8
ยามสายฝนโปรยปรายในฤดูปลายฝนต้นหนาว หากทอดสายตามองออกไปไกล ๆ จะเห็นชายร่างสูงกำยำบริเวณโต๊ะม้าหินหน้าร้านเป็นประจำ ในเสื้อเชิ้ตสีเข้มอาจชื้นละอองน้ำผ่านกันสาดหลังคามาอีกชั้นหนึ่งซึ่งไม่ถึงกับทำให้เปียก เขามักนั่งทานขนมเค้กที่เดิมหนาว ๆ
เณศราเพิ่งนึกหน้าลูกค้าคนหนึ่งออกเลยตรงเข้าไปถาม ทั้งที่เขาอุตส่าห์เรียกร้องความสนใจมาตั้งนาน
“มานั่งตรงนี้อีกแล้วนะคะ”
“พี่นึกว่าร้านปิดแล้ว... เห็นปิดสองทุ่ม” ป้องเกียรติยิ้มแล้วทำหน้านิ่งอย่างเดิม “ไปส่งได้ไหมครับ?”
“ใครส่งใคร... คะ?”
“รถ... พี่เสียครับ”
“จริงเหรอคะ? อ้าว... ก็ยังเห็นขับอยู่เมื่อเช้านี้” เธอเลิกคิ้วขึ้นมองไปทางลานจอดรถโล่งข้างร้าน ไม่เห็นโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีดำของอาจารย์ที่คงจะเลิกสอนช้าในวันศุกร์ ยังอุตส่าห์เดินมาตั้งไกล
เณศราเลิกเรียกเขาว่าอาจารย์มาสักพักแล้วด้วยความที่ออกไปข้างนอกด้วยกันหลายครั้ง ความหน้าเด็กของเธอเป็นเหตุให้คนนึกว่าเป็นนักศึกษาซึ่งมันคงไม่เหมาะสมนัก ขณะที่เธอไว้วางใจเขาที่เป็นสุภาพบุรุษพอสมควร
แต่คำก็พี่... สองคำก็พี่... ยังตามแจกขนมจีบได้ทุกวัน
“เล่นมุกหรือเปล่าคะ... รู้สึกว่าพี่ป้องจะรถเสียบ่อยจังเลยนะ”
“ครับ... นั่นแหละ ไม่ได้พูดความจริงเพราะว่าอยากมาหาเนยไง วันนี้พี่ไม่ได้เอารถมา รังเกียจหรือเปล่า?”
“ไม่รังเกียจค่ะถ้าเป็นลูกค้า แล้วคนนี้... วาดรูปให้ตั้งหลายใบ เข้าไปข้างก่อนเถอะค่ะ นั่งตรงนี้นาน ๆ ไม่ชุ่มชื้นไปทั้งตัวกลัวจะโดนโจรปล้นเอานะคะ”
“โจรที่ไหน? ยังไม่เคยได้ยินว่ามีนะ ไม่เห็นมีใครที่มหา’ลัยโดนโจรปล้น มากสุดก็วิ่งราวกระเป๋าตอนดึก ๆ... นู่นซอยนู้น” คนพูดชี้ปลายนิ้วไปด้านนอกร้านทางฝั่งขวา โดยมีดวงตาคู่สวยมองตามอย่างระแวดระวัง
เวลานี้ในร้านไม่มีใครนอกจากลูกน้องอีกสองคนที่กำลังทำความสะอาดล้างจานอยู่ข้างหลัง ส่วนด้านนอกมีแสงไฟจากรถยนต์เต็มท้องถนน
คนอะไรขี้โม้... เขาน่าจะอำเธอมากกว่าล่ะมั้ง
“เข้ามาก่อนมานั่งในร้านก่อนนะคะเดี๋ยวจะไม่สบายเอา ฉันขอเก็บร้านให้เรียบร้อยก่อนค่อยกลับ”
“ครับ...”
พอได้รับคำอนุญาต ป้องเกียรติจึงเดินตามไป ทั้งสีหน้าท่าทางดีใจเป็นลิงโลดกับการตามติดสาวที่แอบชอบหลังเลิกงาน
“วันนี้ลูกค้าเยอะหรือเปล่า... ทานข้าวรึยังครับ?”
“ไม่หิวค่ะ ปกติฉันจะทานแค่ผลไม้ตอนเย็น กลัวอ้วนน่ะค่ะ”
“ไม่เห็นอ้วนเลย หุ่นกำลังดี”
ในสายตาชื่นชมแม้แต่คำพูดของเขายังติดตามแผ่นหลังบางไป ก่อนที่แอร์เย็นฉ่ำจะทำให้กระจกแว่นเกิดไอน้ำเกาะจนต้องดึงมันออกมาเช็ดด้วยผ้าเช็ดแว่นจากกระเป๋าเสื้อ
“เดี๋ยว ๆ พี่มองไม่เห็น...” พูดเร็ว ๆ หลังเตะขาเก้าอี้เข้าอย่างจังเพราะโลกพร่ามัวเมื่อขาดอุปกรณ์นำทาง
เณศราเห็นคนต้องการความช่วยเหลือ มือคลำอากาศหรี่ตาส่ายหน้าไปมาเหมือนคนเมา เขาไม่เจ็บแค่ต้องพยายามทรงตัวมือคว้าหมับเข้าเก้าอี้ เธอจึงย้อนกลับไปดึงท่อนแขนหนา ๆ ของผู้ชายตัวโตพาไปนั่งบนเก้าอี้โซฟาสีเขียวบริเวณหน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน
“เป็นอะไรไหมคะ?”
“ไม่ครับ แต่ว่ามองไม่ค่อยถนัด”
“มองไม่เห็นเลยหรือคะ?”
“พี่สายตาสั้น 450 ถ้าไม่ใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์มันจะเบลอมาก ๆ”
“น่าไปทำเลสิกนะคะ ไม่มีแว่นตาคงใช้ชีวิตลำบากแย่” เธอมีท่าทีเป็นห่วงเขาแต่พอนึกบางเรื่องออก “ปกติไม่มีสาว ๆ จูงมานั่งนี่ทำยังไงคะ?”
“คลำเอาไงครับ เหมือนคนตาบอดน่ะ เนยว่าน่าสงสารไหมล่ะครับ?”
หญิงสาวยิ้มเจื่อนว่า “เมื่อกี้ยังบอกอยู่ว่าไม่เป็นไร น่าสงสารมากเลยค่ะไม่รู้ว่าควรช่วยยังไงดี เดี๋ยวจะพาไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาล วัดสายตาประกอบแว่นใหม่น่าจะดีนะคะ”
พออีกคนทำหัวเราะชอบใจถ้าหากว่าเธอจะพาเขาไปตัดแว่นใหม่ เณศราก็ทำงอนใส่ เธอบอกให้เขารอแล้วหายเข้าร้านไปหยิบกระเป๋าหนังสีขาวสะพายพาดบ่า ปิดประตูร้านเรียบร้อย พาผู้ชายตัวโตที่กางร่มให้ขึ้นรถไปด้วยกัน
“แปลกดีเหมือนกันนะคะ อาจารย์มหา'ลัยนี้”
“พี่มาเรียกร้องความสนใจหลายครั้งแล้ว ทำไมเจ้าของร้านไม่สนใจลูกค้าเลย” อาจารย์หนุ่มคาดเข็มขัดนิรภัย ด้วยความรู้สึกดีใจที่เธอไว้ใจเขามากขึ้นในแต่ละวัน
แม้ว่าเธอยังมีระยะห่างกั้นกลางไว้ไม่ให้ใครข้าม เขากลับไม่รู้สึกหวั่นกลัวการขีดเส้นของเธอเลย
“จะไปส่งให้ถึงที่เลยนะคะ คิดเสียว่าฉันเป็นแท็กซี่ละกันเนอะ ลูกค้ากิตติมศักดิ์คนนี้น่ะ แต่เลิกเหน็บแนมได้แล้วนะคะ ปกติฉันไม่ให้คนแปลกหน้าขึ้นรถ กลัวเหมือนกันค่ะ”
“กลัวไว้บ้างก็ดีครับ เป็นคนสวยต้องระวังตัวมาก ๆ นะครับ แต่ไม่ต้องระวังกับอาจารย์ป้องนะ ปลอดภัยแน่นอน”
มือเรียวจับพวงมาลัย มองคนข้างกายแล้วกลับยิ้มออกมา เณศราอดไม่ได้ที่จะนึกถึงปัถฐพลแม้รู้สถานะตัวเองดีว่าเป็นคนอื่นไปแล้ว เธอไม่ตอบไลน์และการติดต่อทุกช่องทางเพื่อตัดปัญหา ขณะที่กิจวัตรประจำวันยังเหมือนเดิม ตื่นเช้ามาอบเค้กเลิกงานปิดร้านกลับบ้าน
“พี่อยู่คอนโดฯ ข้างมอนี่เอง แต่ว่าฝนตกคงเดินไปไม่สะดวก นั่งรถเนยแล้วรอบหน้าวันไหนเนยทำงานเหนื่อย พี่จะขอขับไปส่งบ้าง ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณ ได้นะครับ?”
“ไม่เป็นบุญคุณหรอกค่ะ... พี่น่าจะหาเรื่องมามากกว่าดูก็รู้ แมวหน้าร้านยังรู้เลย”
ไม่มีเรื่องรูปก็หาเรื่องสารพัดจะหานั่นแหละ ป้องเกียรติยังเคยบอกว่าเขาได้พูดคุยทักทายเธอทุกวันก็มีความสุขแล้ว ตัวเขาไม่กล้าคิดไปไกล หากว่าเธออึดอัดใจแม้สักนิดให้บอกเขา... ยินดีจะกลับไปนั่งที่เดิม
“ขอบคุณที่ยอมคุยกับอาจารย์จน ๆ แล้วกันครับ”
“พาลูกศิษย์มาทานเค้กร้านเนยบ่อย ๆ แล้วกันค่ะ” เธอหัวเราะตอบเขาที่ขำไม่ออกเรื่องแก๊งเด็กแสบ
นายเปี๊ยกคงได้กลายเป็นฮีโร่ของห้องเรียนที่บรรยากาศดีขึ้นเพราะอาจารย์หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ถึงปากบอกนักศึกษาว่าเกรดและการเรียนไม่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว ต้องแยกออกจากกัน
แต่หน้าตาอาจารย์เรียกได้ว่าโลกทั้งใบเป็นสีชมพูนี่สิ!
ฮอนด้าแจ๊ซสีขาวมุ่งตรงไปตามทาง ท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ ที่ปัดน้ำฝนปัดไปมาเร็วแรง หน้ากระจกเห็นเพียงแต่หยดน้ำพร่ามัวและไฟสีแดงจ้า บนถนนเต็มไปด้วยรถยนต์ทำให้การจราจรติดขัด เณศราคุยกับเขาไปเพลิน ๆ ลืมฉุกใจนึกถึงความเป็นกันเอง แม้แต่เธอก็ยังไม่รู้ตัว
“เนย? แทนตัวเองว่าเนย... น่ารักดีครับ”
“ลืมตัวค่ะ จะลองพยายามดูนะคะ... อืมเนยเนอะ”
ดูแล้วเธอเป็นคนใจดีจนน่าเป็นห่วง แต่เขากลับเข้าข้างตัวเองว่าเป็นคนพิเศษกว่าหนุ่มอื่นสักหน่อย
ขณะแว่นตาที่ถูกไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศกลายเป็นฝ้าอีกรอบ ป้องเกียรติไม่สนใจที่จะถอดมันออกมาเช็ดด้วยอยากเรียกร้องความสนใจจากคนขับรถ แต่เธอก็ไม่สนเขาจึงเอาแต่นั่งยิ้มจนมาถึงจุดหมายในอีกไม่นาน
สิบห้านาทีจากมหา’ลัยกลับมายังที่พัก คนบ้านใกล้อยากย้ายไปอยู่ให้ไกล จะได้อยู่กับเธอนานกว่านี้สักนาที
ป้องเกียรติคิดอะไรไม่ออก หมดมุกจีบสาวเลยจงใจสะบัดแว่นตาออกจากหน้าให้มันตก! ตรงหว่างกลางขายาว ๆ ที่ต้องดึงเบาะให้ขยับไปข้างหลังกว่าจะเก็บมันขึ้นมาได้ ไอน้ำก็เกาะแว่นจนหนาทำให้มองเห็นเพียงภาพเลือนราง
“แย่จัง... ฝนตกแบบนี้ แอร์ก็เย็นจนมองอะไรไม่เห็น เช็ดแล้วเช็ดอีก”
“ทำไมไปโทษฝนล่ะคะ?” เสียงหวานบ่น หลังจอดรถดีแล้วเธอสงสารเขาเหลือเกิน เอื้อมไปหยิบของจากมือหนามาลูบ ๆ ขัด ๆ ด้วยผ้ากำมะหยี่สีเหลือง ด้วยความที่เจ้าของแว่นดันทำไม่ได้ดั่งใจ เงอะงะเหมือนคนไม่เคยใส่แว่น เธอจัดการมันจนสะอาดเกลี้ยงใสแจ๋วอย่างเดิมแล้วส่งคืนให้เขารับไป
“อะนี่ค่ะ... ฝนมันก็ตกของฝน ดูแลแว่นดี ๆ ค่ะ ฉันคงไม่มาเช็ดให้แบบนี้ตลอดไปนะคะ ไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“นั่นสิครับ ไม่น่าไปโทษฝน”
รอยยิ้มมีนัยคล้ายสื่อความหมายบางอย่าง ป้องเกียรติไม่ได้เสียใจที่เธอตัดขาดความสัมพันธ์ทางอ้อม เพราะทุกอย่างเป็นไปตามแผนในรถยนต์เงียบงัน ได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ เครื่องยนต์ที่แผ่วเบาลงเรื่อย ๆ
เณศราดันเพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาจ้องมองมาอย่างมีจุดประสงค์แอบแฝง
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนประกายไม่ละวางไปจากเธอที่เพ่งมองใบหน้าคร้ามคมสะอาดสะอ้าน เคราขึ้นแซมเล็กน้อยไล่ไปตามกรามแกร่งทำให้เขาดูเป็นหนุ่มเคร่งขรึมแต่ดูแลตัวเองดี กระทั่งผมรวบเสยสีดำขลับมีปอยผมเล็ก ๆ ตกลงมาอย่างตั้งใจ
อาจารย์ฮอตเนิร์ดก็ฮอตจริง ๆ อย่างที่น้องนักศึกษาบอกเธอนั่นแหละ!
“เนยครับ... พี่จะไปแล้วนะ” เสียงทุ้มเรียกคนขับให้หลุดจากภวังค์ พอเธอเอาแต่จ้องหน้าจ้องตาเขากว่าจะรู้ตัว อาจารย์หนุ่มขยับแว่นตากลับเข้าที่เดิม
“ค่ะ... กลับห้องดี ๆ นะคะ”
“ครับ...” เงียบไปครู่ เอ่ยอย่างอ้อนขอ “ขอไลน์ไปคุยด้วยบ่อย ๆ ได้ไหม? จะว่างคุยหรือเปล่า... ถ้าพี่โทรไป...”
“มาขออะไรล่ะคะ? ฉันก็ตอบไลน์ทุกคน พี่ป้องส่งอะไรมาถ้าไม่ติดธุระก็ตอบนี่คะ”
นอกจากภาพวาดสวย ๆ ลายเส้นเป็นเอกลักษณ์ อาจารย์หนุ่มยังวาดรูปเธอเป็นตัวการ์ตูน มีเรื่องราวตลกขบขันแอบแฝงในนั้นเช่นเด็กหญิงเณศราในชุดกระโปรงหนูน้อยชั้นอนุบาลโดนคุณครูรูปหล่อใส่แว่นถือไม้เรียวรอหน้าห้อง หลังจากที่เธอลืมทำการบ้านไปส่ง จึงนอนฟุบหน้าร้องไห้
บางรูปก็เป็นเธอร้องไห้แล้วมีครูแว่นมาปลอบใจลูบหลังให้ ไม่รู้ว่าจิตรกรเอกต้องการจะสื่อถึงอะไร
“ฝนมันตกของฝน ตกหนักตกแรงหน่อยเดี๋ยวมันก็หยุด... อย่ากลัวฝนเลยนะครับ พี่ว่ามันออกจะเย็นสบายดี” เสียงทุ้มนุ่มบอกเธออย่างใจเย็น ก่อนที่เขาจะเลื่อนมือไปกุมมือเล็กแผ่วเบา
หญิงสาวเบิกตากว้างตกใจ เมื่อเรียวปากหนาหยักได้รูปจรดลงบนหลังมือนุ่มราวกับว่าเธอเป็นเจ้าหญิงในงานเต้นรำ เจ้าชายขี่ม้าขาวคนนี้จะเป็นอัศวินมากอบกู้หัวใจบอบช้ำของเธอหรือว่าเขาจะทำให้มันเจ็บช้ำหนัก...
เป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้
“ไปจริง ๆ ละนะ ขอบคุณที่มาส่ง... พรุ่งนี้จะไปกินเค้กที่ร้านแต่เช้าเลยครับ”
พูดจบ เขาลุกออกไปจากรถพร้อมรอยยิ้ม ปล่อยคนขับนิ่งอึ้ง หัวใจสั่นไหวประหลาด แม้ว่าเขาจะปล่อยเธอไปได้สักพักแล้วดันเหมือนว่าเขายังจับมือของเธออยู่ สัมผัสอุ่นร้อนที่ทิ้งไว้บนหลังฝ่ามือพาแก้มสีขาวนวลแดงระเรื่อ จนสัมปชัญญะกลับมาจึงโบกมือเรียกบอกว่าลืมร่ม!
สภาพอาจารย์ในเชิ้ตหล่อเหลาเปียกโชกชุ่มท่ามกลางเม็ดฝนที่ตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง สองมือของเขากอดกระเป๋าเอกสาร บอกลาด้วยรอยยิ้ม ไปนะ ๆ อะไรสักอย่างซึ่งเธอมองเห็นแค่ริมฝีปากของเขาขยับ ก่อนจะวิ่งหายไปกับสายฝน
“จริง ๆ เลยนะ... ร่มก็ไม่เอาไป”
ในสีหน้าเป็นกังวลชะโงกคอมองตามเมื่อร่างสูงลับตาไป โดยที่ไม่ได้ขยับรถไปไหน
เธอคิดว่าเขาลืมแต่ว่าเขาไม่ได้ลืม...
เพียงส่งข้อความบอกว่ากลัวเธอจะเปียกตอนเข้าบ้านเพราะว่ามีร่มคันเดียว ส่วนอีกข้อนั้น...
‘แค่คุณเณศรามองเห็นอาจารย์หน้าร้านในสายตาบ้าง คงยอมเปียกฝนมันทุกวัน...’