ในห้องทำงานของลายไทย
"พี่จะดื่มอะไรไหม ผมจะไปร้านโคค๊อปมาร์ท" ลายไม้เดินเข้ามาถามพี่ชายถึงในห้องทำงาน
"หื้อ...หูฉันฟังอะไรผิดเพี้ยนไปหรือเปล่าวะ แกกินยาลืมเขย่าขวดหรือไง ปกติแกเป็นคนขี้เกียจเดินจะตายไป" พี่ชายยกหน้าจากกองเอกสารขึ้นมาถามน้องชาย
"แหม...พี่ คนเขาอุตส่าห์มีน้ำใจ แค่หิว แค่แฮงก์ เมื่อคืนหนักไปหน่อย อีกอย่างต้องไปหาคน ผมมีเรื่องจะสะสางกับเธอ"
"หาใคร หาทำไม" พี่ชายสงสัย
"เด็กของร้านโคค๊อปมาร์ทนะพี่ พี่อย่ารู้เลย"
"ในร้านโคค๊อปไม่เห็นมีเด็กน่ามองเลย หน้าตาแต่ละคนก็งั้น ๆ อีกอย่างยังเด็ก ๆ เรียนมหาวิทยาลัยทั้งนั้นเลย มาทำพาร์ตไทม์กันทั้งนั้น"
"พี่ครับพูดเหมือนน้องชายของพี่เป็นคนหน้าหม้อ จ้องแต่จะหาผู้หญิงมาปี้อย่างเดียวเหรอ" ลายไม้มองหน้าพี่ชาย
"หรือไม่จริง" ลายไทยหัวเราะ
"เอาอเมริกาโน่แก้วหนึ่ง"
“หึ...ก็แค่นี้” น้องชายทำเสียงหึ ๆ อยู่ในลำคอ ก่อนจะหมุนตัวออกไปจากห้องของพี่ชาย
ลายไม้ลงลิฟต์ตรงดิ่งมาที่ร้านโคค๊อปมาร์ท
"สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ" น้ำเสียงใส ๆ ดังกังวาน คนพูดไม่ได้เงยหน้ามองลูกค้าที่มาใหม่ ลายไม้แสยะยิ้มเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า
พายค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาเพราะเห็นเงาของเขาอยู่ใกล้เธอเหลือเกิน แค่เธอเห็นใบหน้าเข้ม ๆ แววตาเอาเรื่องของเขา และยิ้มแสยะ ๆ แบบน่าเกลียด ก็...
“เหวอ...” เธอทำท่าตกใจ แว่นตาแทบหลุดออกจากใบหน้า ขยับตัวออกห่าง
"แหม...ว่าไงจ๊ะแม่สาวน้อย กว่าเราจะได้เจอกันนะ นานแสนนาน หึ ๆ...." ลายไม้เอ่ยขึ้น สายตาเอาเรื่องเอาราวเหมือนเดิม จ้องมองเธอทำตาเล็ก ๆ ใส่
ปวีนุชรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เธอแกล้งเป็นจำเขาไม่ได้ แต่ก็ลอบกลืนน้ำลายลงคอ
ในใจคิด 'ทำไมมันซวยอย่างนี้วะ'
"เออ...คุณจะรับอะไรดีคะ" เสียงของเธอที่เอ่ยออกไป
เขาเดินพยักหน้างึก ๆ แกล้งใช้มือจับของที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาพิจารณาอย่างอ้อยอิ่ง แต่สายตามองใบหน้าของหญิงสาวราวจะกินเลือดเนื้อ
“นึกว่าจะหนีฉันรอดเหรอ เอ่ยปากขอโทษฉันมาเดี๋ยวนี้” เขาเค้นคำออกมาจากลำคอ
"เรื่องอะไร” ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“หือ......เรื่องอะไรเหรอ เธอจำไม่ได้เหรอ” เขาเริ่มเสียงดัง
“ใช่จำไม่ได้ค่ะ จำไม่ได้แล้วไง อีกอย่างตอนนี้คุณกำลังมายืนเกะกะ ลูกค้าคนอื่นเขาจะจ่ายตังค์" เธอพูดหน้าตาเฉย ๆ สายตามองเขาแบบไม่ยี่หระ ทำหน้าพยักพเยิดให้เขาหลบไป
สายตาของทั้งสองที่จ้องสบ ต่างคนต่างรู้ว่าคือคู่กรณีของกันและกัน อีกอย่างปวีนุชหมดหนทางที่จะหลีกหนีจริง ๆ ถ้าเห็นเขาก่อนก็คงแอบ
“พูดขอโทษฉันมาเดี๋ยวนี้” เขายังจะเอาคำขอโทษจากเธอให้ได้
“ไม่ขอโทษ ฉันไม่ขอโทษ” เธอโต้กลับแบบลืมตัว
“อ๋อ.... รู้ตัวแล้วเหรอ จำได้แล้วสิว่าทำอะไรฉันเอาไว้” เขามองแบบมาดร้าย
เธอก็เม้มปากมองใบหน้าของเขาแบบไม่สบอารมณ์เช่นกัน
มธุรดาเดินออกมาจากสโตร์ เดินเข้ามาทักทายเหมือนคุ้นเคยกันดีกับเขา
"รับกาแฟอะไรดีคะคุณวันนี้"
"ขอเป็นอเมริกาโน่กับลาเต้พิเศษหวานอย่างละแก้ว" เขาสั่งกับดาด้า
"ค่ะ"
มธุรดารับปาก แต่เธอกลับหันไปสั่งเพื่อนต่ออีกทีหนึ่ง พลางหยิบของในมือจากลูกค้าคนอื่นกำลังจะส่งเข้าไมโครเวฟ เห็นปวีนุชกับลายไม้ยังไม่เลิกจ้องตากัน
"ยายพายมาชงสิ ชงกาแฟให้คุณเขา หน้าที่ของแก" น้ำเสียงออกคำสั่ง
ปวีนุชเดินสะบัดตูดงอนเพื่อน ก็รู้ว่าวันนี้เธอมีหน้าที่ตรงเคาน์เตอร์ทำกาแฟนี้ แต่เธอไม่อยากชงให้เขา
“ไม่อยากขาย ไม่อยากทำก็ลาออกไป” เขาแขวะ เดินปรี่ย้ายเคาน์เตอร์ตรงเข้าไปหาเรื่องเธอเหมือนเดิม
ก๊องแก๊ง ๆ เธอทำเสียงดังให้ช้อนกระทบกับแก้วที่ชงแบบไม่พอใจ และทำอะไรให้เร็วขึ้น
"หายไปหลายวันเลยนะ คิดว่าจะหนีความผิดของตัวเองพ้นเหรอ" ลายไม้เอ่ยปากส่งเสียงยืนหาเรื่องอยู่ตรงนั้น
"หนีหน้าเหรอ...ใครบอกว่าฉันหนี ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันจะหนีคุณทำไม หื้อ...." เธอโต้กลับ มือก็ยังทำงานไปด้วย
"ถ้าไม่เอ่ยปากขอโทษฉัน เธอก็จ่ายค่ารักษาพยาบาลมาให้ฉันด้วย" เขาแบมือส่งตรงไปที่หน้าของเธอ เหมือนนิ้วยาว ๆ ของเขาจะทิ่มเข้าไปในลูกตา ปวีนุชสะดุ้งหลบแทบไม่ทัน
"ค่าอะไร" เธอแว้ดใส่เขาอีก
"อ้าว...ที่เธอกระทืบหลังเท้าจนระบม ใส่รองเท้าไม่ได้เป็นอาทิตย์ และฉันยังต้องไปให้คุณหมอเอกซเรย์เพราะกลัวว่ากระดูกร้าวนะสิ จ่ายมาสามพัน"
“หื้อ...ค่ารักษาอะไรตั้งสามพัน ฉันไม่จ่าย ชิ...สมน้ำหน้า" เธอจ้องตาตอบกับเขาแบบไม่ลดละเช่นกัน
"หื้อ...ยายเด็กนี่" เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันที่ทำอะไรเธอไม่ได้ มีเคาน์เตอร์กันอยู่
ปวีนุชกระแทกแก้วกาแฟตรงหน้าเขาเบา ๆ และยกหน้าขึ้นมองเขาแบบสายตาเดียวกัน
"เชิญไปจ่ายเงินที่หน้าแคชเชียร์ค่ะ" เธอผายมือ ทำหน้าตายียวนกลับ
เธอล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกงหยิบเงินธนบัตรใบร้อยขึ้นมาวางตรงหน้าเขา
"นี่ค่ายาหม่อง..."
"โอ๊ะ ๆ ชิชะ หน็อย ๆ..." เขาพยักหน้างึก ๆ อารมณ์เริ่มพุ่งปรี๊ดไม่พอใจที่เห็นแบงก์แดง ๆ ใบนั้น
"เอาคาปูชอิโน่สองแก้วค่ะ" มีเสียงผู้หญิงดังมาจากข้าง ๆ ของลายไม้ ทำให้ศึกฝีปากระหว่างเขาและเธอจบลงทันที
ปวีนุชสะบัดหน้าทำตากวน ๆ หันไปสนใจลูกค้าคนใหม่ แต่ก็ส่งสายตามมามองเขาแบบว่า
‘แกทำอะไรฉันไม่ได้หรอก’
ลายไม้รีบยกแก้วกาแฟของเขาขึ้น และหยิบเงินนั้นติดมือขึ้นมาด้วย
"เฮ้ย..." ปวีนุชทำเสียงเหมือนจะร้องห้าม แต่ก็ต้องหุบปากเงียบลงไป เพราะสายตาของลูกค้าคนใหม่จ้องมองคนทั้งคู่
'ค่ารถกลับคอนโดเย็นนี้เลยนะ ไม่น่าลืมกระเป๋าตังค์เลย' เธอบ่นกับตัวเอง นึกเสียดายไม่น่าให้เงินเขาไปเลย ก็ไม่คิดนี่ว่าเขาจะหยิบเงินไป
‘เงินแค่ร้อยเดียว’
‘แม่งขับรถหรูหรา แต่เห็นแก่เงินหนึ่งร้อย โอ้....พระวัดพุธ’ เธอคิดพลางมองค้อน เพราะเขาก็ยังหันมามองหน้าเธอแบบหาเรื่อง
“ชิ...” เธอทำเสียงเบา ๆ แล้วสะบัดหน้าไม่มอง หันมาสนใจชงกาแฟต่อ
'ค่อยยืมยายด้าก็ได้ โธ่เอ๊ย...' แต่ไม่วายยังทำหน้าเง้าตามหลังคนตัวโตที่ยืนต่อคิวจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์
ชายหนุ่มก็ทำท่ายียวนกลับมาให้เธอเช่นเดียวกัน ชูแบงก์ร้อยในมือ ปากก็ขยับ
“เรื่องนี้ยังไม่จบกันง่าย ๆ หรอกนะ”
เธอย่นจมูกใส่เขาเช่นกัน
‘ไว้ฉันค่อยไปสืบว่านายเป็นใครแล้วกัน’
‘แกจะไปสืบเรื่องของนายนั่นทำไม’
‘เอ่อ...จริง ปล่อยมันไป ชิ...หน้าตากวนตีน นิสัยก็กวน ปากหมาอีกต่างหาก ชาตินี้นายนั่นคงหาเมียไม่ได้ ฮา...’ นึกไปขำไปอยู่คนเดียว
เขาเดินออกไปอย่างช้า ๆ แต่เมื่อเห็นหน้าของเธอแล้วก็อดขำไม่ได้ ทำไมเขาต้องหาเรื่องทะเลาะกับเด็กผู้หญิงคนนั้น