ตอนที่6

1375 คำ
แดนดินขับรถเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่สุดหรูสไตล์ Colonial Classic 'ผมกลับมาแล้วครับพ่อ'เมื่อรถมาจอดหน้าคฤหาสน์แดนดินก็เอ่ยถึงพ่อผู้ล่วงลับไปแล้วเบาๆภายในใจ แดนดินในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมทับด้วยสูทสีพื้นกางเกงสแล็คทรงสลิมสีเดียวกับสูทยี่ห้อไม่ถูกและไม่ก็แพงมาก ใบหน้าหล่อเหลาจมูกโด่งเป็นสันดวงตาคมปานเหยี่ยวปากแดงระเรื่อราวกับทาลิปสติก ผิวขาวผ่องจนเห็นเส้นเลือดเล็กๆบวกกับทรงผมและชุดที่ใส่ค่อนข้างทันสมัย เรียกได้ว่าแดนดินเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องบุคลิกและการแต่งกายอยู่มาก ทำให้เขาดูหล่อไม่ต่างกับพระเอกในซีรีส์เกาหลีหรือจีน ตามกระแสความนิยมในยุคปัจจุบันเลยแม้แต่นิด แดนดินเปิดประตูก้าวลงมาจากรถหรูยี่ห้อดัง เขาหยุดยืนนิ่งกวาดสายตาไปรอบๆ คฤหาสน์ปรีดาโสภณ นึกถึงอดีตครั้งยังเด็ก นานแล้วที่เขาจากไปใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาตั้งแต่บิดาเสียชีวิต แต่ความจริงแดนดินนั้นกลับมาไทยได้เกือบสามปีแล้ว เพียงแต่ชายหนุ่มไม่เคยย่างกรายกลับมาที่บ้านของตัวเองแม้แต่สักครั้งเดียว จนผู้ช่วยของคุณกรองทองโทรมาปรึกษาเขา เรื่องสุขภาพที่ไม่ดีของผู้เป็นย่า แดนดินเลยยอมทิ้งฐิติที่มีในใจออกไปชั่วคราว แม้ว่าภาพในคืนนั้นคืนที่ผู้เป็นบิดาเสียชีวิตไป จะตามหลอกหลอนเขาตลอดจนไม่อยากที่กลับมา จนบัดนี้อายุของเขาก็ปาเข้าไปยี่สิบเก้าปีแล้วเพิ่งจะได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกครั้ง "กลับมาแล้วทำไมไม่เข้าบ้านมาล่ะ ตาแดน" เสียงเรียกดังออกมาปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์ความคิด แดนดินหันไปตามเสียง ภาพของหญิงชราที่มีใบหน้าเหี่ยวย่นตามกาลเวลา ทำให้เขานิ่งชะงักจ้องผู้เป็นย่านิ่ง น้ำตาลูกผู้ชายค่อยๆเอ่อล้นออกมาเต็มหน่วย แต่ไม่ทันได้ไหลรินออกมาเขารีบซึมซับให้มันย้อนกลับเข้าไปไหลในใจ "สวัสดีครับคุณย่า" แดนดินยกมือขึ้นสวัสดีผู้เป็นย่า หรือคุณกรองทองประธานบริษัทปรีดาโสภณ นักธุรกิจผู้ร่ำรวยระดับต้นๆของเมืองไทย "เข้ามาคุยกันข้างในเถอะ" คุณกรองทองเดินนำผู้เป็นหลานเข้าไปข้างในผู้สูงอายุผมสีดอกเลาแต่ยังดูทรงพลน่าเกรงขาม แดนดินเดินตามเข้ามาในห้องโถงสุดหรูหราของคฤหาสน์ "นั่งเถอะ เด็กๆเอาน้ำมาให้หลานฉันหน่อย" แดนดินนั่งลงบนโซฟาหรู ทั้งคู่ยังคงเคร่งขรึมใส่กันดูไม่สนิทสนมดั่งกับย่าหลานทั่วๆไปเพราะต่างคนก็ต่างมีปมในใจ "สุขภาพคุณย่าเป็นอย่างไรบ้างครับ?" "ก็ไม่เท่าไหร่ แค่หลานมันทิ้งไปให้ทำงานอยู่คนเดียวในวัยจะเจ็ดสิบอยู่ร่อมร่อ จะว่าสุขสบายดีก็คงจะฟังดูโกหกเกินไปสินะ"น้ำเสียงผู้อาวุโสกว่าประชดประชันเล็กน้อย "ผมจะกลับมารับช่วงต่อให้คุณย่าครับ" "แปลว่าแดนจะกลับมาอยู่กับย่าอย่างนั้นเหรอ" ใบหน้าของหญิงสูงอายุดูดีใจขึ้นมาอย่างปิดไม่มิดต่างกับเมื่อสักครู่ริบลับ "เปล่าครับ ผมจะอาศัยอยู่ที่คอนโดเหมือนเดิม แค่ไปทำงานแทนคุณย่าเท่านั้นเอง" สีหน้าคุณกรองทองดูผิดหวังนิดหน่อย แต่ก็เถอะ อย่างน้อยแดนดินก็ยังไม่ทิ้งธุรกิจของตระกูลไปอย่างนั้นก็คงพอแล้ว คงต้องใช้เวลาสักหน่อยที่จะให้แดนดินกลับมา "เอาเถอะ จะอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ แต่ตำแหน่งประธานย่าทำต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว" "วางใจเถอะครับคุณย่า เรื่องนี้ผมจะจัดการเองหวังเพียงให้คุณย่าดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว" "ตาแดนเรื่องเมื่อก่อนนั้น..." "เอ่อ คุณย่าครับผมจะกลับแล้วล่ะครับ พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทเก้าโมงเช้านะครับ" กล่าวเสร็จแดนดินก็ลุกจากไปโดยที่ไม่รอให้อีกฝั่งพูดอะไรออกมาอีกเขาเกรงว่าจะรู้สึกไม่ดีแล้วพาลจะทำให้เรื่องอื่นแย่ไปหมด เลยตัดบทออกมา ไม่ว่าจะเคืองคุณกรองทองแค่ไหน แต่แดนดินก็หนีไปไม่พ้นถึงความเป็นสายเลือด แม้ว่าบิดาผู้เป็นที่รักจากไป สาเหตุมาจากผู้เป็นย่าก็ตาม แต่ เขาก็ไม่สามารถนิ่งดูดายถึงเรื่องเจ็บป่วยของท่านได้ คุณกรองทองมองตามร่างสูงโปร่งของหลานชายไปด้วยน้ำตาที่ไหลรินออกมา เจ็บปวดกับเรื่องราวในอดีต นางก็เจ็บไม่ต่างกับผู้เป็นหลานชายเท่าไหร่ ถึงวันนี้ อยากจะกอดหลาน อยากจะกลับมาสนิทสนมกันดั่งเช่นวัยเยาว์ก็ดูเหมือนจะยากเย็นเหลือเกิน หากย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้ ตนก็อยากจะเป็นผู้จากไปเสียเอง ดีกว่าต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานเดียวดายบนกองเงินกองทองที่ไม่สามารถนำมาทำให้หัวใจดวงนี้มีความสุขได้เลย หลายวันต่อมา "นี่ ๆ แก้ว เธอรู้เรื่องของยัยนิตฝ่ายเอชอาร์หรือยัง?" "อ๋อเรื่องที่ว่าแฟนของนางกำลังจะแต่งงานกับนางเอกดังอย่างคุณเขมนะเหรอ?" "ใช่ ๆ ทีแรกก็นึกว่านางจะได้ดิบได้ดีเป็นหนูตกถังข้าวสารแล้วเชียว แต่ที่ไหนได้เมียน้อยเขาชัด ๆ คิก ๆ" สองสาวนั่งจับกลุ่มเมาส์มอยเรื่องของฉันชนิตพร้อมกับหัวเราะคิกคักดูมีความสุขบนเรื่องราวความทุกข์ของคนอื่น โดยที่ไม่รู้ว่าฉันชนิตนั้นได้ยินทุกถ้อยคำ หลายวันมานี้เธอโดนคนในบริษัทแบน ข่าวลือเรื่องที่เธอเป็นมือที่สามดังไปทั่วบริษัทจนหัวหน้างานของเธอเรียกไปพบ เพื่อตักเตือน ทั้งๆที่มันไม่ใช่ความผิดอะไรของเธอเลยแม้แต่นิด แต่ทว่า สังคมในที่ทำงานแห่งนี้มักจะรอเหยียบกับผู้ที่ล้มอยู่เสมอ ความกดดันในเรื่องต่างๆ ทำให้ฉันชนิตไม่อาจจะทนรับมันได้อีกต่อไป 'ใบลาออก' คือทางเลือกสุดท้ายที่ฉันชนิตเลือก "ไม่เป็นไรนะนิต ออกไปหางานใหม่เอาที่อยู่แล้วสบายใจกว่าที่นี่เถอะนะ" อัญญาพูดปลอบใจเพื่อนรักในขณะที่เข้ามาช่วยเก็บของใส่กล่อง เพราะวันนี้ฉันชนิตมาทำงานเป็นวันสุดท้ายพอดี "นิตไม่อยู่แล้ว ก็คงจะพลอยทำให้เมย์ลำบากไปด้วย" "ใครบอกว่าเมย์จะอยู่ล่ะ เมย์จะออกไปเปิดร้านกาแฟ ตอนนี้ร้านของเมย์จะเสร็จแล้วนะ" "จริงเหรอ! ทำไมไม่บอกกันบ้างเลย ที่ลาออกคงไม่ใช่เพราะนิตใช่มั้ย?" ฉันชนิตหลุบสายตาลงต่ำ น้ำตาเอ่อล้นออกมาอีกครั้ง จนถึงตอนนี้ความเจ็บปวดจากพิษรักไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดบางเบาลงเลยแม้แต่นิด "ไม่ใช่ เราปรึกษากับแฟนมาสักพักแล้วว่าจะออกมาทำธุรกิจเล็กๆกัน แต่ที่ยังอยู่เพราะเราอยากอยู่เป็นเพื่อนนิต แต่ว่าตอนนี้เราไม่ต้องลังเลแล้วล่ะ อย่าร้องไห้อีกเลยนะ น้ำตาของนิตไม่ควรไหลออกมาเพราะเรื่องนี้อีกแล้ว" อัญญาปาดซับน้ำตาให้ฉันชนิตเบาๆ น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาด้วยเจ็บปวดไม่ต่างกัน "รักแกนะเมย์" "เมย์ก็รักนิต และจะอยู่เคียงข้างนิตตลอดไป เรารู้ว่านิตไม่มีใครอีกแล้ว" "เมย์.." ทั้งคู่โอบกอดกัน ทั้งความรู้สึกเศร้าใจ ซึ้งใจ เจ็บปวดใจปะปนกันเข้ามา ฉันชนิตรู้สึกโชคดีที่ยังมีคนที่รักเธออยู่เคียงข้าง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงคนเดียวในโลกก็ตาม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม