====หมอสโนว์ talk====
เรากลับมาถึงบ้าน รีบขึ้นไปห้องของม๊าทันที แอบมองเข้าไป เห็นม๊ากำลังเขียนลิปสติกให้บิวตี้อยู่ ส่วนป๊านั่งดูแท็บเล็ตอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ เตียง
เรา : ตายายและหลานทำอะไรกันอยู่คะ//เราผลักประตูเข้าไป ทั้ง3คนหันมามองเรา
บิวตี้ : เย้ๆ หม่าม๊ามาแล้ว//บิวตี้ลุกจากเตียง รีบวิ่งมากอดเอวเราไว้
ม๊า : มาแล้วเหรอตัวป่วน//ม๊ามองหน้า เราเดินไปนั่งข้างๆ เตียง
เรา : อะไรหรอคะ//เราถามกลับไปด้วยความสงสัย
ป๊า : วันแรกไปก็ป่วนรพ.เลยนะ//ป๊าเดินมานั่งบนเตียงอีกด้าน
เรา : ใครมาฟ้องอะไรหรอ//เรามองหน้าป๊ากับม๊าสลับกัน
ป๊า : ไม่มีใครฟ้องอะไรทั้งนั้น การผ่าตัดช่วยเด็กพวกเราเห็นหมดทุกอย่าง
เรา : เห็นทุกอย่าง!! เห็นได้ยังไง
ป๊า : ทำไมจะไม่เห็น ก็ไอ้หนึ่งส่งเข้าบอร์ดผู้บริหาร ลืมไปหรือไง ว่าป๊าเป็นผอ.
เรา : นั่นสินะ ม๊าได้ดูการผ่าตัดของสโนว์ไหมคะ ม๊าคิดว่าไง//เราหันไปถามม๊าด้วยเสียงตื่นเต้น
ม๊า : ไปเอาวิธีแบบนั้นมาจากไหน รู้ไหมว่าต่อไปอาจมีปัญหากับผู้ป่วย//ม๊าพูดเสียงเรียบ
เรา : ที่สโนว์กล้าทำแบบนั้นเพราะผู้ป่วยเป็นเด็กค่ะ ในความคิดของสโนว์ต่อไปเด็กยังมีวิัวัฒนาการเติบโตได้อีก เส้นเลือดดำจะเริ่มขยายใหญ่ขึ้น หากเด็กกินยาต่อเนื่องเส้นเลือดดำตรงนั้นต้องมาต่อเติมทับลงไปหุ้มท่อที่สโนว์เชื่อมไว้
ม๊า : ความคิดของสโนว์ก็ถูก แต่ลูกต้องเข้าใจนะว่าวิธีนี้ไม่ใช่ให้ผลดีกับผู้ป่วยทุกคน และการผ่าตัดแบบนี้เสี่ยงต่อชีวิตผู้ป่วย ม๊าว่าอย่าทำอีกจะดีกว่า
เรา : เข้าใจแล้วค่ะม๊า//เรากอดม๊าเบาๆ
เรา : อาการที่หัวใจม๊าเป็นไงบ้างคะ//เราผละกอดออก
ป๊า : ม๊ามึงอารมณ์ดีขึ้นเยอะ เพราะมีหลานมั่ง ตอนอยู่กับกูไม่เห็นจะร่าเริงแบบนี้เลย//ป๊าพูดแบบงอนๆ บิวตี้หันมายิ้มกับเรา
บิวตี้ : อาก๋งงอนอาม๊าด้วย อิอิ//บิวตี้พูดขึ้นป๊าถึงกับหน้าแดง คงจะอายบิวตี้
ป๊า : มานี่เลย แก่แดดนัก//ป๊าจับตัวบิวตี้ไปนั่งตัก
เรา : ว่าแต่ทางผู้บริหารว่าไงบ้างคะ//เราถามเปลี่ยนเรื่อง
ป๊า : ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะป๊าบอกทางผู้บริหารไปแล้วว่าสโนว์ลูกป๊า
เรา : ป๊า!! สโนว์บอกไปแล้วว่าห้ามบอกใคร
ป๊า : เออๆ กูรู้แล้ว กูสั่งกำชับไว้แล้วว่าห้ามพวกมันพูดกับใคร
เรา : ป๊านะป๊า
ม๊า : มาเหนื่อยๆก็ไปพักที่ห้องซะ
เรา : สโนว์ไปพักก่อนนะคะ เมื่อคืนก็แทบไม่ได้นอนเลย//เราลุกเดินออกมาจากห้องม๊า เดินมายังห้องนอนของตัวเอง อาบน้ำแต่งตัว แล้วมานอนบนเตียงนุ่มๆ หัวถึงหมอนก็หลับทันที
++++++++++
เอี๊ยดดดดด!! โครม!!
เรา : ฮือๆๆ ไม่นะ ฮือๆๆๆ
++++++++++
..?? ..: ม๊า..หม่าม๊าค่ะ//เราสะดุ้งเปิดตากว้าง เห็นบิวตี้กำลังนั่งจ้องหน้าเราอยู่
บิวตี้ : หม่าม๊าร้องไห้ ฝันร้ายเหรอคะ//บิวตี้เช็ดน้ำตาให้เรา
เรา : ฝันร้าย หม่าม๊าฝันร้ายค่ะ//เรายกตัวกอดบิวตี้ไว้แน่น
บิวตี้ : โอ๋..โอ๋ ไม่เป็นไรแล้ว บิวตี้อยู่กับหม่าม๊านะ//บิวตี้กอดและลูบหลังให้เรา
เรา : กี่โมงแล้วคะ
บิวตี้ : 6โมงค่ะ หม่าม๊าต้องไปทำงานแล้วใช่ไหมคะ
เรา : ยังค่ะ หม่าม๊ารู้สึกไม่ดี ไหนๆ เราก็มาไทยแล้ว วันนี้ไปทำบุญที่วัดกันนะ
บิวตี้ : ได้ค่ะ
จากนั้นเราเดินออกมาจากห้องนอน บอกป๊ากับม๊าจะไปวัดเพื่อทำบุญ ป๊าโทรเรียกไทเกอร์มารับทันที เราและบิวตี้ขึ้นไปแต่งตัว เราใส่ชุดสบายๆ สั้นกางเกงยีนต์ขายาว เอากระเป๋าสะพายไปด้วย เรานั่งรอจนไทเกอร์มารับ คราวนี้มาด้วยรถกระบะ 2ตอนแต่งอย่างสวย สีแดงตัดดำ ติดลำโพงอันใหญ่ไว้หลังรถ
เปิดเพลงเสียงดังมาแต่ไกล ไทเกอร์เข้ามาในบ้าน
ไทเกอร์ : โกวหวัดดีฮ่ะ//ไทเกอร์ยกมือไหว้เรา
เรา : ไปหาอากงโชกุนกับอาม่าทีน่าหน่อยเหรอ
ไทเกอร์ : ไม่เอาล่ะ เจอทีไรทั้ง2คนบ่นผมจนหูชาเลยล่ะโกว
บิวตี้ : ไม่มีมารยาท//บิวตี้ที่นั่งข้างๆ เราพูดขึ้นเบาๆ
เรา : บิวตี้ไม่เอาค่ะ//เราขมวดคิ้วตำหนิบิวตี้
ไทเกอร์ : โกวไปกันได้ยัง//ไทเกอร์คงไม่ได้ยินคำพูดของบิวตี้ เพราะไม่งั้นมีหวังเถียงกันอีกแน่
ไทเกอร์เดินนำเรามาที่รถกระบะ บิวตี้ขอนั่งเบาะด้านหลัง เรานั่งด้านหน้าข้างคนขับ
เรา : ครั้งแรกเลยนะที่โกวนั่งรถกระบะ//เราพูดขึ้นพร้อมกวาดสายตามองไปรอบๆ ข้างในแต่งด้วยผ้ากำมะหยี่สีน้ำตาลดูหรูหรา ข้างๆ ประตูทั้ง4ด้านติดลำโพงไว้ แทบจะเป็นตู้เพลงในรถ
ไทเกอร์ : จริงอ่ะ สวยๆ อย่างโกว น่าจะมีคนรับไปเที่ยวบ่อย แต่ถ้าโกวสนใจไปเที่ยวกับผมก็ได้นะ ผมออกเที่ยวเกือบทุกคืน ผมจะให้โกวนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถทุกวันก็ยังได้//เพี๊ยะ!! บิวตี้ตีไปที่แขนของไทเกอร์ทันที
ไทเกอร์ : โอ๊ย!! เด็กเวรนี่!!
บิวตึ้ : มาพูดไม่ดีกับหม่าม๊าของบิวตี้ได้ยังไง บิวตี้ว่าไม่ต้องไปแล้วค่ะหม่าม๊า//บิัวตี้นั่งกอดอก ทำหน้าโมโห
เรา : ไทเกอร์พูดดีๆ กับน้องหน่อย เมื่อกี้เราก็พูดไม่ดีกับโกวด้วย
ไทเกอร์ : ขอโทษครับโกว
เรา : บิวตี้ลูกก็ควรขอโทษเฮียไทเกอร์ด้วย เพราะเราไปตีพี่เค้า
บิวตี้ : แต่เค้าพูดไม่ดีกับหม่าม๊าก่อน
เรา : ไม่ขอโทษก็ได้ หม่าม๊าจะไม่พูดกับบิวตี้ อีกหม่าม๊าไม่ชอบเด็กดื้อ
บิวตี้ : ก็ได้ๆ ขอโทษค่ะ//บิวตี้แลบลิ้นใส่ไทเกอร์
เรา : แค่นี้ก็จบ ออกรถเลยไทเกอร์
ไทเกอร์ : ว่าแต่โกวจะให้พาไปวัดไหน
เรา : แถวบางขุนพรหม
ไทเกอร์ : ไกลอยู่นะ
เรา : ขับไปเถอะ//ไทเกอร์ก็ขับรถออกมาจากบ้าน
ระหว่างในรถ
เรา : ไทเกอร์อยู่ม.ไหนแล้ว
ไทเกอร์ : ม.2
เรา : หา!! ม.2 แล้วไม่ไปเรียนเหรอ
ไทเกอร์ : เรื่องเรียนจะเรียนเมื่อไหร่ก็ได้โกว เรื่องเที่ยวเรื่องเล่นต้องเอาให้เต็มที่ก่อน จะได้คุ้มกับชีวิตวัยรุ่น ชีวิตวัยรุ่นมีครั้งเดียวนะโกว ผ่านไปแล้วเรียกกลับไม่ได้
เรา : เอาความคิดแบบนี้มาจากไหน
บิวตี้ : เด็กเกเร//บิวตี้พูดแทรกขึ้น
ไทเกอร์ : เฮ้ย!! ไอ้เด็กนี่!! //ไทเกอร์หันมาจ้องบิวตี้แล้วหันไปมองทางขับรถต่อ
เรา : บิวตี้ไม่เอาค่ะ//เราขมวดคิ้วตำหนิ
บิวตี้ : ขอโทษค่ะ//บิวตี้พูดเบาๆ แล้วก้มหน้าลง
จากนั้นไทเกอร์ขับรถพาเรามาถึงวัด เป็นวัดใหญ่เราไม่เคยมาหรอก ที่เลือกมาวันนี้เพราะจะมาหาคนรู้จัก บิวตี้กับเราเข้าไปทำบุญ ส่วนไทเกอร์รออยู่ที่รถ ทำบุญกรวดน้ำเสร็จหลังจากนั้นเราพาบิวตี้เดินมาข้างๆ วัด เป็นเจดีย์เก็บกระดูกวางเรียงรายเป็นแถวๆ ติดกับกำแพงวัด
บิวตี้ : หม่าม๊าทำไมมีเจดีย์เยอะจังไว้ทำอะไรคะ
เรา : เจดีย์ไว้เก็บกระดูกค่ะ
บิวตี้ : เก็บกระดูก!! กระดูกของใคร แล้วเก็บทำไมคะ
เรา : กระดูกของคนตายค่ะ เก็บไว้เพื่อให้คนที่ยังอยู่ระลึกถึง
บิวตี้ : อ่อ ที่สร้างเจดีย์ไว้เพื่อกันไม่ให้หมามาขโมยกระดูกไปกินใช่ไหมคะ//เราได้ยินแบบนั้นถึงกับหัวเราะออกมาเพราะความไร้เดียงสาของบิวตี้
เรา : ไม่ใช่ให้หมามาขโมยกระดูก แต่เพื่อให้สวยงามและแยกเป็นระเบียบ
บิวตี้ : ทำไมไม่ฝังเหมือนที่เมกาคะ
เรา : เพราะคนละศาสนา เรื่องแบบนี้มันซับซ้อน เอาเป็นว่าเราเดินต่อกันดีกว่า เราเดินตามทางมาเรื่อยๆ กวาดสายตาหาเจดีย์อันสีส้มอ่อน ในที่สุดก็เจอ เราหยุดยืนอยู่หน้าเจดีย์ ที่มีรูปของผู้หญิงและผู้ชายคู่หนึ่ง กำลังยิ้มอย่างมีความสุข เราน้ำตาไหลออกมาทันที ที่เราเลือกมาวัดนี้ก็เพราะนี่แหละทั้ง2คนคือคนรู้จักของเรา
บิวตี้ : รูปใครหรอคะหม่าม๊า//บิวตี้เงยหน้ามาถามเรา
เรา : รุ่นพี่ของหม่าม๊าเองค่ะ เคยเรียนหมอที่เมกากับหม่าม๊า//เราปาดน้ำตาตัวเอง แล้วนั่งลงยองๆ ข้างบิวตี้
บิวตี้ : คุณลุงกับคุณป้าสินะ สวัสดีค่ะ หนูชื่อบิวตี้เป็นลูกของหม่าม๊าสโนว์นะคะ//บิวตี้หันไปยิ้มกับรูปของทั้ง2คน เรากลับน้ำตาไหลมากกว่าเดิม
เรา : พี่ๆ ค่ะ สโนว์มาหาแล้วนะคะ ขอโทษที่มาช้าไป ต่อไปสโนว์กับบิวตี้จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ//เราจับมือบิวตี้ไว้แน่น
บิวตี้ : หนูจะดูแลหม่าม๊าสโนว์ไปตลอดเลยค่ะ//บิวตี้พูดกับรูปภาพทั้ง2คน เราเช็ดน้ำตาตัวเอง แล้วลุกขึ้นยืน
เรา : กลับกันดีกว่าเดี๋ยวหม่าม๊าต้องเข้ารพ.ไปทำงาน
บิวตี้ : ได้ค่ะ ไปก่อนนะคะคุณลุงคุณป้า//บิวตี้หันไปยิ้มและโบกมือให้กับรูปของทั้ง 2คน
เราพาบิวตี้กลับมาที่รถ ไทเกอร์นั่งเอนเบาะหลับอยู่ในรถ เราเคาะกระจกรถเพื่อปลุก ไทเกอร์ตื่นแล้วเปิดประตูเดินลงมา
ไทเกอร์ : เสร็จแล้วเหรอโกว
เรา : เสร็จแล้ว กลับกันดีกว่า ไปส่งโกวที่บ้านนะ
ไทเกอร์ : ครับผม
กริ๊ง..กริ๊ง โทรศัพท์เราดังขี้น เราหยิบมาดูเป็นพี่นัดที่โทรเข้ามา
เรา : ค่ะพี่นัด
พี่นัด : คุณสโนว์อยู่ไหนคะ//เสียงพี่นัดดูตื่นเต้นมาก
เรา : อยู่วัดค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า
พี่นัด : ตอนนี้มีcaseผู้ป่วยโรคหัวใจเข้ามา พี่อยากให้คุณสโนว์เข้ามาด่วนๆ เลยค่ะ
เรา : ไอ้นะ..อื้ม หมอนทีไม่อยู่เหรอคะ
พี่นัด : หมอนทีมีcase ผ่าคนไข้อีกคนพึ่งเข้าห้องผ่าตัดไปเมื่อกี้เองค่ะ
เรา : สโนว์อยู่ไกลจากรพ. กว่าจะเดินทางไปถึงคงต้องรอหน่อย
พี่นัด : ขอด่วนๆ ได้ไหมคะ เพราะcaseนี้สำคัญมาก//เสียงพี่นัดดูรนๆ จริงๆ เราหันหน้าไปมองไทเกอร์
เรา : ไทเกอร์ไปส่งโกวที่รพ. ได้ไหม โกวมีcaseด่วน
ไทเกอร์ : ได้โกว
เรา : จากที่นี่ใช้เวลาเท่าไหร่
ไทเกอร์ : รถติดมากๆ ก็ใช้เวลา2ชม.
เรา : 2ชม.เลยเหรอคงไม่ทัน//เรายกหูโทรศัพท์แล้วคุยต่อ
เรา : พี่นัดลองหาหมอใกล้ๆ ก่อนได้ไหมคะ สโนว์เดินทางใช้เวลาเกือบ 2ชม.กว่าจะถึงรพ.เพราะรถติด
พี่นัด : หาหมอที่อื่นไม่ได้ค่ะ เพราะมันเป็นความลับของทางรพ.
เรา : ความลับ!! แสดงว่าไม่ใช่ผู้ป่วยธรรมดาใช่ไหม
พี่นัด : ใช่ค่ะ พี่เลยอยากให้คุณสโนว์มาเร็วๆ
ไทเกอร์ : โกวรีบมากเลยหรอ//ไทเกอร์ถามแทรกขึ้นมา เราพยักหน้าตอบกลับไป
ไทเกอร์ : มีวิธีนะโกว รับรองภายในครึ่งชม.ถึงรพ.ของโกวแน่//เราอึ้งไปนิดนึงกับคำพูดของไทเกอร์ แต่ก็ดีที่จะถึงรพ.ไวไว ไทเกอร์เดินไปหยิบอะไรหลังรถกระบะ เราไม่ได้สนใจ หันมาคุยโทรศัพท์ต่อ
เรา : พี่นัดค่ะ อีกครึ่งชม.สโนว์จะถึงรพ. สั่งเอกซเรย์ทรวงอกไว้ได้เลยค่ะ
พี่นัด : เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณสโนว์//พี่นัดพูดจบ ก็วางสายไป เราหยิบโทรศัพท์เสียบเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
เรา : ไปส่งโกวที่รพ. เลยไทเกอร์
บิวตี้ : มีเรื่องอะไรหรอคะหม่าม๊า
เรา : มี case ผ่าตัดด่วน หม่าม๊าต้องรีบไปรพ.
บิวตี้ื : งั้นต้องรีบไปเลยค่ะ//พวกเราต่างรีบขึ้นรถ
ไทเกอร์ : โกวคาดbeltไว้เลย//เราคาดเข็มขัดตามที่ไทเกอร์บอก
เรา : ตอนแรกบอกใช้เวลา2ชม. ทำไมถึงเปลี่ยนมาครึ่งชม.//เราถามไทเกอร์กลับไป มือก็ดึงbeltมาคาดล็อคไว้
ไทเกอร์ : ก็แบบนี้ไง//กึก!! ไทเกอร์เปิดสวิตช์ข้างพวงมาลัย หวืดดดด หวี๋อ!! หว๋อ!! เสียงไซเรนรถพยาบาลดังขึ้น ทำเราตกใจ หันซ้ายหัวขวาเพื่อมองยังต้นเสียง แต่กลับไม่มีรถพยาบาล
เรา : เสียงมาจากไหน นี่มันในวัด ทำไมมีเสียงรถพยาบาล
ไทเกอร์ : บนนี้ไงโกว//ไทเกอร์ชูนิ้วชี้ไปที่หลังคา เราหันไปมองกระจกด้านข้างของรถ มองไปบนหลังคารถกระบะด้านบน เราถึงกลับตกใจ เพราะบนหลังคารถเราเห็นไซเรนแถวยาว สีแดงสีน้ำเงิน กระพริบรัวๆ มันเป็นแบบเดียว
กับของรถพยาบาล
เรา : ไปเอามาจากไหน
ไทเกอร์ : โกวไม่ต้องสนใจหรอก ผมแค่เอาไว้ใช้ตอนฉุกเฉินเท่านั้น โกวจับแน่นๆ ล่ะ ผมจะซิ่งแล้ว//บรืน!! ไทเกอร์เหยียบคันเร่งอย่างแรง ขับรถอย่างไว รถแต่ละคันเมื่อเห็นรถกระบะคันนี้ที่มีไฟไซเรนอยู่บนหลังคา ก็ต่างพากันหลบทางให้ และแล้วก็ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชม.ก็ถึงรพ.
เรา : ฝากไทเกอร์ส่งน้องที่บ้านด้วยนะ ไม่ต้องขับเร็วล่ะ ปลอดภัยไว้ก่อน
ไทเกอร์ : ได้ครับโกว
บิวตี้ : สู้สู้นะคะหม่าม๊า//บิวตี้ส่งยิ้มให้เรา
เรา : ได้ค่ะคนสวย ตอนเย็นเจอกันที่บ้านนะ อ่ะ!! ฝากกระเป๋าหม่าม๊าเก็บที่บ้านด้วยนะเพราะมันเกะกะ//เราส่งกระเป๋าสะพายให้บิวตี้ถือไว้
บิวตี้ : ได้ค่ะหม่าม๊า
เรา : น่ารักที่สุด ฟอด!! //เราหอมแก้มบิวตี้ แล้วเดินลงจากรพ. จากนั้นกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ารพ. พี่นัดยืนรออยู่ที่หน้าประตูทางเข้าอยู่แล้ว
พี่นัด : มาแล้วๆ คุณสโนว์มาแล้ว นี่เสื้อกาวน์ค่ะ//พี่นัดส่งเสื้อกาวน์ เรารับมาใส่ เดินไปใส่ไป
เรา : คนไข้อยู่ห้องไหนคะ//เราเดินนำพี่นัด
พี่นัด : ตึกvvip ค่ะ//เราหยุดเดิน หันกลับไปมองหน้าพี่นัด
เรา : ขนาดต้องใช้ตึกvvip แสดงว่าไม่ธรรมดาจริงๆ นะคะ พี่นัดเดินนำเลยค่ะ//พี่นัดเดินนำ เราเดินไปข้างๆ
พี่นัด : ผู้ป่วยคนนี้แอ็ดมิทด่วนเข้ามาเมื่อเช้าตอนที่พี่โทรหาคุณสโนว์ค่ะ เขาเป็นนักการเมืองชื่อดัง ซึ่งทางผู้ป่วยไม่อยากให้เปิดเผยข้อมูลผู้ป่วยออกไป
เรา : กลัวเป็นข่าวสินะ//เราพูดแทรก
พี่นัด : น่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ เพราะช่วงนี้มีปัญหาการเมืองอยู่ด้วย
//พี่นัดพูดเบาๆ
เรา : เข้าใจแล้วค่ะ แล้วหมอนทีล่ะ
พี่นัด : หมอนทีผ่าตัดคนไข้อยู่คงออกมาไม่ได้
เรา : ค่ะ//เราทั้ง2คนรีบเดินไปยังตึกvvip เป็นตึกที่ไกลออกมาจากตัวรพ. มาทางด้านหลัง เป็นตึก5ชั้น ตึกนี้ใช้สำหรับผู้ป่วยvvip เท่านั้นก็เหมือนกับcaseนี้ที่เป็นนักการเมืองชื่อดัง ที่ไม่อยากให้สื่อหรือใครรู้ จึงต้องแอบมารักษาที่นี่ พี่นัดพาเราขึ้นลิฟต์มายังชั้น5เป็นชั้นบนสุดของตึก ทั้งชั้นมีพวกบอดี้การ์ดใส่เสื้อสูทสีดำ ใส่แว่นตาดำ ยืนเฝ้ากันอยู่เกือบ10คน คุมเข้มทั้งชั้น เราและพี่นัดเดินออกจากลิฟต์ ทุกสายตาหันมาจ้องและทำหน้าดุใส่
เรา : ต้องเฝ้าชนาดนี้เลยเหรอคะ//เราถามพี่นัดเบาๆ
พี่นัด : คนใหญ่คนโตก็แบบนี้แหละค่ะ//พี่นัดกระซิบตอบ แล้วเดินนำเรามาหยุดอยู่หน้าห้องผู้ป่วย ที่มีบอดี้การ์ดหน้าเข้มยืนขวางอยู่ที่ประตู2คน
พี่นัด : นี่คือคุณหมอสโนว์จะมารักษาผู้ป่วย//พี่นัดพูดแจ้งกับบอดี้การ์ดไป
บอดี้การ์ด : ท่านบอกห้ามหมอคนไหนเข้านอกจากหมอนที
เรา : หมอนทีผ่าตัดอยู่ จะรอหมอนทีก็ได้นะ แต่เจ้านายของคุณจะตายซะก่อน ฉันไม่รู้ด้วย//เราพูดขึ้น บอดี้การ์ดทั้ง2คนมองหน้ากันเอง
พี่นัด : หมอสโนว์เก่งนะคะ ไม่ให้หมอสโนว์รักษาก็ไม่มีหมอคนไหนแล้ว อาการผู้ป่วยกำลังแย่//พี่นัดพูดขึ้น
เรา : ฉันไม่สนใจอยู่แล้ว ก็ผู้ป่วยระบุว่าเป็นหมอนที งั้นก็นอนรอไปเถอะ อย่ามาโทษรพ.ของเราล่ะกันว่าไม่ยอมรักษา เพราะผู้ป่วยเลือกเอง//เราพูดจบกำลังจะหันหลังเดินกลับ
บอดี้การ์ด : ก็ได้ เชิญหมอเข้าไปดูอาการ//บอดี้การ์ดคนนึงพูดขึ้น เรายกยิ้มทันที หันกลับไป แค่พูดขู่ไปนิดหน่อยพวกนี้ก็ยอมให้เข้าไปแล้ว เราและพี่นัดเดินเข้าไปในห้อง เห็นผู้ชายร่างอ้วน ผิวขาว วัยกลางคน ใบหน้าซีด นอนหลับสนิท
ใช้เครื่องหายใจอยู่บนเตียง
..?? ..: มาแล้วเหรอครับ//มีเสียงพูดตากด้านข้าง เราหันไปมองตรงโซฟาปลายเตียงมีผู้ชายคนนึงร่างสูง ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว ใส่แว่นตา คิ้วเข้ม ท่าทางดูเรียบร้อย ลุกขึ้นเดินมาทางพวกเรา
..?? ..: หมอนทีล่ะครับ//ผู้ชายคนนั้นเอ๋ยถามขึ้น
พี่นัด : ขอโทษค่ะคุณหมอนทีติดcaseผ่าตัดอยู่คงออกมาดูอาการตอนนี้ไม่ได้ แต่ทางรพ.ของเรามีหมออีกคน คนนี้คือหมอสโนว์มาจากรพ.ทางเมกาค่ะ//พี่นัดแนะนำเราให้กับผู้ชายคนนั้น
เรา : ฉันหมอสโนว์ค่ะ
พี่นัด : และนี่เลขาของผู้ป่วย ชื่อ..//พี่นัดกำลังจะพูด แต่มีคนแทรกขึ้น
เลขา : ผมชื่อวราวุธ เรียกผมว่าวุธเฉยๆ ก็ได้ครับ//ผู้ชายที่เป็นเลขาพูดแทรกขึ้น ยื่นมือจะมาขอจับมือเรา แต่เราไม่จับตอบ
เรา : ค่ะ ขอดูประวัติคนไข้กับฟิล์มเอกซเรย์หน่อยค่ะ//เราหันไปบอกพี่นัด
พี่นัด : ได้ค่ะ//พี่นัดเดินไปหยิบกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงผู้ป่วยมาส่งให้ เราหยิบอ่าน
เรา : คนไข้ชื่อคุณประ...//เราอ่านข้อมูลคนไข้ อ่านชื่อยังไม่จบ เงยหน้าไปมองพี่นัด พี่นัดไม่พูดอะไรแค่ยิ้มเจื่อนๆ แล้วพยักหน้า1ครั้ง เราก้มอ่านประวัติคนไข้ในมือต่อ
เรา : ปีที่แล้วเคยทำบอลลูน1ครั้ง3จุด เนื่องจากมีไขมันอุดตันสินะคะ//เราอ่านมาถึงประวัติการรักษา
เรา : แต่ไม่ได้ทำที่รพ.ของเรา ไม่ใช่ฝีมือหมอนที//เราเงยหน้ามองคนไข้ที่นอนหลับอยู่บนเตียง
คุณวุธ : ใช่ครับ ปีก่อนท่านไปทำบอลลูนอีกรพ.นึง ไม่ได้ผ่าตัดแต่ใช้การทำแบบPCI//คุณวุธเลขาของผู้ป่วยพูดแทรกขึ้น (PCI เป็นการทำบอลลูนอีกประเภทหนึ่ง การรักษาแบบไม่ผ่าตัด เป็นการขยายหลอดเลือดหัวใจ อันดับแรกจะฉีดสีเข้าไปดูบริเวณหัวใจแล้วทำการใช้บอลลูนเข้าไปยังเส้นเลือดแล้วเสียบขดลวดเล็กๆ เข้าไปที่บริเวณไขมันอุดตัน แล้วให้ขยายขดลวดนั้นออกให้มีขยายใหญ่เท่าเส้นเลือดเพื่อดันไขมันบริเวณนั้นออกมา เหมืิอนเป็นการยัดลูกโป้งที่ยังไม่ใส่ลมเข้าไปในเส้นเลือด พอได้ตำแหน่งที่ต้องการก็เป่าลมเข้าลูกโป้งไป ลูกโป้งจะขยายตัวดันไขมันอุดตันบริเวณนั้นให้หลุดออกมา เป็นวิธีที่ง่ายให้ผลดีกับผู้ป่วยและญาติ เพราะไม่ต้องผ่าตัด แต่ผลข้างเคียงมีเยอะ โอกาสติดเชื้อเยอะ เส้นเลือดจะกลับมาอุดตันอีก มีอาการขาดเลือดของกล้ามเนื้อหัวใจฉับพลัน จะเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เจ็บหน้าอก)
เรา : คนไข้มีอาการเพิ่มเพราะไม่รู้จักควบคุมอาหารและไม่กินยาต้านเกล็ดเลือดสินะคะ อาการไขมันถึงได้กลับอุดตันและยังเพิ่มขึ้นอีก//เราจ้องหน้าคุณวุธ
คุณวุธ : กะ..ก็ทำนองนั้น
เรา : ขอดูฟิล์มเอกซเรย์ค่ะ//เราหันกลับไปมองพี่นัด พี่นัดรีบส่งฟิล์มเอกซเรย์มาให้ เราหยิบส่องขึ้นดูกลางแสงไฟนีออน มองไปที่ภาพดำๆ ของหัวใจที่มีเส้นเลือดเยอะๆ
เรา : นี่มัน!! ต้องรีบทำบายพาสให้คนไข้ด่วนๆ เพราะไขมันอุดตันลามไปยังห้องทำงานของหัวใจฝั่งซ้ายแล้ว คนไข้จะเป็นอัมพาต//เราชี้ไปที่หัวใจฝั่งซ้ายล่างในรูปฟิล์มในมือ
พี่นัด+คุณวุธ : หา!! //ทั้ง2คนอุทานพร้อมกัน
เรา : พี่นัด สั่งเตรียมห้องผ่าตัดเลยค่ะ
พี่นัด : ค่ะๆ //พี่นัดยกหูโทรศัพท์บนโต๊ะข้างๆ เตียงโทรไปยังข้างล่าง
คุณวุธ : แล้วอาการตอนนี้ของท่านเป็นยังไงบ้าง//คุณวุธพูดขึ้น เราไม่ได้สนใจรีบเดินไปข้างๆ เตียง
เรา : คนไข้ค่ะ ตื่นมาคุยกับหมอหน่อยนะคะ คนไข้ๆ //เราเขย่าตัวคนไข้
บนเตียง แต่คนไข้กลับนอนนิ่งไม่รู้สึกตัว เราหยิบไฟฉายจากปกเสื้อออกมา เอามือเปิดตาคนไข้ ใช้ไฟส่องเข้าไป แต่คนไข้หลับสนิทมากเห็นแต่ตาขาว ทั้ง 2ข้าง
คุณวุธ : ท่านฉีดยาสลบไปครับ//คุณวุธพูดแทรก ควับ!! เราหันไปมองทันที
เรา : ยาสลบ!! //เราปล่อยมือออกจากตา จังหวะนั้นพี่นัดวางโทรศัพท์พอดี
พี่นัด : ผู้ป่วยบอกเจ็บหน้าอกมากจนทนไม่ไหว ทางเราเลยให้พยาบาลฉีดยาสลบให้ก่อน//พี่นัดพูดแทรก
เรา : แย่มาก แบบนี้ก็ไม่รู้อาการเบื้องต้นล่ะสิ ผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่ ให้ยาสลบไปอาจมีผลต่อการเต้นของหัวใจนะคะ แค่เรื่องพื้นฐานเจ้าหน้าที่ในรพ.ก็น่าจะรู้สิ ไม่ได้เรื่องกันจริงๆ //เราพูดด้วยความหงุดหงิด
พี่นัด : ขอโทษค่ะ//พี่นัดก้มหน้ามองพื้น
คุณวุธ : จริงๆ ท่านบังคับให้พวกพยาบาลในห้องฉุกเฉินฉีดยาสลบเองแหละครับ เพราะท่านปวดมากๆ จนทนไม่ไหว คุณหมออย่าไปว่าคนอื่นเลยครับ
เรา : ต่อให้ผู้ป่วยจะเจ็บขนาดไหน ต้องให้ผู้ป่วยอดทน ยาทุกตัวมีผลกระทบกับผู้ป่วยทั้งนั้น ผู้ป่วยไม่รู้ไม่เป็นไร แต่พวกเจ้าหน้าที่ต่างหากที่ควรรู้และเห็นชีวิตผู้ป่วยสำคัญกว่าสิ่งไหน
พี่นัด : ขอโทษค่ะ ต่อไปพี่จะกำชับเจ้าหน้าที่และพยาบาลทุกคนค่ะ
เรา : ช่างเถอะๆ จำไว้เป็นบทเรียน เรื่องห้องผ่าตัดล่ะคะ
พี่นัด : พี่แจ้งเจ้าหน้าที่ไว้แล้วอีก30นาทีจะเตรียมเสร็จค่ะ
เรา : พี่นัดหาทีมแพทย์สแตนบายให้สโนว์หรือยัง
พี่นัด : เรียบร้อยแล้วค่ะ
เรา : งั้นหมอขอตัวไปเตรียมพร้อมการผ่าตัดนะคะ//เราหันไปมองคุณวุธ
ปัง!! เสียงประตูผลักเข้ามาแรงๆ แล้วตามด้วยเสียงพูด
..?? ..: ใครให้หมอสโนว์เป็นคนผ่าตัด//พวกเราทั้ง3คนหันไปมองยังเจ้าของเสียง