3 เล่นจนเป็นเรื่อง

1370 คำ
3 เล่นจนเป็นเรื่อง ฉันเองก็เพลียอยากนอนเหมือนกัน ถึงนาทีนี้จะเกร็งไปหมดทั้งตัว ไม่กล้าหายใจแรง นอนนิ่งรอ จนได้ยินเสียงลมหายใจของไพนต์สม่ำเสมอ เขาหลับแล้ว ฉันค่อยผ่อนคลายขึ้น ยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มบนหัวเขาเบาๆ ฉันปากร้ายใส่ไพนต์ไปแบบนั้นเอง ในใจห่วงเขาไม่น้อย เขาเสียใจแต่ก็แค่วันนี้พรุ่งนี้ ดีแล้วที่รู้เช่นเห็นนิสัยของตอง ขืนไปรู้ตอนแต่งงานกันแล้ว ชีวิตของไพนต์คงหาความสุขไม่ได้ และอาจจะเจ็บมากกว่าวันนี้หลายเท่าตัว “นายโชคดีแล้ว” ฉวยโอกาสเล่นหัวไพนต์พลางคิดเรื่อยเปื่อย เวลาปกติ อย่าได้คิดว่าพ่อเจ้าประคุณจะยอมให้ใครเล่นหัวง่ายๆ ฉันคิดครึ้มอย่างสาแก่ใจ เล่นหัวเขาเล่นไปเล่นมาชักทนความง่วงไม่ไหว ผล็อยหลับไปแบบไม่รู้ตัว ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ไพนต์ไม่ได้ซุกหัวหนุนท้องของฉันแล้ว เขานอนหงาย สองมือสอดรองใต้ศีรษะ ทอดสายตามองเพดานห้องนิ่งเงียบ ฉันขยับตัวนั่นแหละ เขาถึงหันมามอง “ตื่นแล้วเหรอ” “ฮื่อ นายล่ะ สร่างแล้วดิ” ฉันปิดปากหาวหวอด อดเหลือบมองนาฬิกาไม่ได้ เข็มสั้นของมันเลยเลขสิบไปแล้ว “หือ... จะสิบเอ็ดโมงแล้วเหรอ ทำไมรู้สึกเหมือนนอนไปนิดเดียวเอง” “เธอขี้เซาน่ะสิ” ไพนต์เคาะหน้าผากฉัน เผยรอยยิ้มบางเบา “ทำไมเธอนอนห้องฉัน” “อ้าว ใครล่ะที่ดึงฉันมานอนด้วย” จะลุกกลับห้องก็ทำไม่ได้ ขยับตัวทีไรถูกยึดไว้ทุกครั้ง “เมาไม่รู้เรื่องเลย นี่ถ้าปล้ำฉันจะจำได้ไหม” “ฉันเนี่ยนะ” “เออสิ ใครจะรู้ เผื่อหน้ามืดขึ้นมา” ฉันยันตัวลุกขึ้นนั่ง หาวอีกครั้ง คิดว่าจะขอตัวกลับห้อง ห้องฉันอยู่ตรงข้ามห้องเขานี่เอง ไพนต์กลับยันตัวลุกขึ้นนั่ง พอฉันหันไปมอง เขาก้มมาใกล้มากทำเอาฉันเกือบผงะ ตาเขาสาดมายิ้มๆ ไม่ต่างจากริมฝีปาก ทำเอาใจฉันสะดุดจังหวะ “อะ อะไร...” “ฉันไม่ปล้ำผู้หญิงตอนเมาหรอก ชอบทำแบบมีสติมากกว่า มันกว่าเยอะ” ไม่แค่พูด ยังพันนิ้วกับผมฉันเล่นอีกต่างหาก “ไม่ต้องมาล้อเล่นกับฉัน เสียใจจนเพี้ยนรึไง” “ใครว่าล้อเล่น” เสียงเขาพร่าลึก ตาวาววามวับไหว ฉันยิ้มเย้ยเยาะให้ ตบอกกว้างไปสองสามครั้ง เลื่อนมือขึ้นไปเขี่ยติ่งหูเขาเล่น แน่นอนว่า ในอาการยั่วหยอกท้าทาย “ฤาษีชีไพรอย่างนายจะละศีลละเจมากินเนื้อแล้วเหรอ จริงดิ” พูดไปก็ไล้มือกับลำคอหนา ช้อนสายตาสบตาคม ยั่วยวน... หรือจะเรียกว่ายั่วโมโหก็ได้มั้ง ฉันไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยน่ารัก ตอนนี้นึกอยากแกล้งไพนต์เล่น ตั้งแต่หมอนี่คบกับตอง ฉันไม่เคยเห็นเขายุ่งกับสาวคนไหนเลย ไพนต์เลิกคิ้วข้างหนึ่ง ยิ้มจุดตรงมุมปาก ยิ้มที่ไม่ส่งไปถึงแววตาเคร่งขรึม “อย่าเล่น ถ้าไม่อยากถูกฉันจับกิน ไอ้นั่นเวลามันขึ้น มันไม่มีตาดูว่าเพื่อนหรือไม่ใช่เพื่อนหรอกนะ” ฉันควรโกรธ เห็นเขาพูดเล่นได้แบบนี้ก็เบาใจ ขยับตัวเข้าไปใกล้ชิดกายหนา จงใจเบียดหน้าอกกับแขนใหญ่ ลอยหน้าลอยตาท้าทาย เลื่อนมือมาแตะปากเขา ลูบไล้แผ่วเบา “กล้าเหรอ” “เล่นกับไฟ ไฟมันจะไหม้มือนะผิง” “เผอิญเป็นชอบเล่นซะด้วยดิ ทำไงดี...” ยักคิ้วใส่ตาคมอย่างกวนๆ “เธอนี่มัน” ไพนต์เข่นเขี้ยวใส่ ฉันหัวเราะเสียงใสที่แกล้งให้เขาแยกเขี้ยวได้ก็ผละออกห่าง แต่ไหงกลายเป็นตัวฉันหงายหลังลงบนเตียง โดยมีกายหนาคร่อมทับอยู่ข้างบน ฉันมองเขาตาปริบๆ หัวใจเต้นรัวขึ้น “อะไร...” ไพนต์ไม่ตอบ กดลำตัวท่อนล่างลงมาจนหน้าขาแนบสนิทกับขาฉัน สัดส่วนขึงขวางเป็นลอนลำเบียดกับเนินเนื้ออ่อนไหว ใจฉันไหววาบ ส่วนเขากระตุกยิ้มร้าย “แกล้งยั่วขนาดนี้แล้วคิดจะหนีง่ายๆ อย่างนั้นเหรอผิง” “ก็รู้ว่าแกล้ง นายจะจริงจังทำไมเล่า” ฉันหัวเราะแห้งๆ ตีแขนเขาเบาๆ ไปสองที แต่ไพนต์ไม่มีทีท่าจะผละออกห่าง “ไพนต์...” เขาขยับเอว บดเบียดไอความร้อนกับส่วนนั้นของฉัน บางสิ่งบางอย่างหวามไหวกระตุกหัวใจให้เต้นแรง ฉันโตพอรู้ดีว่า เจ้าสิ่งนั้นคืออะไร ตีบ่าเขาไปอีก “เลิกเล่นได้แล้วน่า ไม่งั้นฉันจะเอาจริงนะ” ชายหญิงใกล้ชิดกันแบบนี้ ร่างกายเกิดปฏิกิริยาเคมีต่อกันก็ไม่แปลกหรอก ถึงเราจะเป็นเพื่อนกันก็เถอะ ไพนต์กลับเลิกคิ้ว ก้มหน้าลงต่ำ ลมหายใจอุ่นๆ รินรดจมูกและปากของฉันอย่างอันตราย ก่อนหลุบตาจับจ้องปากฉัน “งั้นเอาเลย” @ ปารัณ ผมกำลังเห็นแก่ตัว ขาดความยับยั้งชั่งใจ ทั้งที่รู้ว่าผิงแกล้งยั่วเล่นตามนิสัยสนุกสนานของเธอ ผมกลับฉกฉวยโอกาสอย่างหน้าด้านๆ ตอนตื่นขึ้นมา ผมกลับไปคิดเรื่องตองอีก สามปีกว่ากับการเป็นแฟนกัน จบสิ้นในคืนเดียว ตลกดี ถามตัวเองว่ารักเธอมากขนาดไหนก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ผมเจ็บนะ แต่ไม่รู้จะฟูมฟายให้ได้อะไร เจ็บใจที่ความซื่อสัตย์ถูกตอบแทนด้วยการสวมเขา นึกถึงภาพเธอเริงรักกับผู้ชายคนนั้นโดยไม่แคร์สถานที่ ยิ่งหงุดหงิด โมโห อยากจะระบายกับใครสักคน ตอนนี้ผมไม่จำเป็นต้องรักษาน้ำใจผู้หญิงคนนั้นแล้ว จะเอากับใครก็ได้ ผมกำลังทำตัวประชดประชันผู้หญิงคนหนึ่ง โดยใช้ผู้หญิงอีกคน ผมเห็นแก่ตัว หน้าด้าน ปล่อยตัวเองตามน้ำตามอารมณ์ ทั้งๆ ที่ผิงเป็นเพื่อน ถึงเธอมีแฟนมาแล้วหลายคน คุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ดีก็ตาม ปากผิงนุ่มมาก ผมบดเบียดดูดดึงครั้งแล้วครั้งเล่า ชิมความนุ่มนวลภายนอก สอดลิ้นเข้าไปข้างใน เกี่ยวกระหวัดทักทายลิ้นนุ่มที่ช่างหอมหวาน... “อื้อ” ผิงหยิกบ่าผมแรง ตัวเธอเกร็งแข็ง ก่อนจะจูบตอบเมื่อถูกผมรุกเร้าเอาความ ดูดดื่มกลืนกินจนลมหายใจของผิงหอบแรง ตัวอ่อนระทวยยามที่ผมผละปากออก จูบตอดไปตามแนวคาง พวงแก้ม ดูดขบใบหู ก่อนจะซุกหน้าเข้าไซ้ซอกคอขาว ผมเลื่อนมือลูบคลึงไปทั่วโค้งสีข้างละมุน บั้นเอวบาง สอดมือเข้าบีบขยำกำเคล้นบั้นท้ายหนั่นแน่น “ไพนต์” เสียงผิงสั่น สองมือขยุ้มกำลำไหล่ผมแน่น สะดุ้งเฮือกเมื่อผมดูดเม้มแอ่งชีพจร ไซ้ซุกคลุกเคล้าหน้าลงมาที่เนินอก สัมผัสความหยุ่นนุ่ม อวบใหญ่ เรายังอยู่ในชุดเมื่อคืน กลิ่นน้ำหอม กลิ่นเหงื่อและกลิ่นที่ติดมาจากผับ ผสมผสานเร้าอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก ความเป็นชายดีดดันกางเกง เหยียดขยายจนปวดหนึบ ผมอ้าอมยอดอกข้างหนึ่ง ใช้ฟันกัดเกลี่ยผ่านเสื้อเชิ้ตสีอ่อน มืออีกข้างลูบไล้กอบกำตูมเนื้อยอดอก บีบกำเคล้าคลึงเบาๆ สัมผัสได้ถึงกรวยผ้าแบบบางไร้โครง บอกได้ว่า ความอวบใหญ่ในมือและปากคือของจริงหาได้ใหญ่เพราะส่วนเสริมใดๆ ผมย้ายไปดูดกลืนอีกข้าง ผิงสะท้าน ครางเบาๆ ผมเลื่อนขึ้นไปจูบคางเธอ เราสบตากัน ตาผิงเยิ้มฝัน ลมหายใจระรัวบ่งบอกอารมณ์ที่ถูกจุดขึ้น “ฉันกำลังทำตัวเป็นผู้ชายเหี้ยๆ เอาเปรียบเธอหน้าด้านๆ ห้ามฉันหน่อยสิผิง” สามัญสำนึก ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีตีตื้นขึ้น แต่ร่างกายของเพื่อนก็ยั่วกำหนัดจนไม่อยากหยุด ผิงมองผมนิ่ง จ้องตาสบตา แต่เหมือนทิ่มทะลวงลึกเข้าถึงหัวใจ “ช่างเถอะ มันก็แค่...เซ็กซ์”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม