ตอนที่ 3 หยดเทียนจะไปสมัครงาน

1749 คำ
“ตรู๊ด...ตรู๊ด...ตรู๊ด” เสียงรอสายของโทรศัพท์ที่วางอยู่บนพื้นเตียงดังขึ้นเป็นระยะหลังจากที่หยดเทียนตัดสินใจกดโทรออกไปเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน แล้วนั่งคอยคนที่อยู่ปลายสายรับอย่างจดจ่อใจจ่อ ยิ่งเสียงรอสายดังต่อเนื่องนานกันมากเท่าไหร่ความกังวลภายในใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปเท่านั้น [ฮัลโหลครับ บ้านสกุลวัฒนาครับ] “ฮะ ฮัลโหลครับ!” เสียงเอ่ยจากโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เบต้าสะดุ้งเฮือกตะลีตะลานหยิบมือถือขึ้นมาแนบหูอย่างตื่นเต้นหายใจไม่ทั่วท้อง [ไม่ทราบว่าคุณคือใครครับ] เขายื่นโทรศัพท์ออกให้ห่างจากปากก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ แล้วกระแอมกระไอให้เสียงโปร่งโล่งคอ หลังจากที่คิดว่าเตรียมตัวพร้อมแล้วจึงยกโทรศัพท์แนบหูอีกครั้ง “สวัสดีครับผมชื่อหยดเทียนนะครับไม่ทราบว่าคุณคือพ่อบ้านใช่หรือเปล่าครับ” [ใช่ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ] “พอดีผมได้เบอร์คุณพ่อบ้านมาจากป้าน้อยครับ คะ คือผมอยากสมัครงานเป็นคนสวนน่ะครับไม่ทราบว่ายังรับอยู่หรือเปล่าครับ” หลังจากที่สิ้นสุดคำถามที่ตนเอ่ยออกไปเมื่อครู่ ก็กลับมาเนื้อตัวแข็งเกร็งอยู่กับที่เช่นเดิมเพื่อรอคำตอบจากพ่อบ้านที่อยู่ปลายสาย [ขออภัยที่ต้องถามคำถามนี้นะครับ ไม่ทราบว่าอายุและเพศสภาพรองของคุณหยดเทียนคืออะไรหรือครับ] “ผมอายุ 24 ปี เพศรองเป็นเบต้าครับ” เขาตอบโดยไม่ลังเลเพราะรายละเอียดพรรคนี้เป็นเรื่องปกตินักที่มักจะเกิดขึ้นในการสมัครงาน ที่ผู้ว่าจ้างมีสิทธิรับรู้ถึงเพศสภาพหลักและเพศสภาพรองของผู้ที่ตนจะทำการว่าจ้างเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะตกลงจ้างหรือไม่ เพราะไม่ใช่ทุกเพศทุกวัยที่จะเหมาะสมไปเสียทุกงาน พ่อบ้านอ้ำอึ้งดูไม่แน่ใจในเรื่องบางอย่างอยู่แล้วจึงเอ่ยบอกให้คนที่อยู่อีกฝั่งของสาย [อืม...คุณหยดเทียนถือสายรอผมสักครู่นะครับ] “อ้ะ! ได้ครับ” เสียงดังตะกุกตะกักเกิดขึ้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนทุกอย่างก็เงียบลง ร่างเพรียววางโทรศัพท์ลงบนที่เดิมแล้วฟุบลงกับเตียงนิ่มเนื้อพลางถอนหายใจยาว ดวงตาขึ้นสีหมุดออกมาจากหมอนข้างแล้วทำหน้ามุดมุ่ย เพราะไม่รู้ว่าการที่พ่อบ้านเอ่ยเช่นนั้นเป็นการกล่าวปฏิเสธนัยๆ แล้วทิ้งสายไปให้เขารอเก้อจนตัดใจไปเองหรือเปล่า แต่แม้จะมีความคิดด้านลบทำให้ไม่มั่นใจ แต่หยดเทียนก็ตัดสินใจอย่างหนักแน่นถือสายรอเผื่อทุกอย่างอาจจะไม่เป็นดังที่เขาคิดก็ได้ “เงินจะหมดก่อนไหมเนี่ย เฮ้อ...น่าจะสมัครโทรฟรีไว้ก่อน” เสียงผ่อนลมหายใจก่อนพูดกับตัวเองแก้เบื่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีเสียงตอบรับกลับมา เสียงปลายสายเงียบลงได้ไปสักพักแล้วจนหยดเทียนเปลี่ยนท่านอนได้หลายท่า ลมหายใจถูกระบายยาวอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกไม่มั่นใจดังเดิม เขายกคอเงยหน้าดั่งเต่ามองโทรศัพท์อยู่เป็นระยะๆ เผื่อว่าปลายสายจะตอบกลับมาแต่ก็ช่างไร้วี่แวว [ยังอยู่ไหมครับ คุณหยดเทียนครับ?] ในที่สุดเสียงของพ่อบ้านก็กลับมาอีกครั้งหลังจากหายไปนาน ทำให้ร่างบางที่กำลังเคลิบเคลิ้มจะหลับแหล่มิหลับแหล่สะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นจากโทรศัพท์อีกครั้ง แล้วรีบรุดเด้งตัวลุกนั่งและหยิบโทรศัพท์มาแนบหูทันที “อยู่ครับ! ยังไม่หลับครับ!” เสียงหัวเราะดังจากคนที่อยู่ในสายดังขึ้นอย่างเอ็นดูก่อนจะกล่าวตอบ [ผมขอโทษด้วยครับที่หายไปนานพอดีมีธุระเข้ามา ส่วนเรื่องสมัครงานทางเรายังรับอยู่นะครับ คุณหยดเทียนสามารถนำเอกสารมาสมัครและสัมภาษณ์งานได้ทันทีเลยครับ] ดวงตาเบิกโพลงด้วยความจนเปลี่ยนจากนั่งท่ากบบนเตียงเปลี่ยนเป็นยืนบนเตียงแทน “จริงหรือครับ! ละ แล้วต้องไปสัมภาษณ์วันไหนครับ” [คุณหยดเทียนสะดวกมาวันนี้หรือเปล่าครับ] “สะดวกครับ! ไปตอนนี้ยังได้เลยครับ!” เสียงปลายสายหัวเราะในลำคออีกครั้งก่อนเอ่ยตอบ [เอาเป็นตอนบ่ายแล้วกันครับ] “ได้ครับ แล้วจะให้ผมไปเจอที่ไหนดีครับ” [สามารถเข้ามาที่บ้านสกุลวัฒนาได้เลยครับ ไม่ทราบว่าคุณหยดเทียนรู้จักที่อยู่หรือเปล่าครับ] “รู้จักครับ ผมได้รับมาจากป้าน้อยแล้วล่ะครับ” [ถ้าเช่นนั้นแล้วเจอกันนะครับ] “ครับ ขอบคุณครับ” สิ้นเสียงของหยดเทียนปลายสายก็ถูกตัดไป แล้วตามมาด้วยท่ากระโดดโลดเต้นดั่งลิงถือฉิ่งในมืออย่างดีใจจนไม่สามารถหุบยิ้มลงได้ ในที่สุดวันนี้ที่โชคเข้าข้างก็มาถึงคิวของตัวเอง ชะตาถึงค่อยหนุนเท้าให้เขาเขย่งเท้าคว้างานนี้มาอยู่ในกำมือจนได้ ซึ่งไม่ว่าจะมองดูจากมุมไหนก็ช่างเป็นงานที่เหมาะสมกับตัวเองยิ่งนักราวกับมีคนจัดสรรใส่ตะกร้ารอ ด้วยเพราะงานนี้ตนทั้งถนัดและมีความรู้เกี่ยวกับพืชพันธุ์ไม้เป็นอย่างดีพอสมควร เพราะแม้จะเห็นเป็นเด็กหัวแก่นเช่นนี้แต่ในอดีตหยดเทียนก็เป็นถึงนิสิตระดับหัวกะทิของคณะเกษตรศาสตร์ที่อยู่อันดับต้นๆ ของคณะ แม้หลังจากนั้นจะเรียนไม่จบครบตามหลักสูตรเนื่องด้วยเหตุผลทางการเงิน แต่กระนั้นเขากลับรู้จักพืชพันธุ์ดอกไม้แทบจะทุกชนิด และเพราะด้วยความชอบเรื่องพวกนี้มากทำให้หยดเทียนเริ่มค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับพืชและดอกไม้อยู่เสมอ แม้ว่าตนจะลาออกจากมหาลัยแล้วก็ตาม มือเรียวสีผึ้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูเวลา นาฬิกาบอกเวลา 10.05 น. ซึ่งหมายความว่าเขาเหลือเวลาสองชั่วโมงในการแต่งตัวและซ้อมสัมภาษณ์ก่อนจะลงสนามจริง หยดเทียนนั่งขัดสมาธิเสาะหาข้อมูลสำหรับการสัมภาษณ์งานในอินเทอร์เน็ตจนกระทั่งอีกหนึ่งชั่วโมงถัดมาเขาจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำและแต่งตัว ผ่านมาราวครึ่งชั่วโมงแล้วที่ร่างสันทัดยืนเม้มปากย่างกระวนกระวายอยู่ริมรั้วหน้าบ้านสกุลวัฒนาจนขาเหน็บชา เพื่อรอให้เข็มนาฬิกาเดินเข้าใกล้เวลานัดอีกสักสิบนาทีตนจึงจะเดินเข้าไป แต่ด้วยความกังวลใจที่เกรงว่าตนจะมาไม่ทันเวลาหรืออาจจะเกิดเหตุการณ์สุดวิสัยขึ้นระหว่างเดินทางมาที่นี่แล้วกลัวว่าจะทำให้ที่เจ้านายว่ารอนานแล้วตัดสินใจยกเลิกงานสัมภาษณ์นี้ไป เขาจะซวยเอา สายตากลมใสปลายเรียวลอบมองดูเวลาจากโทรศัพท์เป็นระยะๆ จนกระทั่งในที่สุดนาฬิกาก็เคลื่อนมาถึงเวลาอันเหมาะสม หยดเทียนรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปกดกริ่งที่ติดตั้งไว้ที่หน้าประตูใหญ่ และในเวลาไม่นานก็มีรปภ.วิ่งออกมาเปิดประตูให้ “อ้าวหนุ่ม มาทำอะไรที่นี่” ลุงศักดิ์ผู้ทำหน้าที่ยามรักษาหน้าประตูเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นคนที่คุ้นเคยกัน หยดเทียนยิ้มปริ่มก่อนตอบ “สวัสดีครับลุง ผมมาสมัครงานครับ” “คนที่พ่อบ้านบอกว่าจะมาคือเอ็งนี่เอง มาๆ เข้ามาๆ” สองขาก้าวเดินเข้ามาภายในรั้วบ้านพร้อมกับลุงศักดิ์ที่เดินไปปิดประตู "ฮู้ว..." เสียงอุทานเบาอธิบายภาพตระการตาสุดหรูหราที่ปรากฏตรงหน้าและสะท้อนเข้าม่านตาอย่างเต็มตาไม่มัวเบลอ เบต้าตกตะลึงถึงความวิจิตรดั่งตนกำลังยืนอยู่ในฉากหนึ่งของละครแลขนลุกในความอลังการของบ้านหลังนี้ สิ่งก่อสร้างน้อยใหญ่ที่ตั้งวางไว้รอบๆ อาคารล้วนแต่ถูกคาดการและคำนวณองศาไว้เป็นอย่างดีและลงตัวราวกับไม่มีจริง หยดเทียนเหม่อมองตาลอยอย่างไม่สนใจสิ่งเร้ารอบข้างไปชั่วขณะกระทั่งโดนลุงศักดิ์สะกิดเข้าที่แผ่นหลังจึงหลุดจากภวังค์ ในระหว่างที่เดินตามหลังผู้นำทางอย่างลุงศักดิ์มา หยดเทียนก็ไม่วายจะหันหน้าไปมามองดูสิ่งต่างๆ ที่เดินผ่านด้วยความตื่นตา ทั้งสองเดินลัดเลาะผ่านสวนหน้าบ้านที่ในอนาคตอันใกล้จะอยู่ในความรับผิดชอบของตน และสระน้ำสีฟ้าใสที่ทอประกายระยิบระยับยามแสงตะวันตกกระทบซึ่งไม่ต่างไปจากแววตาของเบต้าที่แพรวพราวทุกเมื่อ เพราะไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ล้วนมีแต่สิ่งที่น่าสนใจทั้งนั้น ราวกับว่าตอนนี้ตนกำลังมาทัศนศึกษาที่บ้านสกุลวัฒนาหาใช่มาสัมภาษณ์งานไม่ เดินไปไม่ไกลจากสระน้ำมากนัก ลุงศักดิ์ก็เอ่ยบอกให้ร่างที่เดินตามหลังมานั่งรอพ่อบ้านอยู่บนโต๊ะหินอ่อนพร้อมกับชี้ไม่ชี้มือไปยังเป้าหมาย หยดเทียนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจพลางกล่าวขอบคุณรปภ. ก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้ายกัน สองขาขยับออกจากแผ่นกระเบื้องหินหลังจากที่ลุงศักดิ์เดินกลับไปทำงาน และปล่อยให้เบต้าผู้อยากรู้อยากเห็นได้โอกาสสำรวจสิ่งของที่อยู่รอบๆ กาย ว่าแล้วดวงตาที่เปล่งประกายก็กวาดดูวัตถุและสิ่งก่อสร้างที่ตั้งอยู่รอบๆ อย่างสนใจ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน มันก็ช่างสะดุดตุ่มตาของเบต้านัก และมันก็จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเรือนศาลาหลังใหญ่ที่เป็นเสมือนใจกลางของสวนด้านหน้า รอบข้างศาลาถูกห้อมล้อมไปด้วยดอกไม้และตกแต่งด้วยต้นดอกกันเกราสูงใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมไปทั่วหลังคาและบริเวณที่ใกล้เคียง ซึ่งให้ความร่มรื่นเป็นอย่างดี เมื่อเดินดูจนสมใจอยากแล้วร่างเพรียวจึงหย่อนกายลงบนพื้นม้านั่งลายหินขาวที่ตั้งอยู่ข้างๆ ตัวศาลา เพียงเวลาไม่นานนับแต่นั้นสายลมอ่อนก็หยิบหอบเอาความเย็นชื่นเข้าปะทะกายคล้ายอยากมาทักทายเจ้าเบต้าผู้ร่างน้อย ไอหอมอ่อนอันมีเจ้าดอกกันเกราเป็นที่มาพัดโชยกลิ่นลงมาแต้มจมูกเล็ก ทำให้บรรยากาศช่างผ่อนคลายอยากนอนพักกายนักและเยียวยาจิตใจนัก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม