อยากรู้ดีนัก

1383 คำ
ปวีนุชทำงานจนเพลิน จนเธอลืมที่จะยืมเงินของดาด้า อีกอย่างเพื่อนสาวก็ออกเวรไปก่อนเธอหนึ่งชั่วโมง  ‘หา! ลืมยืมเงินยายด้า’ เธอตกใจเมื่อนึกออก 'ซวยจริง ๆ ได้เดินกลับแน่ ๆ เฮ้อ...' เธอบ่นกับตัวเอง หญิงสาวหันไปดูเพื่อนพนักงานคนที่มาเข้างานต่อจากมธุรดาเพิ่งมาใหม่ จะให้เอ่ยปากยืมเงินก็กระไรอยู่ ๆ เพิ่งรู้จักกันแล้วยังไม่สนิทกัน อีกทั้งเขาก็เป็นผู้ชายด้วย เธอไม่กล้า ‘เดินกลับก็ได้วะ ใกล้ ๆ เอง เหนื่อยนิดเดียว แต่ไม่เป็นไรถือว่าเป็นการออกกำลัง’ หญิงสาวปลอบใจตัวเอง เดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ   ห้องทำงานของลายไทย  "พี่...ผมมาเอากุญแจรถ เรามาแลกรถขับกัน" ไปร์ทโยนกุญแจรถของเขาลงไปบนโต๊ะตรงหน้าของพี่ชาย "ยังไง?" พี่ชายยกหน้าขึ้นมองใบหน้าของน้องชายแบบงง ๆ "อ๋อ...พี่โบกี้ให้พี่เอารถของผมไปบรรทุกของของเธอครับ เยอะมาก...." ลายไม้แจ้งวัตถุประสงค์ของคู่หมั้นสาวของพี่ชายให้พี่ปาปูนทราบ ลากเสียงยาว "หา...! โบกี้จะเอาอะไรไปนักหนาวะ กระเป๋าผ้าใบเดียวก็พอแล้วมั้ง" พี่ชายบ่นอุบ  "พี่ไม่เข้าใจผู้หญิงหรอกครับ รถพี่คันนิดเดียว ใส่กระเป๋าเสื้อผ้าอุปกรณ์ของพี่โบกี้ไม่หมดแน่ ๆ เอารถปาเจโรคันใหญ่ของผมเนี่ยไปบรรทุกอะไรก็ได้ ชัวร์....ช้างก็ยังได้ แต่ถ้ารถของพี่นะเหรอ หุ ๆ...ต้องมีใครได้ขึ้นไปนั่งบนหลังคา" ลายไม้หมายถึงรถสปอร์ตคันโก้ของพี่ชาย  "ให้ฉันขับคันนี้ไปจนถึงพัทยา" พี่ชายยกกุญแจของน้องชายขึ้นมาดู  "ใช่ครับ ฝากของของผมไปขึ้นเรือด้วยนะครับ" ลายไม้โค้งคำนับ ก่อนจะแบมือไปตรงหน้ารอกุญแจรถของลายไทย  "เฮ้ย...เอาแบบนี้เลยนะ แล้วคันนี้จะไปถึงพัทยากี่โมง"   “อุต๊ะ แหม ๆ... มาดูถูกน้องจากัวร์ผมเสียแล้วนะครับ บอกตรง ๆ เครื่องแรงมากนะครับ วิ่งใครก็ตามไม่ทันเห็นฝุ่นครับ” “เฮ้อ...ไม่ถนัดเลย” พี่ชายส่ายหน้า “จะเอายังไงล่ะครับ เมียสั่งลุย ตัดสินใจ แต่ผมไม่ไปรับพี่โบกี้แน่ ๆ อีกอย่างผมจะไปหาสาว ๆ พกพาขึ้นรถไปลงเรือด้วยนะสิ ถ้าผมขับคันนี้ไป รับประกันได้คนที่สวยที่สุดไปด้วยแน่ ๆ อิอิอิ” เขาหัวเราะคิก ๆ คัก ๆ “มีความสุขจริงนะ” "ครับผม สวรรค์ของคนโสด แบบไม่มีบ่วงผูกตรงคอเนี่ย...." น้องชายลากเสียงยาว พลางคว้ากุญแจรถของพี่ชายไปครอบครอง  "อย่าขับรถฉันไปทำให้เกิดรอยนะ ขอร้อง..." ลายไทยทำตาละห้อย   "โอ้โห...พี่ปูนครับ ผมจะระมัดระวังให้อย่างดีครับ ทำยังกับผมขับรถห่วยยังงั้น แต่จริง ๆ แล้วรถนะครับ จะไม่ให้มีรอยขูดขีดข่วนเลยเหรอ ของต้องขับต้องใช้"  "ฉันไม่อยากให้แกขับเลย ขับรถหยาบโลน ยังไง ๆ ไปร์ทก็ต้องดูแลรถของพี่ดี ๆ นะ พี่รักมากกว่าพี่โบกี้นะโว้ย"  ฮา… น้องชายหัวเราะเสียงดัง แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างมีความสุข ส่วนพี่ชายได้แต่นั่งคอตก ไม่ชอบให้ใครมาขับรถของตัวเองจริง ๆ รักมาก         ปวีนุชหยุดนิ่งทันทีที่เห็นรถคันหรูของคุณลายไทยวิ่งเข้าไปจอดที่ลานจอดรถของผับหรูหราที่เปิดตั้งแต่เย็นจนถึงรุ่งสาง โดยที่ไม่มีใครคนไหนเข้ามาข้องเกี่ยวได้ ‘ที่เที่ยวของคนรวย มีตังค์’ “แล้ว...พี่เขามาทำอะไรที่นี่” เธอมองตามรถของเขาที่วิ่งไปอย่างเร็ว แล้วจอดอยู่หน้าประตูทางเข้า   ปริ้น...เสียงแตรรถอีกคันดังขึ้นทำให้เธอหยุดชะงัก “บ้า หรือไงยะ อยากถูกรถชนหรือใคร ข้ามถนนไม่มองทาง” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังออกมาทำให้เธอตกใจ ปวีนุชหน้าเสีย “ไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่ได้ชน” ผู้ชายอีกคนปรามเธอคนนั้น “เงอะงะ งุ่มง่าม” เธอคนนั้นยังไม่หยุด แถมยังว่าส่งท้าย ‘ชิ คิดว่ารวย ขับรถแบบนี้ จะมาว่าด่าใครก็ได้เหรอ ฮ้าย...เสียอารมณ์’ เธอมองตามหลังไปตาปริบ ๆ กำลังจะก้าวเท้าผ่าน แต่ก็ชะงัก เดินวนเข้าไปในนั้น “มาทำอะไรน้อง” ยามที่เฝ้าตรงทางเข้าถาม “หนูมาสมัครงาน” ปากเร็วมาก รีบพูด เพราะกลัวไม่ได้เข้าไปข้างใน ดีนะวันนี้เธอใส่แจ็กเกตทับเสื้อของร้านเอาไว้ “งั้น เดี๋ยวน้องเดินไปตามทางนี่นะ อย่าเข้าด้านหน้านะ เดินอ้อมไปทางด้านหลัง แล้วพอไปถึงตรงนั้นจะมีป้ายบอกให้เปิดประตูเข้าไปเลย” “ค่ะ” เธอยืดอกขึ้นแบบดีใจ รีบเดินไปตามที่ยามบอก ในใจหมายมั่นว่าจะเมื่อเข้าไปข้างในแล้ว จะหาพี่ปาปูนสุดหล่อเจอ ปวีนุชเดินมาจนถึงป้าย ‘Office’ เธอผลักประตูเข้าไปก่อนจะเห็นบันไดขึ้นไปเกือบตึกสามชั้น ‘โห...ต้องขึ้นบันไดสูง ๆ นี่นะ’ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว มองหาไม่เห็นมีตรงไหนที่จะให้ลอดเข้าไปในนั้นได้ นอกจากทางนี้ แต่ที่จริงแล้ว ต้องเดินเลยมาอีกนิดหนึ่ง ถึงจะเห็นป้ายว่าห้องบุคคล หญิงสาวเดินไต่ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงขั้นบันไดบนสุด ก้มลงมองมายังพื้นเบื้องล่างแล้วเสียววูบ รีบก้าวขายาว ๆ ไปที่ประตูบานสีดำนั้น “โห้... ตกใจหมด ขาสั่นเลย บ้าไหมเนี่ย ขึ้นมาทำไม” เธอถามตัวเอง ‘มืดจัง ไม่คิดจะติดไฟไว้บ้างเหรอ’ เธอบ่นเมื่อเปิดเข้าไปแทบมองไม่เห็นอะไร ฝาผนังก็ทาสีดำ มีไฟส่องทางที่สลัวจนจับต้นชนปลายไม่ถูก ถึงแม้จะใส่แว่น มือก็ควานหามือถือ แต่พอดีเจอลิปสติก หญิงสาวรีบหยิบมันออกมาทาปากของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่มองไม่เห็น แต่ด้วยความชำนาญ ‘ดีกว่าไปซีด ๆ’ เธอเดินต่ออีกสักพัก เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มลอดออกมา พร้อมกับแสงวับแวม “โอ๊ย...โล่งอก” พูดพลางผลักประตูเข้าไป เสียงไฟระยิบระยับ และเสียงเพลงที่กระหึ่มจนขี้หูสะเทือน “อะไรกันวะ ไม่ใช่ห้องฝ่ายบุคคลเหรอ” เธอถามตัวเอง เสียงกรี๊ดกร๊าดและเสียงไชโยโห่ร้องแหกปากตามเสียงเพลง เธอเห็นฝูงชนย่อม ๆ กำลังดิ้นส่ายสะโพกตามจังหวะเสียงเพลงอย่างเมามัน ขาของปวีนุชก็ยังก้าวหน้าเดินต่อ งงระดับสิบ แต่ไหน ๆ ก็เข้ามาแล้ว เธอใช้สายตามองหาเขา “อยู่ไหนนะ” เธอทำปากขมุบขมิบ “น้อง ๆ” มีเสียงหนึ่งเรียก เธอไม่ได้หันไปเพราะไม่รู้เขาเรียกใคร แล้วก็มีมือหนึ่งมาสะกิด พายรีบหันไปมอง “เด็กของคุณนิธานไหม” พายไม่ตอบ แต่มองหน้าคนถามตาโต “นิธานไหน” พายย้อนถาม “อ้าว...สงสัยจะไม่รู้ว่าใครให้มา เอางี้... ตามพี่มาเร็ว ห้องนี้” เขารีบดึงแขนเธอไปในทันที “พี่ คือหนูไม่ใช่” “ตรงไหนที่ไม่ใช่ นุ่งกระโปรงดำ ใส่รองเท้านักศึกษาแบบนี้” เธอก้มมองดูเสื้อผ้าของตัวเอง ก็ใช่ เธอมีเสื้อผ้าอยู่ไม่กี่ตัว ส่วนใหญ่พยายามใส่ชุดนักศึกษา เพราะเผื่อไปเรียนเลย ไม่ต้องกลับไปเปลี่ยนอีก เสียเวลา แต่ตอนนี้มันปิดเทอม พายต้องเก็บเงิน เธอไม่อยากฟุ่มเฟือย “จริง ๆ พี่หนูไม่ใช่” แต่ชายคนนั้น ก็ผลักประตูเข้าไปด้านในแล้ว ในห้องนั้นยิ่งมืดกว่าข้างนอกอีก หรือว่าตาเธอยังปรับแสงไม่ได้ เธอมองใบหน้าของใครในนั้นไม่ถนัดเลยสักคน “เนื้อสดครับ มาทันเวลาพอดี” บริกรชายบอก 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม