พิธีการอันศักดิ์สิทธิ์และน่าจะเต็มไปด้วยความสุขยังคงดำเนินต่อไปเมื่อพิธีการจุดเทียนเริ่มต้นขึ้นโดยเด็กผู้หญิงและผู้ชายที่ช่วยกันจุดไฟบนเชิงเทียนก่อนเสียงเพลงจะเริ่มบรรเลงโดยวงดนตรีภายในโบสถ์ บทเพลงจากนักเปียโนที่ดังขึ้นทำให้รชนิชลเริ่มประหม่า มือของเธอสั่นจนคาร์ลอสต้องจับมันไว้
“เป็นอะไร?” เขาถามสั้น ๆ เสียงเย็น หญิงสาวส่ายหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม
“ไม่ค่ะ”
“ก็ดี”
เขาตอบด้วยสีหน้าบึ้งตึงซึ่งจริง ๆ แล้วรชนิชลรู้ว่าการเดินเข้าไปในโบสถ์เจ้าสาวต้องเดินควงคู่บิดาก่อนส่งต่อให้เจ้าบ่าว แต่เธอไม่มีพ่อ มีก็แต่แววลี พี่สาวของพ่อเพียงคนเดียวที่มองตามหลานสาวด้วยความกระอักกระอ่วนใจ มันดูเสมือนพิธีกรรมอันยิ่งใหญ่สำหรับคู่รักแต่สำหรับแวววลีแล้วมันกลายเป็นลานประหารนางและหลานสาวคนเดียวเสียมากกว่า เพราะหลังจากนี้ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“เมื่อเข้าสู่พิธีสมรสเช่นนี้แล้วท่านทั้งสองพร้อมที่จะรับพร้อมยกย่องให้เกียรติแก่กันและกันจนตลอดชีวิตหรือไม่”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้รชนิชลมีอาการกระตุกเล็กน้อยเมื่อถึงขั้นตอนสำคัญของพิธีกรรมขณะเจ้าบ่าวและเจ้าสาวยืนต่อหน้าบาทหลวง หญิงสาวซึ่งยืนอยู่ต่อหน้า เจ้าบ่าว จับจ้องนัยน์ตาสีอำพันที่ส่องประกายวาววับก่อนที่เขาจะตอบว่า
“พร้อมครับ”
ร่างแน่งน้อยเหลือบมองไปยังแขกที่นั่งอยู่ในโบสถ์เหมือนลังเล ทุกคนเฝ้ารอที่จะฟังคำตอบของเธอว่า
“พร้อมค่ะ”
“ข้าพเจ้า คาร์ลอส อเล็กซานเดอร์ ขอรับ รชนิชล ขวัญสรวง เป็นภรรยา และขอสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อคุณทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณจนกว่าชีวิตจะหาไม่”
เจ้าบ่าวพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนที่เขาจะดังมือของหญิงสาวขึ้นมาและสวมแหวนทองคำขาวเกลี้ยงไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย ในเวลานั้นรชนิชลต้องสบนัยน์ตาคมปลาบของคาร์ลอสที่จ้องมองเธอตลอดเวลาหากหญิงสาวก็ไม่ลืมว่าเธอก็ต้องสวมแหวนกลับไปให้เขาเช่นกัน
“คุณคาร์ลอส อเล็กซานเดอร์ ขอให้รับแหวนแหวนนี้เพื่อเป็นความหมายแสดงถึงความรักและความซื่อสัตย์ของดิฉันในนาม รชนิชล ขวัญสรวง และขอสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อคุณทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณจนกว่าชีวิตจะหาไม่”
ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้จดจำคำมั่นสัญญานี้ได้ครบถ้วนทุกประโยคหากหญิงสาวก็ลืมไปว่าเมื่อกล่าวคำสัตย์และสวมแหวนให้เจ้าบ่าวแล้วก็ยังมีอีกขั้นตอนหนึ่งซึ่งเป็นเสมือนการยืนยันความแน่นแฟ้นที่คู่รักมีให้แก่กันซึ่งมันเกิดขึ้นในวินาทีต่อมา ดวงตาคู่งามเบิกกว้างเมื่อคาร์ลอสดึงตัวเธอเข้าสู่อ้อมกอดของเขาและก้มหน้าลงไปหาเพื่อประทับริมฝีปากบนกลีบปากของเธอที่กำลังเผยอออกพอดี
มันเป็นจูบแรกในชีวิตของรชนิชลที่ทำเอาเธอตกตื่นหนำซ้ำยังเป็นจุมพิตต่อหน้าธารกำนัลอีกด้วยหญิงสาวตัวแข็งเหมือนรูปปั้นแม้รู้สึกถึงปลายลิ้นร้อนที่จาบจ้วงเข้ามา นี่ไม่ใช่แค่ จูบ แต่มันเป็น จุมพิต ที่ล้ำลึกและทำให้หญิงสาวเกิดอาการวิงเวียนขึ้นมาชั่วขณะ และเมื่อชายหนุ่มถอนริมฝีปากและเลื่อนใบหน้าออกไปรชนิชลก็หน้าแดงถึงใบหู เธอจ้องหน้าคาร์ลอสเหมือนไม่อยากเชื่อตัวเอง นี่เขาจูบเธอท่ามกลางคนหมู่มากที่จ้องมองมาด้วยความชื่นชม
รชนิชลทำสีหน้าไม่ถูก เธอหันไปมองบาทหลวงสูงวัยที่ยื่นยิ้มให้แต่แทบไม่กล้าสบนัยน์ตาสีอำพันประกายกล้าของเจ้าบ่าว แม้จะรู้ว่ามันเป็นการแสดงออกซึ่งความรักของคู่บ่าวสาว...แต่...มันก็แค่ละครฉากหนึ่งที่สมจริงมากเกินเหตุ หญิงสาวหันไปมองป้าของเธอที่นั่งมองด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก พิธีใกล้เสร็จสิ้นเข้ามาทุกทีแล้ว แวววลีอาจกำลังกังวลถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้...ไม่ต่างจากเธอที่ทั้งสับสน หวั่นวิตก หัวใจของหญิงสาวไหวสะทกเหมือนลูกนกที่หลุดเข้าไปในกรงเล็บของราชสีห์
พิธีการสมรสของคู่บ่าวสาวภายในโบสถ์ดำเนินไปตามขั้นตอนของเวลาที่เนิบช้าเหมือนชั่วชีวิตสำหรับรชนิชล คาร์ลอสยังคงสงบนิ่งแต่ใบหน้าคร้ามเข้มนั้นช่างไร้อารมณ์ของความสุขและมันทำให้หญิงสาวอึดอัดยิ่งกว่าติดอยู่ในหลุมมืดขนาดใหญ่ เธอไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป คาร์ลอสคิดอะไรและผลที่ตามมาสำหรับการกระทำขาดความยั้งคิดของลูกสาวป้ามันจะรุนแรงแค่ไหนดูเหมือนเป็นเพียงคำถามล่องลอยอยู่ในบรรยากาศขมุกขมัวและน่าหวั่นกลัวยิ่งนัก
“เสร็จสิ้นพิธีการแล้วคุณต้องไปกับผม”
เป็นคำกล่าวแรกจากปากของเจ้าบ่าวที่ในดวงตาสีอำพันอัดแน่นด้วยความขุ่นแค้นจนคนฟังรู้สึกได้ รชนิชลซึ่งยืนเคียงข้างเจ้าบ่าวที่ตัวโตกว่าเธอมากและแสดงออกซึ่งการเสแสร้งด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขมองไปรอบ ๆ โบสถ์หลังพิธีการทุกอย่างเกือบเสร็จสิ้นยังเหลือก็แต่การโยนช่อดอกไม้ของเจ้าสาวซึ่งเธออยากยืดเวลานั้นให้ยาวออกไปให้นานกว่านี้
“แล้วป้าของฉันล่ะคะ”
“ป้าของคุณจะอยู่ภายใต้การควบคุมโดยคนของผม”
คาร์ลอสพูดเสียงลอดไรฟัน น้ำเสียงที่เค้นออกมาหนักหน่วงและทำให้รชนิชลเสียววาบไปถึงสันหลัง เขาตั้งใจกักตัวแวววลีเอาไว้โดยหญิงสาวไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรต่อไป
“ให้ฉันกลับไปที่ร้านดอกไม้ของฉันได้ไหมคะ...ขอร้องเถอะค่ะ...ฉันไม่หนีคุณไปไหน”
“อย่าเอาคำสัญญาพล่อย ๆ มาแลกกับความเชื่อใจของผมอีก...มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นซ้ำสอง พวกคุณมันก็เหมือนกันหมด หลอกลวงและมักง่าย!”
รชนิชลกระตุกกับคำบริภาษของชายหนุ่มซึ่งยังยิ้มให้แขกที่มาร่วมงานราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอเคยรู้จักคาร์ลอสก็จริงแต่ไม่เคยเห็นด้านมืดเบื้องหลังรอยยิ้มอ่อนหวานที่เธอเคยเก็บไปฝันถึงจนเรียกได้ว่าถึงขั้นแอบรัก และตอนนี้เธอต้องเผชิญกับตัวตนที่มองไม่เห็นของคาร์ลอส อเล็กซานเดอร์ ร่างเล็กกลั้นลมหายใจเมื่อหันกลับไปอีกด้านหนึ่งของโบสถ์ก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเขาเข้าไปยืนขนาบข้างแวววลีอยู่ตลอดเวลา