8 เธอหลอกกัน

1479 คำ
8 เธอหลอกกัน @ ปารัณ “สรุปเรื่องมึงกับผิงนี่จะเอาไงกันแน่วะ” “ไม่เอาไง” “ไอ้ไพนต์” ต้าหน้าตาเครียดเคร่ง “มึงสองคนอยากทำอะไรยังไงกัน กูคงจะชี้นำไม่ได้ แต่คิดดีๆ นะมึง วันหนึ่งมีปัญหาขึ้นมามันจะมองหน้ากันไม่ติด มีแต่เสียกับเสียนะเว้ย เสียเพื่อน เสียความรู้สึกดีๆ” ผมนึกถึงเรื่องที่คุยกับไอ้ต้าเมื่อบ่ายขึ้นมา แค่คิดขำๆ จะมีเรื่องอะไรทำให้ผมกับผิงผิดใจกันถึงขั้นไม่มองหน้ากันได้ แค่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ผมคิดถึงแต่หน้าเธอจนไม่เป็นอันทำงานทำการแล้ว ผงเพิ่งออกเวรมา เวรดึกคืนสุดท้ายก่อนจะเข้ากะเช้า ส่วนผิงหยุดก่อนเข้าเวรดึก วันนี้ผมตั้งใจจะใช้เวลากับเธอทั้งวัน แม้ร่างกายจะล้าแต่อารมณ์ผมดีเป็นพิเศษ ผิวปากเป็นทำนองเพลงที่ชอบตอนขับรถเข้ามาจอดใต้ตึกห้องพัก “ไพนต์...” กำลังจะขึ้นห้องก็ต้องชะงัก ตองก้าวออกมายืนขวางหน้าไว้ “ไพนต์...” โดยไม่พูดอะไรมากกว่านั้น เธอน้ำตาร่วงพรู โผเข้ามากอดผม ร้องไห้สะอึกสะอื้น ผมพยายามอย่างยิ่งยวดให้ตัวเองไม่ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย แกะมือเพื่อดันตัวเธอออกห่าง อีกไม่กี่นาทีหกโมงเช้า ผมไม่อยากให้ใครต่อใครลงมาเห็น จึงดึงเธอเดินไปนั่งตรงม้านั่งในสวนข้างๆ “มีเรื่องอะไร” ตองเงยหน้าเปียกน้ำตามองผม สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แบบที่ทำให้ผมอึดใจมากกว่า “ไพนต์ไม่อ่านไลน์ที่ตองส่งมาเลย วันนี้ตองเลยบากหน้ามาหาที่นี่” “เข้าเรื่องเถอะ” ผมไม่อยากยืดเยื้อ ที่ไม่ตอบรับการติดต่อ เธอน่าจะรู้คำตอบแล้วว่าเพราะอะไร “ไพนต์” เธอเช็ดน้ำตาลวกๆ ผมต้องเมินไปมองต้นไม้ใบหญ้าแทน ตอนยังคบกัน ตองมักจะใช้ไม้นี้อ้อนผมประจำเวลาเธอทำให้ผมโกรธ หรืออยากให้ผมง้อ “ตองอยากขอโทษ ขอโทษที่ทำให้เราต้องเลิกกัน...” ผมพยักหน้ารับส่งๆ ออกจะตลกอยู่ นึกถึงเรื่องเล่าขำๆ ที่เคยได้ยิน เวลาอยากบอกเลิกก็บอกอีกฝ่ายดีเกินไป “ไพนต์คงคิดว่าตองเป็นผู้หญิงไม่ดีใช่ไหม... ตองยอมรับ แต่ไพนต์คงไม่รู้หรอกว่า ตองเหงาแค่ไหนตอนเราห่างกัน มีไพนต์เป็นแฟนก็เหมือนไม่มี รู้ไหม ตองอิจฉาผิงมาก อิจฉาที่เธอได้อยู่ใกล้ไพนต์ตลอดเวลา เรียนด้วยกัน กินด้วยกัน ไปไหนไปกัน ขณะที่ตองต้องมองห่างๆ ต้องรอให้ไพนต์มีเวลาว่าง เราถึงได้เจอกัน อึก...” เรื่องนี้ผมยอมรับว่าไม่มีเวลาให้เธอจริงๆ เลยอดจะเห็นใจเธอไม่ได้ “พอไพนต์มาที่นี่ตองดีใจมากเลยนะ อยากมาเจอกันทุกวัน แต่... ตองทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะผิง ผิง...” “เธอจะพูดอะไรกันแน่” ได้ยินชื่อผิง ใจผมกระตุกวาบ จ้องหน้าตองเขม็ง “ไพนต์... ผิงให้พี่กายมาหลอกจีบตอง เพื่อแยกตองออกจากไพนต์ เพื่อให้เราเลิกกัน” “ผิงจะทำแบบนั้นทำไม” “เขาโกรธตอง โกรธที่แฟนเค้าเคยมาชอบตองแต่ตองไม่เล่นด้วยนะ ถ้าไพนต์ไม่เชื่อ ตองมีหลักฐาน...” ผมจำเสียงผิงได้ เสียงพูดคุยของผิงกับผู้ชายชื่อกายมันทำให้ผมหัวสมองมึนตื้อไปหมด ใจหวิวโหวง อธิบายความรู้สึกตอนนี้ไม่ถูก “ไม่รู้ไพน์รู้ไหม ผิงคอยหาโอกาสเอาคืนตองมาตลอด เธอคอยดูแลใส่ใจไพนต์ อยากทำให้ไพนต์รักเธอเพราะอยากแก้แค้น ตองส่งคลิปให้ไพนต์ แต่ไพนต์ไม่ยอมอ่านไลน์ ตองไม่อยากให้ไพนต์ถูกหลอกอีกคน” เสียงตองแว่วๆ สมองผม เบลอ แบลงก์ จนเธอยื่นมือมาจับมือผมไว้ บีบกระชับเบาๆ “ตองไม่อยากจะเชื่อว่าผิงจะร้ายกาจแบบนี้ ที่ไพนต์เห็นคืนนั้น ที่ตองพูดกับไพนต์แบบนั้น เพราะพวกเขาบีบตอง พอพี่กายจีบตองไม่ติด เขาก็หาวิธีมาบีบบังคับตองสารพัด เขาจะบีบตองออกจากงาน ขู่จะร่อนจดหมายส่งไปบริษัทต่างๆ ไม่ให้ตองหางานทำได้ แล้วยัง... ยังขู่จะทำให้ไพนต์ไม่ผ่านฝึกงานอีก ฮือๆ” ทุกคำที่ตองว่ามาผิดกับท่าทางเธอที่ผมเห็นคืนนั้นสิ้นเชิง “เขาว่า อาจารย์หมอที่ดูแลไพนต์เป็นเพื่อนกับพ่อเขา ถ้าตองไม่ยอมเขา เขาจะทำร้ายไพนต์ ตองไม่มีทางเลือกจริงๆ ไพนต์ ฮือ... ไพนต์จะโกรธเกลียดตองก็ไม่ผิดหรอก แต่วันนี้ตองเจ็บมากเลย พอพวกเขาได้สิ่งที่ต้องการก็เฉดหัวตอง ทำกับตองแสบสันมาก ไพนต์คงไม่ใจร้ายผลักไสตองอีกใช่ไหม ตองไม่ได้จะขอให้เราคืนดีกัน แค่อยากให้เราเป็นเพื่อนกัน...” เรื่องที่ตองพูดมาจริงเท็จแค่ไหนผมไม่รู้ คำพูดของผิงในคลิปสั่นคลอนความเชื่อมั่นของผมไปไม่น้อย แต่สำหรับตอง ผมตัดสินใจแล้วไม่เปลี่ยนใจจึงบีบมือเธอกลับ ก่อนจะดึงมือออกแล้วลุกขึ้น “เรื่องของเรามันจบแล้ว ไม่ว่าเธอมีคนใหม่เพราะเหตุผลอะไร แต่ที่เธอเอากับมันเป็นเรื่องจริงตอง ฉันไม่อยากข้องเกี่ยวกับเธออีก แม้จะในฐานะเพื่อนก็ตาม” ก่อนเรื่องเกิด เธอควรปรึกษาผมที่เป็นแฟนหากคิดจะร่วมสร้างครอบครัวกันจริง เธอกลับไม่ทำ “ไพนต์!” ผมไม่อยู่ให้ตองคร่ำครวญใส่อีก เดินหนีขึ้นตึกทันที สภาพผมตอนนี้ก็ยังจัดระเบียบความคิดและความรู้สึกไม่ทัน ในหัวสมองมันมีแต่ประโยคคำถาม ผิงทำแบบนั้นทำไม เห็นผมเป็นตัวอะไรกันแน่ เธอหวังดีกับผมหรือเห็นผมเป็นแค่ไอ้ควายโง่ให้เธอสนตะพาย! “กลับมาแล้วเหรอ” ไม่ว่าสับสนอึงอลในใจแค่ไหน ผมก็เลือกเข้าไปในห้องของผิง ทันทีที่ประตูเปิด เธอโผล่หน้าออกมาจากครัวเล็กๆ ส่งยิ้มน่ารักมาให้ “อืม...” “หน้าตาเนือยๆ เมื่อคืนหนักเหรอ” เธอออกมาพร้อมขวดน้ำ พอผมนั่งลงบนโซฟานั่งเล่น เธอเข้ามายืนข้างหลัง บีบนวดต้นคอให้อย่างที่เคยทำประจำ “ทำไมเธอตื่นเช้า” ผมไม่รู้ว่าสีหน้าตัวเองเป็นแบบไหน แต่ผิงปกติมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นธรรมชาติ ผมจับแขนเธอไว้ ดึงให้เดินอ้อมมาตรงหน้า รั้งให้นั่งบนตัก จับแขนทั้งสองขึ้นโอบคอผมไว้ จดจ้องสีหน้าผ่องใสกับรอยยิ้มพิมพ์ใจ ยิ้มที่ทำให้ผมสบายใจและรู้สึกดี วันนี้ ผมกลับหวาดระแวง! “ปกติฉันก็ตื่นเช้านะ” “จริงเหรอ ปกติถ้าไม่ได้เข้าเวร ตะวันแยงก้นเธอยังไม่ตื่นเลย” ผมจุ๊บปากจิ้มลิ้มติดๆ กัน ผิงหัวเราะตาเป็นประกาย เบี่ยงหลบไปซุกหน้ากับบ่าผมแทน “กินอะไรไหม ฉันทำข้าวต้มหมูเพิ่งเสร็จพอดี” “ผิง” “หืม...” “รู้ใช่ไหมว่าฉันเกลียดคนโกหก หลอกลวง” “อะไรของนายเนี่ย” ผมรู้สึกว่าผิงชะงักไป เธอไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน ผมลูบผมนุ่มลื่นมือของเธอเบาๆ “เธอมีอะไรจะสารภาพกับฉันหรือเปล่าล่ะ โกหกอะไรฉันไว้มั่ง” “โหย... ทำเสียงจริงจังมาก...” เธอยอมยืดตัวขึ้นนั่ง มองหน้าผมด้วยสีหน้าสลดแบบที่ดูก็รู้ว่าแกล้งทำ “สารภาพก็ได้...” ผมเลิกคิ้ว ความลึกซึ้งในดวงตาเธอเรื่องจริงหรือลวงหลอก “ฉัน ฉัน...ไม่ได้ทำข้าวต้มหมูเองหรอก นายก็รู้ฉันมันแม่บ้านอาหารถุง เลยซื้อมาเมื่อวาน นี่ก็แค่เอาออกมาอุ่นเผื่อนายกลับมาแล้วหิว พอใจยัง” “เธอนี่” ผิงยิ้มแป้น โอบคอผม ลูบไล้ท้ายทอยอย่างเอาใจ “หิวไหม” ขณะที่ผมกระตุกยิ้มหยัน หลุบหลบสายตาจากหน้าผ่อง ผมเคยคิดว่ารู้จักผู้หญิงคนนี้ แต่ความจริงแล้ว ผมรู้จักเธอแค่ผิวเผินเท่านั้นเอง ในเมื่อเธออยากเล่นสนุกกับความรู้สึกคนอื่นนัก ผมจะเล่นกับเธอด้วยก็ได้ “หิว...” ผมตวัดสายตาสบตาเธออีกครั้ง ยื่นหน้าเข้าไปจูบคลอเคลียแก้มใส “หิวเธอ” “ไพนต์!” อยากรู้เหมือนกัน เธอจะทนเสแสร้งแกล้งทำหน้าซื่อตาใสได้นานแค่ไหนกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม