันท์ไม่วายพูดกระทบทิวาทิพย์อย่างหมั่นไส้ และสงสารพราวฟ้าเป็นอย่างมากที่มาเจอสถานการณ์แบบนี้ ทั้งๆ ที่ควรจะมีความสุขตลอดทั้งวันแท้ๆ
“แต่ฉันซื้อตั๋วแล้ว ซื้อแพงด้วย” ทิวาทิพย์เชิดหน้าตอบ
“ระดับเธอ ค่าตั๋วพันกว่าบาทคงไม่ระคายเคืองหรอกมั้ง” ยุรนันท์สวนกลับให้
“มันไม่เกี่ยวกับระดับ แต่เกี่ยวกับเงินที่ซื้อไป จะหลักร้อยหลักพันก็เงินนะ อย่าดูถูกเงินสิ”
“ฉันไม่ได้พูดสักคำว่าดูถูกเงิน เธอนี่แถไปเรื่อย”
ยุรนันท์ไม่ไว้หน้า ทิวาทิพย์หน้าบึ้งทันที ไม่ตอบโต้ยุรนันท์ แต่ทำบางอย่างแทน
“ทราย...โดมเหมือนตัดสินใจไม่ได้ ทรายช่วยตัดสินใจแทนได้ไหม แต่ฉันว่านะ โดมคงอยากดูหนังเรื่องที่ฉันซื้อตั๋วมากกว่าหนังไทย เพราะโดมชอบหนังแนวนี้ ตอนฉันคบกับโดมเป็นแฟน เราไม่เคยดูหนังไทยด้วยกันเลยนะ เพราะฉันรู้ว่าโดมไม่ชอบ ฝืนดูหนังที่ตัวเองไม่ชอบมันจะสนุกอะไร ตรงกันข้ามน่าเบื่ออย่าบอกใคร อยากออกจากโรงหนังใจจะขาด แต่ก็พูดออกไปไม่ได้”
ทิวาทิพย์ไม่ออมคำพูด วาจากระทบกระเทียบที่เอ่ยบอกให้คนฟังรู้ว่า ทิวาทิพย์ยังคงรู้ใจปรินทร์ดีกว่าพราวฟ้า ประโยคนี้เหมือนชีนำให้พราวฟ้าตัดสินใจว่า ควรตอบว่าอย่างไร
พราวฟ้าอึ้งเงยหน้ามองสามีที่ทำหน้าปั้นยาก คล้ายกับลำบากใจ เรื่องรสนิยมการดูหนังของปรินทร์ เธอรู้มาบ้าง เพราะไม่ใช่ว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาดูหนังกับเขา ซึ่งที่ผ่านมาปรินทร์มักดูหนังต่างประเทศแต่เป็นแบบพากย์ไทยเพื่อให้เธอไม่ต้องมานั่งอ่านตัวหนังสือที่ขึ้นหน้าจอให้เสียอรรถรส จะมีวันนี้ที่เขาตามใจพราวฟ้า ให้เลือกดูหนังที่อยากดู คำพูดทิวาทิพย์ทำให้พราวฟ้าเข้าใจว่า ปรินทร์ฝืนใจดูหนังไทย
ยุรนันท์มองเห็นความอึดอัดลำบากใจบนหน้าปรินทร์ และมองเห็นความเศร้าบนดวงหน้าหวานของพราวฟ้า และมองเห็นความร้ายกาจอย่างเปิดเผยของทิวาทิพย์
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน นายไปดูหนังกับเปิ้ล ฉันจะไปดูหนังกับทรายเอง” เสียงยุรนันท์ทำลายความเงียบ “หรือไม่ก็ นายไปดูหนังกับทราย ส่วนฉันจะไปดูหนังกับเปิ้ล”
ทางออกของยุรนันท์มีทั้งดีและไม่ดี อาจถูกใจใครและไม่ถูกใจใคร แต่คนที่พูดออกมาก่อนคือ ทิวาทิพย์ ตัวแปรสำคัญ
“ฉันไม่ไปดูหนังกับนายหรอก ฉันจะดูกับโดม”
“แต่โดมต้องดูหนังกับเมียนะ หรือไม่งั้นก็ดูเรื่องเดียวกันไปเลยทั้งหมดนี่แหละ ฉันจะดูด้วย” ยุรนันท์หาทางออกอีกครั้ง “มึงก็ยืนทื่อเป็นตอไม้ไปได้ ไม่พูดห่าอะไรสักคำ ทั้งที่มีทางเลือกแค่ทางเดียว”
ปรินทร์อึ้งปากหนักราวกับมีหินก้อนใหญ่ถ่วงไว้ มองหน้าเพื่อนรักที่พูดถูก จนเขาเถียงไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งเป็นตอไม้จริง
“ถ้าพี่โดมไม่ชอบดูหนังไทย ทรายดูหนังที่คุณเปิ้ลอยากดูก็ได้ค่ะ” เป็นพราวฟ้าที่ตัดสินใจ “ทรายไม่เรื่องมากค่ะ ดูอะไรก็ได้”
ทิวาทิพย์กระตุกยิ้ม พอใจที่พราวฟ้ายอมตน
“งั้นก็ดี นี่ตั๋วหนังของเธอ” ทิวาทิพย์ส่งตั๋วหนังให้พราวฟ้า “เธอนั่งคนเดียวนะ เพราะที่นั่งคู่เหลือที่เดียว ฉันจะนั่งกับโดม”
“เธอนี่ถ้าจะเพี้ยนนะเปิ้ล ผัวเมียก็ต้องนั่งด้วยกันสิ เธอเป็นแค่เพื่อนนะ แต่ถ้าคิดว่าเป็นแฟนเก่าล่ะก็ โปรดเข้าใจคำว่าแฟนเก่าซะใหม่นะ มันคืออดีต คนปัจจุบันของโดมคือทราย เรียนก็สูงไม่น่าโง่นะ” ยุรนันท์ออกโรงป้องพราวฟ้าเต็มที่ ทิวาทิพย์หน้าตึง มองยุรนันท์ด้วยความไม่พอใจ
“ทราย...พี่จะดูหนังกับทรายนะ” ปรินทร์พูดต่อทันที พราวฟ้าที่กำลังน้อยใจมองหน้าสามี ใบหน้ามีรอยยิ้มนิดๆ ต่างกับทิวาทิพย์ที่หน้าตึงมากกว่าเดิม “วันนี้ผมตั้งใจพาทรายมาซื้อของ กินข้าวและดูหนัง ผมไม่อยากผิดคำพูดกับทราย แล้วที่ผมชวนเปิ้ลเพราะคิดว่าจะดูเรื่องเดียวกัน แต่ถ้าเปิ้ลยืนกรานจะดูเรื่องนี้ เปิ้ลดูคนเดียวนะ หรือไม่ก็ชวนเฮิร์ปไปดูด้วย”
นอกจากจะไม่พอใจคำพูดปรินทร์ ทิวาทิพย์รู้สึกเสียหน้าด้วย เพราะไม่คิดว่า เขาจะปฏิเสธตนต่อหน้าพราวฟ้า ทำให้เธอรู้ว่า ตัวเองกำลังแพ้ แพ้แม่สาวหน้าจืดคนนี้ ยุรนันท์อมยิ้ม นึกสะใจที่เห็นหน้าเสียของทิวาทิพย์
“ไปเปิ้ล ไปดูหนังกัน ไม่ดูเสียดายเงินแย่เลย” ยุรนันท์ออกแนวกวน
“ไม่ดงไม่ดูแล้ว” ทิวาทิพย์กระแทกเสียงใส่ ก่อนสะบัดหน้าเดินไปทันที ครั้งนี้ยอมถอย แต่ครั้งหน้าเธอจะไม่ยอมแน่
“เราไปดูหนังกันเถอะทราย” ปรินทร์ไม่ได้สนใจทิวาทิพย์ เขาพูดเสียงนุ่มกับภรรยา “ขอบใจนายมากนะเฮิร์ป”
“อืม ไม่เป็นไร” ยุรนันท์ตอบกลับเพื่อน “ดูหนังให้สนุกนะทราย อย่าไปสนใจเสียงแร้งกาเลย หนวกหูเปล่าๆ”
“ค่ะพี่เฮิร์ป” พราวฟ้ายิ้มให้ยุรนันท์ ที่เดินไปพร้อมกับประภาวรรณเพื่อกลับบ้าน ปรินทร์โอบบ่าพราวฟ้า ก่อนพากันเดินไปยังจุดตรวจตั๋ว จากนั้นก็เดินไปยังโรงภาพยนต์ที่ฉายเรื่องที่ทั้งสองตีตั๋วดู
ปรินทร์ดูหนังแทบไม่รู้เรื่อง เวลานี้เขาสับสนกับความรู้สึกตัวเองเป็นอย่างมาก พยายามจะนึกถึงหน้าพราวฟ้าแต่ใจก็กระหวัดไปหาทิวาทิพย์ตลอด ในใจปรินทร์เวลานี้แบ่งเป็นสอง ใจหนึ่งนึกถึงความรู้สึกพราวฟ้า อีกใจนึกถึงทิวาทิพย์ ทว่ากลับหนักไปทางทิวาทิพย์มากกว่า เขารู้ว่าทิวาทิพย์ไม่พอใจมาก อีกทั้งตนเป็นคนชวนเธอมาดูหนัง แต่ทำลายจิตใจกลับไป ปรินทร์รู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ ครั้นจะไปดูหนังเรื่องที่อดีตคนรักอยากดูก็ไม่ได้ เพราะจะทำร้ายจิตใจพราวฟ้า
ทั้งๆ ที่ควรเลือกได้ทันทีแท้ๆ แต่ปรินทร์ยังรู้สึกสับสนถึงเพียงนี้ เพราะถ่านไฟเก่ากำลังคุ...
มือที่สามกำลังเยื้องกายเข้ามาในชีวิตคู่ของปรินทร์กับพราวฟ้าทีละน้อย
...อย่างน่ากลัว