EP. 6 อย่าทิ้งหนูไป
แสงดาวอาการดีขึ้นมากแล้วเธอเริ่มพูดคุยและทักทายคนอื่นๆ ในปางไม้มากขึ้น นั่นเพราะทุกคนยิ้มแย้มถามไถ่เธออย่างเป็นกันเอง ปราการที่เธอก่อขึ้นเพื่อกันตัวเองออกจากคนอื่นๆ จึงพังทลายลง เด็กสาวนั่งอยู่บนเตียงปล่อยให้เอื้องคำช่วยทายาลงบนรอยฟกช้ำที่ต้นแขน ต้นขา หลัง และท้ายทอย รอยช้ำเป็นสีม่วงอมเขียวไม่น่าดูนัก โชคดีที่อยู่ในร่มผ้าจึงไม่ต้องปกปิดอะไร
“ใครนะมันช่างใจร้ายใจดำ ลงมือทำร้ายเด็กผู้หญิงได้ลงคอ น่าจะจับมันมาเข้าคุกเสียให้เข็ด” เอื้องคำบ่นพลางทายาให้แสงดาวด้วยความสงสารเด็กสาว แค่เห็นเธอยังรู้สึกเจ็บแทนแต่เด็กสาวกลับไม่ร้องหรือมีท่าทางเจ็บเลยสักนิด นับว่าเป็นเด็กที่มีความอดทนมากพอตัว
“นั่นสิคะป้าเอื้อง หนูก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเป็นใคร แล้วหนูเป็นใคร” แสงดาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่ชอบเลยที่สมองว่างเปล่า จำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง รู้สึกเหมือนเป็นคนที่ถูกโลกใบนี้ลืมเลือน ราวกับเธอไม่สำคัญกับใครเลย วันนี้วันที่สามแล้วแต่ก็ไม่มีใครออกตามหาเธอสักคน ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกน้อยใจ
“อีกหน่อยความจำก็คงกลับมาจ้ะ” เอื้องคำทายาเสร็จก็ลุกขึ้นจะเดินออกไปจากห้องนอน เป็นจังหวะเดียวกับที่พ่อเลี้ยงน่านฟ้ายืนอยู่หน้าห้องนอนของแสงดาว กำลังตั้งท่าจะเคาะประตูอยู่พอดิบพอดี
พ่อเลี้ยงน่านฟ้าจึงเดินเข้ามาแล้วปิดประตูลง มองสาวน้อยที่มองมาทางเขาด้วยท่าทางแปลกใจ
“วันนี้อาน่านแต่งตัวหล่อจังเลยค่ะ หล่อเหมือนวันแรกที่อาน่านช่วยหนูเอาไว้เลย” แสงดาวจำได้ว่าเมื่อสามวันก่อนพ่อเลี้ยงน่านฟ้าใส่เสื้อเชิ้ตสีอ่อนสวมเสื้อนอกสีกรม นุ่งกางเกงยีนสีเข้มดูหล่อราวกับเทพบุตร แม้ว่าตามตัวจะเต็มไปด้วยคราบเลือดจากการอุ้มเธอก็ตาม วันนี้เขาแต่งตัวเช่นวันนั้นแต่ต่างที่เสื้อเชิ้ตตัวในเป็นสีเขียวขี้ม้าเข้ากับสีผิวคมเข้มอย่างคนชอบอยู่กลางแจ้ง
“อาน่านหล่อเหมือนเจ้าชายเลยค่ะ” แสงดาวชมออกไปตามที่คิดก่อนจะเอียงคอเล็กน้อยแล้วเอ่ยถาม “ว่าแต่อาน่านจะไปเที่ยวไหนหรือคะ”
พ่อเลี้ยงยิ้มก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างเด็กสาวแล้วจับมือเธอเอาไว้ “ฉัน...” ชายหนุ่มชะงักเมื่อต้องแทนสรรพนามตัวเอง “เอ่อ...อามีเรื่องอยากจะบอกหนู”
“เรื่องอะไรหรือคะ หรือว่าเจอพ่อกับแม่ของดาวแล้ว” เด็กสาวเบิกตาโตด้วยความดีใจ แต่เมื่อเห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มส่ายหน้าหัวใจฟูฟ่องของเด็กน้อยก็เล็กลีบลงอย่างรวดเร็วราวกับลูกโป่งถูกปล่อยลมเสียอย่างนั้น
“วันที่อาเจอหนูคือวันที่อาจะเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกา”
“...” แสงดาวนิ่งเงียบตัวเย็นเยียบเมื่อคิดว่าคนที่คอยคุ้มครองเธอให้อบอุ่นใจจะต้องเดินทางไปไกล “อาน่านจะไปวันนี้แล้วเหรอคะ” เด็กสาวกลั้นใจถามออกไป ใจหายอย่างบอกไม่ถูก ชีวิตของเธอมีเพียงแสงตะเกียงจากพ่อเลี้ยงน่านฟ้าคอยส่องนำทางให้ก้าวต่อไป เมื่อไม่มีแสงตะเกียงเธอก็เหมือนคนตาบอดที่ไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน
“ใช่ อาต้องเดินทางวันนี้”
“แล้ว...หนูจะได้เจออาน่านอีกมั้ยคะ” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นถาม ยามนี้เธอไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกแล้ว เธอโผเข้ากอดพ่อเลี้ยงน่านฟ้าแล้วร้องไห้อย่างไม่อาย เพราะเธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร เธอไม่รู้ว่าใครที่ตามทำร้ายเธอ ไม่รู้ว่าคราบเลือดชวนสยองนั่นเป็นของใคร เพราะอย่างนี้เธอจึงกลัวเหลือเกิน กลัวว่าเธอจะไม่มีโอกาสได้เจอพ่อเลี้ยงน่านฟ้าอีก
“อาจะกลับมาทุกปีหนูไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าหนูกลับไปอยู่กับพ่อกับแม่ของหนู อาก็จะตามไปเยี่ยมดีมั้ย” พ่อเลี้ยงหนุ่มลูบศีรษะของสาวน้อยอย่างปลอบโยน ยิ่งเห็นเธอร้องไห้เขาก็ยิ่งใจหาย พานไม่อยากเดินทางไปอเมริกาเสียดื้อๆ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะการไปเรียนต่อคือความใฝ่ฝันของเขา เขาอยากนำความรู้ใหม่ๆ กลับมาพัฒนาปางไม้วงศ์ภูริ และกระจายความรู้ให้แก่ชาวบ้านที่เป็นเกษตรกรออกไปให้ได้มากที่สุด
“หนูจะรออาน่านค่ะ” แสงดาวใช้หลังมือป้ายหยดน้ำตาอย่างลวกๆ แล้วมองลึกเข้าไปในดวงตาคมเข้มของผู้มีพระคุณ เธอรู้ตัวว่าไม่ควรทำให้เขาลำบากใจ เพียงเท่านี้เธอก็สร้างความยุ่งยากมากพอแล้ว
“เป็นเด็กดีนะแสงดาว ไม่ต้องห่วงอาณรงค์จะช่วยหนูตามหาพ่อแม่ของหนูจนพบแน่นอน” คราวนี้เขาเป็นฝ่ายรวบร่างบางเข้ามากอดเสียเอง ก่อนจะหอมเบาๆ ที่หน้าผากของเธอ
“อาเป็นห่วงหนูมากนะ”
แสงดาวฝืนยิ้มกว้างเพราะไม่อยากให้พ่อเลี้ยงน่านฟ้าต้องเป็นกังวล “อาน่านเดินทางปลอดภัยนะคะ” เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกแล้วทำท่าทางราวกับว่าเธอไม่ได้อาลัยอาวรณ์พ่อเลี้ยงหนุ่ม
“อาต้องไปแล้ว” พ่อเลี้ยงหนุ่มเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือก่อนจะลุกขึ้นยืน
แสงดาวรู้สึกว่าหัวใจตัวเองร่วงลงไปอยู่ที่ปลายเท้า แต่ก็ฝืนปั้นหน้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เดี๋ยวหนูไปส่งอาน่านที่หน้าบ้านค่ะ”
พ่อเลี้ยงน่านฟ้าพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะจูงมือแสงดาวออกไปหน้าบ้าน นายมิ่งยืนเปิดประตูรถรออยู่ก่อนแล้ว ส่วนสมบัติและเอื้องคำยืนรอส่งอยู่ไม่ไกลนัก
“อาไปก่อนนะ”
พ่อเลี้ยงน่านฟ้าหันมายีผมเด็กสาวราวกับจะแกล้งก่อนจะก้าวขึ้นรถไป แสงดาวยิ้มแล้วยกมือขึ้นโบกลา เธอมองตามรถเอสยูวีที่ค่อยๆ เคลื่อนออกไปช้าๆ ด้วยหัวใจที่ปวดแปลบราวกับจะหยุดนิ่ง เธอเพิ่งเจอพ่อเลี้ยงน่านฟ้าได้เพียงแค่สามวัน แต่เหตุใดเธอถึงได้ทั้งรักและอาลัยเขาได้มากถึงเพียงนี้ หรือเป็นเพราะว่าเขาคือความทรงจำแรกที่เธอมี เพราะความทรงจำก่อนหน้านี้ได้ถูกลบเลือนไปจนหมดสิ้น
เธอคิดว่าเธอจะส่งอาน่านของเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่เธอกลับทำไม่ได้ เธอไม่อาจฝืนความรู้สึกของตัวเองได้เลย
“อาน่าน!”
แสงดาวตะโกนเรียกพ่อเลี้ยงน่านฟ้าจนสุดเสียง แล้วโดยที่ไม่มีใครคาดคิด เด็กสาวก็วิ่งตามรถของชายหนุ่มไปอย่างรวดเร็ว
“อาน่าน! อาน่าน!” สาวน้อยตะโกนเรียกพ่อเลี้ยงน่านฟ้าทั้งน้ำตา
“แสงดาว!” พ่อเลี้ยงหนุ่มตกใจเมื่อได้ยินเสียงเด็กสาวตะโกนเรียก เมื่อหันกลับไปเห็นเธอวิ่งตามก็ใจหาย รีบหันไปบอกนายมิ่งให้หยุดรถ “หยุดรถก่อนนายมิ่ง”
“ผมว่าเรารีบไปกันดีกว่าครับ ขืนช้ากว่านี้พ่อเลี้ยงจะตกเครื่องได้นะครับ ทางนี้ปล่อยให้สมบัติกับเอื้องคำจัดการจะดีกว่า” นายมิ่งพูดด้วยน้ำเสียงขึงขัง เมื่อเห็นเจ้านายนิ่งเงียบเขาก็เหยียบคันเร่งขับออกไปจากปางไม้อย่างรวดเร็ว