"ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ หมอพยายามช่วยอย่างถึงที่สุดแล้ว..แต่ช่วยเด็กในท้องไว้ไม่ได้ครับ"
คุณหมอเจ้าของไข้บอกกล่าวแดนดินด้วยน้ำเสียงช้าเนิบ ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นของคุณหมอฉายแววความเห็นใจอยู่เต็มเปี่ยม แต่ก็ใช่ว่าจะเจอเคสแบบนี้เป็นรายแรก คุณหมอย่อมมองว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นทุกวันในโรงพยาบาลแห่งนี้ ทำได้เพียงให้กำลังใจคนไข้และรักษาไปตามหน้าที่ที่หมอคนหนึ่งจะช่วยได้เพียงเท่านั้น
"ท้อง!"
แดนดินชะงัก อึ้งกับสิ่งที่ได้ยินจากปากคุณหมอในขณะที่ฉันชนิตยังคงนอนหลับสนิทด้วยความอ่อนเพลีย ใบหน้าของเธอซีดเซียวมองดูแล้วยิ่งน่าเวทนาสงสารเข้าไปอีก เขาเป็นคนมีเลือดเนื้อหัวใจยังรู้สึกเจ็บปวดแทนขนาดนี้ ทำไมคนที่ใจร้ายทำกับเธอได้ลงคอ เขาอยากรู้นักว่ายังมีหัวใจอยู่มั้ย?
"ครับ คนไข้เหมือนจะมีอาการอ่อนเพลียอยู่แล้วก่อนหน้านั้น ตอนนี้หมออยากให้เธอได้พักผ่อนเพื่อพักฟื้นร่างกายก่อนนะครับ ที่เหลือก็ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงแล้ว งั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ"
"ครับ"
หมอพูดเสร็จก็เดินออกไป แดนดินลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆฉันชนิตที่ยังคงหลับสนิท ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมารับรู้เรื่องราวเหล่านี้เธอจะรู้สึกอย่างไร เขาอยากจะปลอบโยนเธอมากกว่านี้ แต่ เขาเป็นเพียงแค่คนที่รู้จักที่ไม่เป็นแม้แต่เพื่อนของเธอ คงไม่สามารถจะช่วยเหลืออะไรได้มาก
ทำได้เพียงแค่รู้สึกสงสารในฐานะมนุษย์ด้วยกันก็เพียงพอแล้ว แดนดินยังคงนั่งเฝ้าเธออยู่เพราะเขารู้ดีว่าฉันชนิตนั้นไม่มีใครเลย
รุ่งอรุณของวันใหม่
"คุณแดน"
เสียงแหบพร่าของฉันชนิตเรียกชายหนุ่มที่นั่งหลับอยู่ให้ตื่นขึ้นมา แดนดินยิ้มอย่างดีใจที่เธอตื่นขึ้นมามีใบหน้าที่สดใสจากเมื่อวานมาก
"คุณนิตตื่นแล้วเหรอครับ?"
"นิตเป็นอะไรไปคะ แล้วมาอยู่โรงพยาบาลได้อย่างไร?"
ถามพรางกวาดสายตาไปรอบๆอย่างสับสนเพราะจำเหตุการณ์ของเมื่อวานได้ไม่หมด
"คุณนิตเป็นลมไปครับ แล้วก็.."
แดนดินลำบากใจที่จะเอ่ยออกมา แต่อย่างไรเสียก็ต้องบอกเธออยู่ดี
"อะไรอีกคะ?"
"คุณนิตแท้งลูก!"
"ห้ะ! นิตแท้ง...."
หญิงสาวตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ มือสั่นพร่าของเธอลูบท้องของตัวเองเบาๆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ เพียงแต่เธอตั้งใจจะบอกกับธันว์วันที่ได้พบเจอกับเขา แต่ว่า ตอนนี้ไม่ทันแล้วแต่ถึงจะทัน คนอย่างธันว์ก็คงไม่เอาอนาคตมาแลกกับเด็กคนนี้อย่างแน่นอน
น้ำตาแห่งความเจ็บปวดทรมานก็เริ่มไหลหลั่งรินลงมาอีกครั้งอย่างห้ามไว้ไม่ได้ ฉันชนิตรู้ดีว่าที่ผ่านมาเธอโง่ ปิดหูปิดตาไม่ฟังใคร ตาบอดจนมองไม่เห็นความเป็นจริง
"จะให้ผมบอกบอสให้มั้ยครับ?"
"อย่าเลยค่ะ ระหว่างนิตกับเขาไม่มีอะไรที่ต้องพูดคุยกันอีกแล้ว บทเรียนครั้งนี้ที่นิตได้รับมันสาหัสเหลือเกินค่ะคุณแดน คุณกลับไปเถอะค่ะ นิตขอบคุณสำหรับทุกอย่างนิตอยากอยู่คนเดียวค่ะ"
ฉันชนิตบอกเขาด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา แดนดินอยากจะซับน้ำตาให้เธอนักแต่ไม่กล้าจะทำถึงขนาดนั้น
"ถ้าอย่างนั้นคุณนิตมีอะไร ก็รีบโทรหาผมทันทีเลยนะครับ"
แดนดินอยากจะอยู่เป็นเพื่อนเธอ แต่ทว่า ดูเหมือนฉันชนิตอยากจะอยู่คนเดียวมากกว่า อีกอย่างเขามีเรื่องที่จะต้องทำในวันนี้ด้วย เลยต้องกลับไปอยู่ดี
"ขอบคุณมากๆนะคะ"
ฉันชนิตพยักหน้าให้เขาอย่างขอบคุณมากจริงๆ แดนดินเปิดประตูออกมาจากห้องพักฟื้นคนไข้ด้วยความรู้สึกมากมายที่เขาก็ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกสะเทือนใจปวดใจแทนเธอมากขนาดนี้
บริษัทของธันว์
"เรื่องเมื่อวานเป็นอย่างไรบ้าง?"
ทันทีที่เจอกับแดนดินธันว์ก็อดที่จะถามถึงเรื่องเมื่อวานไม่ได้
"ยังแอดมิทอยู่โรงพยาบาลครับ บอสไม่ไปเจอเธอหน่อยเหรอครับ?"
แดนดินมองหน้าธันว์นิ่ง ภายในใจของเขาอยากจะต่อยคนตรงหน้าให้ลงไปกองอยู่กับพื้นสักหมัดสองหมัด แต่เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเขา ถ้าเขาทำอะไรแบบไม่คิดลงไปก็จะเกิดปัญหาตามมาทีหลังมากมาย ซึ่งตอนนี้แดนดินไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับเรื่องราวเหล่านี้อีกแล้ว
"ไม่ล่ะ ไปก็ยืดยื้อไม่จบสิ้นสักที ให้มันจบแบบนี้ดีแล้ว"
แดนดินไม่ได้บอกว่าฉันชนิตแท้งลูกอีกอย่างดูๆแล้วธันว์นั้นดูจะเลือดเย็นมาก ไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงเป็นใยฉันชนิตเลยแม้แต่นิด แดนดินเลยตัดสินใจไม่พูดเรื่องนั้น พร้อมกับยื่นซองสีขาวให้ธันว์
"คืออะไร?"
ธันว์ถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ
"ใบลาออกครับ"
"นายจะลาออก ลาออกไปไหน?"
"กลับบ้านครับ"
แดนดินตอบสั้นๆไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย ใจจริงเขาไม่อยากจะออกตอนนี้เพราะมันยังไม่ถึงกำหนด แต่เขาทนอยู่กับธันว์ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
"บ้านนอกน่ะเหรอ จะไปทำอะไรกิน อยู่ที่นี่เงินเดือนนายก็เยอะอยู่แล้ว อีกอย่างนายเป็นลูกน้องที่ทำงานได้ดีมากคนหนึ่ง "
"ผมต้องไปดูแลคุณย่าครับ ชีวิตผมมีแค่คุณย่าคนเดียว"
ธันว์ถอดถอนหายใจออกมาอย่างคิดใคร่ครวญ เขาตบบ่าแดนดินเบาๆ อย่างตัดสินใจ
"เอาเถอะ!ไม่ห้ามนายแล้ว"
"ขอบคุณครับบอส"
เมื่อไม่มีอะไรพูดต่อ แดนดินก็เดินออกไปจากห้องทำงานของธันว์เพื่อไปเก็บของส่วนตัวในห้องทำงาน เขาทำงานที่นี่มาประมานสองปีกว่าแล้วหลังจากที่กลับมาจากอเมริกาโดยที่ไม่ได้บอกให้คนที่บ้านรู้ว่าเขากลับมาเมืองไทยนานแล้ว
โรงพยาบาล
พลั่ก!
"นิต เป็นยังไงบ้าง?"
อัญญาเปิดประตูเข้ามาโผเข้าหาเพื่อนสาวที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยทันทีด้วยความเป็นห่วงและกังวลมากมาย หลังจากที่รู้ว่าเพื่อนอยู่โรงพยาบาลหญิงสาวก็รีบมาทันทีอย่างไม่ได้รอที่จะลางานก่อน
"ไม่เป็นอะไรมาก แค่เป็นไข้"
ฉันชนิตพยายามฝืนยิ้มทำหน้าให้เป็นปกติที่สุดเพื่อไม่ให้อัญญาเป็นห่วงเธอมาก
"ทำไมไม่บอก เมื่อคืนจะได้มาเฝ้า"
"เกรงใจ"
"เกรงใจเรื่องอะไรเราเพื่อนกันนะนิต"
"งั้นไม่เกรงใจก็ได้"
"ต้องให้ได้แบบนี้สิ แล้วเรื่อง.."
"เรื่องอะไร?"
"เมย์ว่านิตก็คงทราบแล้วแหละใช่มั้ย?"
ความจริงอัญญาไม่อยากจะพูดเท่าไหร่ แต่ เรื่องนี้ฉันชนิตต้องรับรู้ไม่ว่าอย่างไรซะ เธอก็ไม่ยอมให้ผู้ชายคนนั้นมาทำลายชีวิตของเพื่อนเธอได้อีกแล้ว อีกอย่างปิดบังไปก็เท่านั้นตอนนี้สื่อลงเกี่ยวกับงานแต่งของนางเอกสาวเขมจิราทุกช่องทาง
"ทราบแล้ว"
"อย่าบอกนะที่เข้าโรงพยาบาลเพราะเรื่องนี้..ก็แค่ผู้ชายเลวๆคนเดียวนิตลืมๆมันไปเถอะนะ"
"เปล่าหรอก นิตไม่สบายมาหลายวันแล้ว เมย์ก็เห็นนี่นา"
อัญญานึกไปนึกมาเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าหลังๆมานี้เพื่อนเธอไม่ได้สบายจริงๆ
"เออใช่ ขอโทษนะที่ไม่ได้ดูแลนิตเลย"
อัญญาจับมือของเพื่อนมากุมไว้ทำตาพริบๆ จนฉันชนิตนึกขำขัน
"ขอโทษทำไมกัน เรื่องแค่นี้เอง..หือ"
"โอเคป่ะนี่"
"โอเคมาก นิตบอกแล้วไงว่าไม่ว่าอย่างไรนิตจะไม่โทษใคร แค่อกหักน่ะสบายมาก"
ฉันชนิตฝืนยิ้มกว้างออกมา ไม่ได้บอกความจริงกับอัญญาทั้งหมดว่าเธอแท้งลูก เพราะถ้าอัญญารู้ความจริงทั้งหมด ธันว์ต้องอยู่ไม่เป็นสุขแน่ๆ ซึ่งฉันชนิตต้องการให้เรื่องทั้งหมดจบลงแค่นี้ ถึงแม้ว่าภายในใจของเธอจะแหลกสลายไปแล้วก็ตาม