“อีกเรื่องที่ฉันอยากจะบอกเธอนะเปิ้ล แล้วจะพูดแค่ครั้งเดียว จะจำใส่หัวหรือไม่นั้นก็เรื่องของเธอ” เจ้าของเสียงมองหน้าทิวาทิพย์ “ที่นั่งที่เธอนั่งอยู่เป็นของทราย ถ้าเธออยากจะครอบครองจนตัวสั่นล่ะก็ รอให้โดมเลิกกับทรายก่อนดีไหม มารยาทน่ะรู้จักไหม อ้อ...คงไม่รู้จักสินะ เพราะฉันเห็นเธอนั่งตรงนี้ทุกครั้งที่มากินข้าวที่นี่ ส่วนแก ตาโดม แกอายุก็มากแล้วนะ คงรู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ แต่ถ้าไม่รู้ฉันก็จะบอกให้ว่า เมียแกนั่งอยู่ตรงโน้น คนที่แกควรเอาใจคือทราย”
“ผมไม่เคยคิดอย่างที่คุณย่าพูดมานะครับ เปิ้ลเป็นเพื่อนของผม” ปรินทร์แก้ตัว
“แกก็จำคำพูดตัวเองไว้ให้ดีก็แล้วกัน อย่ากลืนคำพูดตัวเองทีหลังล่ะ ถ้ากลืนล่ะก็ ฉันถือว่าแกเป็นหมา หมาขี้เรื้อนด้วย” นางลุกขึ้นยืนเมื่อพูดจบประโยค “ทรายลุกขึ้น ไปกินข้าวข้างนอกกับฉัน ฉันทนกินที่นี่ไม่ได้ จะอ้วก”
พราวฟ้าที่ตกใจไปกับคำพูดบุหงันรีบลุกขึ้นตามคำสั่ง เดินตามบุหงันออกไปจากห้องกินอาหารโดยไม่มองใครสักคน เพราะเธอรู้ว่า คนในห้องนี้กำลังไม่พอใจตนที่บุหงันพูดเข้าข้าง และต่อว่าทิวาทิพย์อย่างไม่ว่าใครทั้งสิ้น
“วันนี้คุณแม่เป็นอะไร ถึงได้พูดแบบนี้”
อรุณงงไม่น้อย ในอดีตตอนทิวาทิพย์คบหากับปรินทร์ บุหงันให้ความรักและเอ็นดูไม่น้อย หลังจากทั้งคู่เลิกกัน บุหงันยังบ่นว่าเสียดายที่ไม่ได้ทิวาทิพย์เป็นหลานสะใภ้ แล้วพอทิวาทิพย์ย่างเท้าเข้ามาในบ้านหลังนี้เป็นวันแรกในรอบสี่ปี นางดีใจที่ได้เจอทิพวาทิพย์ ถามสารทุกข์สุกดิบยกใหญ่ และอีกหลายครั้งที่ทิวาทิพย์มาบ้าน บุหงันก็พูดคุยด้วยดีมาตลอด จะมีวันนี้ที่ทำต่างออกไป ทุกคนจึงงุนงงและสงสัย
“คุณย่าไม่พอใจอะไรเปิ้ลหรือเปล่าคะ หรือไม่ก็อาจเข้าใจผิดถึงได้พูดแบบนี้ เปิ้ลไม่เคยคิดทำอย่างที่คุณย่าพูดมาเลยนะคะ เปิ้ลกับโดมเป็นเพื่อนกันค่ะ” ทิวาทิพย์แก้ตัว ปากก็บอกว่าไม่ได้คิดอะไร ทว่าในใจตรงกันข้าม
“ใช่ครับ ผมกับเปิ้ลเป็นเพื่อนกัน คุณย่าคิดอะไรไปไกลได้ไงก็ไม่รู้”
แม้ว่าไฟรักที่มีต่อทิวาทิพย์จะดับมอดไปแล้ว แต่เขาก็ยอมรับว่า เมื่อได้เจอเธอในงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดยุรนันท์ ถ่านไฟเก่าเหมือนจะคุขึ้นมาไม่รู้ตัว เขาพยายามจะดับไฟนั้น ตระหนักในใจว่า มีพราวฟ้าเป็นภรรยาอยู่แล้ว ทว่ามันก็ยาก เพราะเขากับทิวาทิพย์คบหากันนาน และมีความสัมพันธ์ทางกายนานหลายปี เวลานี้จึงคล้ายกับว่า มีแม่เหล็กระหว่างเขากับเธอก็ว่าได้
“คุณย่าเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในห้องนี้ ท่านอาบน้ำร้อนมาก่อนนะ ท่านอาจจะมองอะไรออกก็ได้” เสียงนี้เป็นของยุรนันท์ ที่ทุกคนหันมองหน้า “ถ้าไม่ได้คิดอะไรกันจริงก็ไม่ต้องสนใจคำพูดคุณย่าสิ ทำให้คุณย่าเห็นว่า นายกับเปิ้ลไม่ได้คิดเกินมากกว่าเพื่อน”
ยุรนันท์เป็นเพื่อนสนิทปรินทร์มานานยี่สิบปี พูดได้ว่าคบเป็นเพื่อนก่อนที่ปรินทร์จะคบหาทิวาทิพย์เป็นคนรัก เขารู้ดีว่า เวลานี้ลมพัดหวนกำลังเกิดขึ้นกับปรินทร์
ปรินทร์กับทิวาทิพย์มองหน้าคนพูด ทั้งสองเหมือนร้อนตัว แต่ก็ไม่พูดอะไร ได้แต่นิ่งเงียบราวกับพูดไม่ออกที่ถูกดักทาง ปุริมกับอรุณไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน เพราะทั้งคู่อยากได้ทิวาทิพย์เป็นลูกสะใภ้มากกว่าพราวฟ้า หญิงสาวที่ไม่มีหัวนอนปลายตีน ไม่มีอะไรเหมาะสมกับปรินทร์สักอย่าง
โดยเฉพาะอรุณ ความตั้งใจของนางต้องสำเร็จ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องใช้กลอุบาย เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
นางจะเฉดหัวพราวฟ้าออกจากชีวิตปรินทร์ให้ได้...
.............
23.30 น.
ปรินทร์เข้ามาในห้องนอนหลังจากออกไปดื่มคลายเครียดกับยุรนันท์และดลภพในคลับประจำ ภายในห้องมีเพียงแสงจากโคมไฟหัวเตียงที่เปิดอยู่ สายตาปรินทร์จับจ้องร่างพราวฟ้าที่นอนหลับบนเตียง เขายังจำวันที่พบเธอครั้งแรกได้ดี วันนั้นพราวฟ้าเข้ามาในห้องทำงานเขาพร้อมกับอุดม ผู้จัดการแผนกบัญชี ทั้งคู่นำบัญชีที่เป็นพิรุธของฝ่ายจัดซื้อมาให้ดู ซึ่งคนที่ตรวจสอบเจอคือพราวฟ้า
พราวฟ้าทำให้ปรินทร์ทึ่งในความสามารถ เธอไม่ได้เรียนจบบัญชีโดยตรง วุฒิการศึกษาที่มาสมัครงานคือมัธยมศึกษาปีที่หก แต่รู้เรื่องบัญชีดีมาก เก่งกว่าพนักงานบัญชีหลายคนในบริษัทเสียอีก ที่เธอเก่งและมีความรู้ด้านนี้เป็นเพราะ พราวฟ้าเคยทำงานในบริษัทรับทำบัญชีครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบัญชีและภาษี เจ้าของบริษัทเป็นนักบัญชีมืออาชีพ มีความสามารถมากคนหนึ่งเป็นครูสอนให้พราวฟ้ารู้งานเรื่องบัญชี พราวฟ้าทำบัญชีได้ทุกอย่าง รวมถึงเรื่องภาษีก็เก่งไม่น้อยหน้าใคร
ความที่พราวฟ้าต้องจัดการเรื่องการทุจริตร่วมกับปรินทร์ ทำให้ทั้งสองคนได้ใกล้ชิดกัน ปรินทร์ที่คิดว่าคงรักใครไม่ได้อีก กลับรักพราวฟ้าอย่างง่ายดาย โดยหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไม อีกสามเดือนต่อมาเขาให้เธอลาออกจากงาน แล้วพามาอยู่บ้านในฐานะภรรยา ตำแหน่งที่ปุริมกับอรุณไม่ต้องการให้พราวฟ้าครอบครอง แต่ก็ต้องจำยอมอย่างไม่เต็มใจ
ตลอดระยะเวลาเกือบสามปี พราวฟ้าเป็นเมียที่ดี เธอไม่เรียกร้องอะไรจากปรินทร์สักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแก้วแหวนเงินทอง ของใช้ราคาแพงที่เขาหาซื้อให้ได้โดยง่าย แค่เพียงเอ่ยปาก แต่ก็ไม่ เธอไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากความรักของเขา
อีกหนึ่งเรื่องที่ปรินทร์นับถือพราวฟ้า นั่นคือความอดทน เขารู้ดีว่าคนในบ้านไม่ชอบหน้าพราวฟ้า ไม่อยากให้เป็นเมียเขา จึงกลั่นแกล้งและพูดจาไม่ดีใส่ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ จนกระทั่งวันนี้ พราวฟ้ายังคงเจอเหตุการณ์เดิมๆ ทุกเมื่อเชื่อวัน ทว่าเธอกลับไม่เคยบอกกล่าวให้เขาฟัง เพราะไม่อยากให้ตนไม่สบายใจ พราวฟ้าทำราวกับว่า ไม่เคยมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวเอง เป็นเขาที่ไม่ค่อยใส่ใจความรู้สึกของภรรยามากนัก ไม่เคยถาม ไม่เคยปลอบ ได้แต่มองและปล่อยผ่าน
ร่างสูงใหญ่เบี่ยงเท้าเดินไปยังห้องน้ำ เป็นดั่งเช่นทุกครั้งที่เขาจะเห็นยาสีฟันถูกบีบบนแปรงสีฟัน ส่วนชุดนอนเธอแขวนไว้ตรงตู้เสื้อผ้า บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าจะมีผ้าขนูสีขาวขนาดกลางสำหรับเช็ดศีรษะพับอย่างเป็นระเบียบวางไว้ เผื่อปรินทร์สระผมจะได้ใช้ผ้าผืนนี้เช็ดหัว พราวฟ้าทำหน้าที่ภรรยาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง