7
รถไฟฟ้าสายชานเมืองมองเห็นทิวทัศน์ย่านกรุงเก่าในมุมสูง แม่น้ำทอดยาวสลับต้นไม้สีเขียวชอุ่มและวัดวาอารามทำให้เมืองเล็ก ๆ ยิ่งสวย ที่สำคัญคือฟรี! ตลอดช่วงวันหยุดยาวนี้ เณศราเพิ่งรู้จากคนที่ใช้บริการบ่อยกว่า เธอยืนพิงกำแพงด้านในสุดของตู้โดยสาร ตามองออกนอกหน้าไปพร้อมความคิดหลายอย่าง
ตัวเธอไม่อยากเปิดประตูใจต้อนรับใคร แต่อาจารย์ป้องเป็นผู้ชายที่...
น่าค้นหา...
หน้าโหด! แต่มีแรงดึงดูดแต่หัวจรดเท้าเลยก็ว่าได้
“อาจารย์ยังไม่มีแฟนหรือคะ?”
“มีคงไม่มายืนตรงนี้ ผมยังไม่แต่งงานเหมือนคุณสองคนนั้นนะครับ อ้อ... ได้ยินมาว่าเขาเรียนคณะเดียวกันนะ”
อีกนัยหนึ่งที่เขากำลังจะบอกคือปัถฐพลอาจคุยกับสาวอีกคนระหว่างคุยกับเจ้าของร้านเบเกอรี่ด้วยหรือเปล่า
“เรียนคนละปีแต่ว่าเขาเจอกันที่งานเลี้ยงรุ่นมั้งคะ คบกันมานานตั้งแต่สมัยเรียน รักแรกพบอะไรสักอย่าง ฉันก็ดูมาจากคลิปวิดีโอในงานแต่งนะเรื่องนี้ไม่รู้จริง ๆ พี่ปัดเขาไม่เคยเล่าให้ฟังเลยค่ะ”
“คุณเนยเป็นรุ่นน้องคนละคณะนี่ ทำไมไปเจอกันได้ล่ะครับ?”
“เพื่อนฉันเป็นน้องสาวของเขาค่ะ ชื่อวิ... แต่คนละวินะคะคนนี้ปวิมล ทีแรกวิเรียนคหกรรมห้องเดียวกันก่อนย้ายไปคณะบริหารน่ะค่ะ เลยได้มารู้จักกัน”
สีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไร ดวงตาคู่สวยเอ่อคลอหยาดน้ำใส คราถ่ายทอดเรื่องราวของสองพี่น้องที่ดีกับเธอมากมาตั้งแต่สมัยเรียนยังอยู่หมู่บ้านใกล้กัน ไม่ว่าเขาถามอะไรเธอก็ตอบอย่างคนซื่อ...
ในความคิดของป้องเกียรติคงรู้แน่แล้วว่าต่อให้เธอโดนหลอกคบซ้อนก็คงจะไม่รู้ตัว ทว่าเขากลับถามโดยไม่สนใจความรู้สึกของเธอ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก
“ผมได้ยินจากเพื่อนที่งานมาอีกอย่าง เสียใจด้วยนะครับ ถ้าเป็นผมจะเทหมดหน้าตักให้ผู้หญิงคนนี้มากกว่าสนใจธุรกิจของพ่อแม่”
เณศรานิ่งอึ้งไป เธอเบือนหน้าหนีเขาที่พูดจาน่ารักเหลือเกิน ยกมือขึ้นทัดผมไว้ข้างหลังใบหูอย่างไม่เป็นตัวของตัวเองนัก
“คงไม่ต้องถึงขนาดนั้นมั้งคะ... ว่าแต่อาจารย์จะวาดรูปยังไงนะ?”
“ผมมองอยู่ กำลังจำ... จะกลับไปวาดที่บ้าน”
“ต้องจ้องขนาดนี้เลยหรือคะ?”
แน่ล่ะว่าเขาจ้องหน้าเธอจนแทบทะลุ หลังขยับพื้นที่ให้สตรีและคนชรา มือจับราวเหล็กด้านบนสุดด้วยความสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบกว่าเซนติเมตร ห่วงสีแดงก็ยังดูเตี้ยไปไม่สะดวก แขนเสื้อที่พับกันจนย่นยืนห่อไหล่ทำให้เธอเผลอลอบมองอยู่ว่าคนอะไรจะสูงปานนั้น แต่คงไม่กล้าที่จะสบตากันตรง ๆ
พอคนมากมายหลั่งไหลเข้ามาเหมือนมดแตกรังจากสถานีใหญ่ในช่วงเวลาเร่งด่วน มือหนาเลื่อนลงกระชับจับกระเป๋าเอกสาร ถือวิสาสะจับหัวเจ้าตุ๊กตาหมีบนกระเป๋าใบเล็กน่ารักขยับมันมาไว้ด้านหน้าเพื่อระวังทรัพย์สินมีค่า อีกข้างทรงตัวไว้ด้วยการเท้ามือลงบนผนังสีขาว ล้อมกรอบวงหน้าขาวใส
เณศรารู้สึกเหมือนตัวลีบเล็กลงเท่ามด ด้วยความหวังดีของชายร่างใหญ่กำยำที่พยายามทำตัวเป็นกำแพงมนุษย์ ไม่ปล่อยให้เธอถูกแรงเหวี่ยงในรถไฟฟ้าซัดกระเด็นไปชนใคร ไม่ให้ใครมาถูกเนื้อต้องตัวแม้ปลายผมที่เรียบลู่ลงชิดติดกำแพง
การที่เขาคอยเทคแคร์เธอแม้เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่หวั่นไหวเลยคงต้องเป็นพวกไร้ต่อมฮอร์โมนเพศ
“ขอบคุณนะคะ แล้วเรา... จะมาวาดรูปด้วยที่รถไฟฟ้าอีกไหม เป็นที่อื่นก็ดีนะ คือฉันเป็นคนติดดินอยู่แล้วไม่ได้รังเกียจขนส่งสาธารณะ ฉันอายอาจารย์จ้องหน้าฉันค่ะ มันใกล้ไป... ถ้าวาดรูปเป็นนางแบบไกล ๆ ให้พอไหว”
“ไม่มองก็จำไม่ได้ครับ ผมกำลังวาดรูปในหัว ผมชอบภาพในรถไฟฟ้านะ...”
ความหมายนั้นคงไม่มีอะไร คนตัวเล็กกลับเหลือบตามองบนอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ทำเอาเขาแค่นหัวเราะออกมา
“อย่าคิดลึก... ผมหมายความว่ามองถนัดเก็บรายละเอียดได้ดี รูปคงจะออกมาสวยมาก”
“สวยก็สวยค่ะอาจารย์... ปกติชอบจีบสาวสวย ๆ หรือคะ?”
“คุณล่ะ? ถ้าผมไม่ดูดีจะมากับผมไหม คงเทไปตั้งแต่ที่หน้าร้านแล้วหรือเปล่า...”
“ก็... ไม่ถึงขนาดนั้นนะคะ ฉันมาเพื่อรูปก็จริงแต่อาจารย์... ไม่ได้ทำตัวไม่สุภาพกับฉัน แล้วฉันกลับทางนี้... แค่นั่งรถไฟฟ้ากลับทางเดียวกัน ไม่มีอะไรนี่คะ”
เสียงเจื้อยแจ้วราวนกแก้วนกขุนทองพารอยยิ้มบนวงหน้าหล่อเหลา ป้องเกียรติพยายามจดจำทุกรายละเอียดตั้งแต่คิ้วโก่งงามเหนือดวงตากลมโต เรียวปากงามกระจับสีชมพู จมูกรั้นที่ทำให้ใบหน้าพริ้มพราย ขณะพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติกับเธอซึ่งนับว่าเป็นคนดีมาก ๆ
สมกับที่รอคอยโอกาสนี้มานาน เขาไม่ได้จะมาวาดรูปหรอก แค่อยากใช้เวลากับเธออีกสักนิด น่าเสียดายที่ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าคงใกล้ถึงจุดหมายเต็มที
“แล้ว... อาจารย์สอนวิชาอะไรคะ?”
“ผมสอนคอมฯ พวกเขียนโปรแกรม คำสั่งต่าง ๆ ครับผมจบสาขานี้” อาจารย์หนุ่มตัดสินใจโน้มตัวลงยกมือป้องปากกระซิบ “เวลาออกมาข้างนอกช่วยเรียกคุณหรือพี่ป้องได้ไหมครับ? อย่าเรียกอาจารย์...”
“จะดีเหรอคะ?” เธอชนหัวคิ้วเข้าหากัน แต่พอปะเข้ากับแว่นกรอบหนาของคนข้างกายที่ถอยห่างออกพร้อมเสียงอ้อนหวาน
“นะครับ... ผมไม่ได้เป็นอาจารย์เนยนี่ ผมไม่เคยมองคุณเป็นลูกศิษย์ คนเขาจะมองผมไม่ดีเอานะ คุณเนยยิ่งตัวเล็กหน้าใสยังกับเด็กนักศึกษา”
หยอดอีกจีบเก่งไปอีกค่ะอาจารย์!
ว่าในใจพลางยกมือขึ้นจับผมสะบัดไปข้างหลัง อีกคนก็ช่วยจัดการปอยผมเป็นลอนสวยขึ้นวางพักบนบ่าอย่างนำเสนอตัวเต็มที่ แม้ว่าเธอจะบอกว่าไม่เป็นไร เขากลับยิ้ม...
ไม่ค่อยจะได้เห็นอาจารย์ป้องยิ้มแต่เห็นได้บ่อย ๆ เวลาอยู่กับเจ้าของร้านเบเกอรี่หน้ามหา’ลัย
“ก็ได้ค่ะ... คุณป้อง เรียกคุณก็คุณทำไมเป็นคนช่างเซ้าซี้จังเลยคะ”
“แต่ผมเรียกน้องเนยเพราะว่าผมอายุห่างจากเนยเยอะ ดีไหม?”
“ตามใจเลยค่ะ เอาที่สบายใจ”
“ถ้าตามใจก็เรียกพี่ป้องนะครับ พี่แก่กว่าน้องเกือบรอบได้มั้ง” ลื่นเป็นปลาไหล! ป้องเกียรติเห็นแก้มแดง ๆ นึกอยากหยิกแต่เขาคงต้องรีบทำคะแนนก่อน
“ไม่น่าถึงมั้งคะ”
“พี่ย่างเข้าสามสิบหกปีนี้ครับ เนยล่ะ? ไม่น่าถึงสามสิบยังไงก็เด็กกว่าเยอะ จะมาเรียกรุ่นพี่ว่าคุณได้ไง...”
เณศราแสนกระดากอายหลังโดนรุกหนัก จากคนที่มีความสามารถต้อนเธอจนมุมทุกครั้ง แต่คงไม่ได้พูดคุยกันต่อพอได้ยินสัญญาณเตือนถึงสถานี มือคว้าสายกระเป๋าหนังของคนข้างหน้าไว้ด้วยกลัวหลงกัน ขณะฝ่าฝูงชนบนทางเดินระหว่างชานชาลารถไฟฟ้า
ครั้นจะจับแขนชายเสื้อผู้ชายตัวโตก็เกรงว่ามันจะไม่งาม แต่เมื่อเขาหันหลังกลับมาคว้ามือของเธอฉับไวเพื่อหลบหลีกผู้คนมากมาย ที่กำลังเดินทางกลับบ้านหรือไปทำธุระที่ไหนสักแห่ง ต่างคนรีบร้อนจนหัวไหล่ชนกัน แต่ก็ยกมือขอโทษแล้วรีบเดินต่อ เณศราส่ายหน้าไปมามองซ้ายทีขวาทีตามพวกเขา ลืมสนใจมือหนาอุ่นที่พามาถึงบันไดขั้นสุดท้าย
“ขอโทษนะครับ คนเยอะหน่อย พาเนยมาลำบากเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ลำบากอะไรหรอกค่ะ อาจารย์... เอ่อ...”
“พี่ป้องครับ”
มันคงไม่สามารถปรับได้ในทันที แล้วจะให้อาจารย์เป็นพี่! บนริมทางเท้ามีทั้งคนและรถสัญจร เขายังคงจับมือของเธอ แต่พอถูกมองค้อนก็ค่อย ๆ ปล่อยมือเรียวขาวอย่างเสียอกเสียดาย ก้มหน้าลงมองพื้นอิฐกลบเกลื่อนอาการ
“ทำไมสาว ๆ บนรถไฟฟ้าชอบมาถูหลังจริง จั๊กจี้”
“แอบไปเล่นกล้ามที่ไหนมาล่ะคะ? ใครกันจะไม่อยากถู” เฮ้ย! นังเนยย! ยกมือป้องปากทันที หญิงสาวเบิกตากว้างพอเขาก้มหน้าลงโค้งมุมปากละไม
“ฉันหมายถึงคนอื่นนะคะ”
“แบบนี้เสียใจแย่นะครับ อุตส่าห์ดูแลสุขภาพ ออกกำลังกายทุกวัน ไม่ดึงดูดอยู่คนเดียว”
เณศราเพิ่งรู้สึกตัวว่ามันไม่สุภาพ ควรเขินสักหน่อยให้เขาสบายใจ เธอเลยแกล้งยกมือขึ้นปัดปอยผมเบือนหน้าไปอีกทาง ก่อนจะต้องตกใจเข้าจริง ๆ พอร่างสูงชะลูดขยับมือมาช่วยจัดแจงผมกระเซิงให้เข้าที่
“ขออนุญาตนะ มาพี่ช่วยครับ...”