10
ปัถฐพลทำหัวเสียใส่คนถือช่อดอกไม้มาให้เจ้าของร้านคนสวยแถมแทนตัวเองว่าพี่! แต่โชคชะตาไม่เข้าข้าง พอเสียงแหลมเล็กดังลั่นพร้อมการปรากฏตัวของหญิงสาวในกางเกงขาสั้นสภาพอยู่บ้านสุด ๆ ว่าหล่อนมาตามผัวกลับบ้าน…
เจ้าของร้านเลยถูกพาขึ้นรถยนต์โดยไม่ทันได้ทักถามคนที่มาอาละวาดว่ามีเรื่องอะไรให้ช่วยไหม กระทั่งมาถึงคอนโดมิเนียม สิ่งที่ได้ยินมาตลอดทางจากคนขับรถและเพื่อนสาวซึ่งเธอโทรกลับไปถามเหตุการณ์ มีแค่คำตอบว่าไม่มีทางเลือก
“ทำไมต้องให้ฉันหนีหน้าคุณรวิตาด้วยล่ะ... ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“หลีกได้หลีกดีกว่าครับ กับคนบ้าน่ะไม่ควรเอาตัวเข้าแลก อย่าแลกเลย ไม่ต้องอธิบายอะไรเลยนะครับ”
จากนั้นเจ้าของห้องก็นั่งลงบนโซฟาสีขาวตัวใหญ่ ชักชวนเธอให้นั่งข้างกันหน้าโทรทัศน์แอลซีดีขนาดห้าสิบนิ้ว ในห้องพักกว้างกว่าแปดสิบตารางเมตร สองห้องนอนหนึ่งห้องรับแขกมีห้องน้ำแยกต่างหาก พื้นที่ใช้สอยสมราคาห้าล้านกว่า
ทีแรกเณศราก็ไม่ค่อยจะเชื่อแต่พอได้ยินว่าเจ้าตัวมีนิสัยอย่างไร ทั้งอารมณ์ไม่คงที่โมโหร้ายเอาแต่ใจประสาลูกคนรวย เธอจึงเลิกมีข้อกังขาเรื่องคุณรวิตา มองไปรอบ ๆ ห้องกว้างขวางด้วยอาการประหม่าเพราะเพิ่งเคยเข้าห้องผู้ชายเป็นครั้งแรก
“กินข้าวมายังครับ?”
“ยังค่ะ”
“อยากกินอะไร... ง่าย ๆ ไหม?”
“ได้เลยค่ะ ฉันทานอะไรก็ได้ เบื่อร้านหรูหรา ถ้านาน ๆ ทีพอไหวไปทานได้ แต่...” เงียบไปครู่ เหมือนคนขาดความมั่นใจไปขณะหนึ่ง ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น
“แต่...?”
“คือ... พ่อแม่ฉันบอกเสมอว่าไม่ควรอยู่กับผู้ชายสองต่อสองถ้ายังไม่แต่งงาน ฉันทานข้าวเสร็จแล้วขอกลับเลยนะ”
แม่คนหัวโบราณ! นี่มันยุคไหนแล้วครับ อาจารย์หนุ่มกลอกตามาไปมา ก่อนที่เขาจะกระตุกยิ้มเบา ๆ
“งั้นอาหารตามสั่งนะครับ ร้านข้างล่างตึกนี้ทำกับข้าวอร่อยมาก”
“อะไรก็ได้ค่ะ”
“อะไรก็ได้ไม่มี”
“กะเพรา... ก็ได้ค่ะ”
“กะเพราไก่ไข่ดาวแล้วกันนะครับ” บอกแล้วเขายกโทรศัพท์แนบหูโทรสั่งอาหาร ป้องเกียรติเห็นบางคนนั่งกำมือไว้บนหน้าตักตัวเกร็ง ไม่รู้ว่ากลัวอะไร เขาเกือบจะหัวเราะออกมา ทว่ายังรักษาน้ำใจกันเลยซ่อนรอยยิ้มไว้ตรงมุมปากอย่างนึกเอ็นดู พูดคุยกับเธอเหมือนปกติทุกวันจนได้ยินเสียงกริ่งดัง
อาหารกล่องและน้ำส้มมาส่งในถุงพลาสติก เจ้าของห้องถือถุงหิ้วเดินนำเธอไปทางโต๊ะรับประทานอาหาร
โต๊ะกระจกสีดำตัวยาวติดริมกระจกบานใหญ่มองเห็นแม่น้ำสายยาวไหลผ่านทิวทัศน์เมืองกรุงเทพฯ ภาพสีน้ำมันบนฝาหนังเข้ากันกับผนังสีขาว ดูเรียบง่ายทว่าออกแบบอย่างลงตัวสวยงาม แยกสัดส่วนเป็นห้องรับประทานอาหารด้วยกำแพงกั้นจากห้องรับแขก
เณศรามองไปรอบ ๆ อีกคนก็เดินไปหยิบช้อนส้อมมาบริการวางไว้บนโต๊ะ ดึงเก้าอี้ให้สุภาพสตรี
“พี่อยู่คนเดียวมาหลายปีแล้ว... กินข้าวคนเดียวทุกวัน ถ้าจะมีคนมากินด้วยกันบ่อย ๆ คงดีนะ”
“ออ... อยู่คนเดียวหรือคะ?”
“ครับ... ไม่กกผู้หญิงไว้หรอก เนยคนแรกได้เข้ามาห้องนี้นี่แหละ”
คำพูดนั้นพาแก้มขาวนวลเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นตามลำดับ เธอก้มหน้าหยิบช้อนทานข้าวตั้งใจกิน ทว่าพอชายตรงหน้าฉีกยิ้มกว้างราวกับว่าเธอเพิ่งกลายเป็นโลกทั้งใบของเขา
“ได้ไหมครับ? มากินข้าวด้วยกันบ่อย ๆ ได้ไหม...?”
“ค่ะ... ไว้จะมาทานข้าวด้วยนะคะ” ในที่สุดเธอก็ตอบให้เขาดีใจอีกรอบ
บนโต๊ะรับประทานอาหารอบอวลด้วยความอบอุ่น ร้อนแรงจากความปรารถนาของชายที่เฝ้ามองเธอด้วยแววตาหลงใหลไม่ว่าเธอจะทำอะไร เธอได้ยินเขาเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟังบ้างว่าพอมีฐานะ แต่ออกมาหาเช่าห้องอยู่ข้างนอกตั้งแต่มัธยมปลาย ดิ้นรนทำมาหากินเรียนหนังสือ ช่วยเหลือตัวเองได้แล้วก็ไม่ยอมกลับบ้าน
“พี่... ป้องเป็นคนสู้ชีวิตนะคะ เป็นคนเก่งมาก ๆ เลย”
“ไม่ขนาดนั้นครับ พี่เป็นผู้ชายเอาแต่ใจน่ะ อยากได้อะไรต้องได้ ชอบเรียนหนังสือก็เรียนจนสายตาสั้นมองอะไรแทบไม่เห็น แต่พี่มีความสุขกับสิ่งที่ทำนะ เหนื่อยแค่ไหนจะพยายามเสมอ เป็นคนมุ่งมั่นรับผิดชอบกับทุกเรื่องที่ตัดสินใจไปแล้ว”
เณศราไม่เข้าใจในความหมายของเขานัก มือรวบช้อนส้อมหลังรับประทานอาหารอิ่มในหน้าตานิ่งเฉย
“คือยังไงหรือคะ? เอาแต่ใจเรื่องอะไร”
“เรื่องเนยไง รับปากแล้วนะ ไม่มาล่ะก็... พี่ตามแน่นอน”
“พูดเวอร์ไปค่ะแหม... ยังไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย” เธอพูดไปอย่างนั้นซึ่งเขาก็รู้ จากสายตาที่มองกันมันมากกว่าเพื่อนต่างวัย ไม่มีทางที่จะไม่เป็น!
เธอแค่พยายามเว้นระยะห่างที่มันไม่เคยมี...
“พี่ยังไม่ให้กลับบ้านนะ กลัวยัยวิตามไปเอาเรื่อง ผัวนางไปนั่งร้านเบเกอรี่ด้วยตัวเองน่ะไม่มีทางเข้าใจหรอก”
“พี่ป้องสนิทกับทั้งสองคนเลยหรือคะ?”
“รู้จักดีเลยล่ะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้จะไปส่ง ลองแอบหนีล่ะ... น่าดู” คนขู่ทำหรี่ตาเล็กลงจนเหยียดตรง หญิงสาวเลยหาเรื่องเฉไฉ
“คือ... ฉันมีอะไรต้องไปทำค่ะ”
“เนยไปทำธุระที่ไหนเดี๋ยวพี่รอ... รอได้” ในคำสั่งเชิงอ้อนวอน แววตาคู่คมปลาบประกายสะท้อนความไม่พอใจยังมีอีกเรื่อง
“แทนตัวเองว่าเนยได้ไหม? แบบที่พูดกับปัดน่ะ เดี๋ยวฉันเดี๋ยวเนย เหมือนคนไม่สนิทกัน...”
“จะดีหรือคะ? มันไม่ชินปากเท่าไรเลย”
“ก็พูดให้ชิน ทำไมพูดกับคนอื่นพูดได้ ทีพูดกับปัดพูดได้...”
ถึงไม่ได้บอกเธอตรง ๆ ว่าหึง! เณศราก็คงจะเห็นตั้งแต่ตอนเข้าห้องมาแล้วเขาคอยเหน็บเรื่องปัถฐกรไม่เลิกเหมือนผู้ชายมีปม ขนาดว่าตอนนี้เขายังสบตาเธอด้วยสีหน้าคร่ำเครียดจริงจัง
“ก็ได้ค่ะ เนยก็เนย...” ตอบพลางเอื้อมมือไปหยิบจาน ช้อนส้อมของอีกคนมารวมกับของตัวเองแล้วลุกขึ้นบอก “จาน... เดี๋ยวเนยล้างให้นะ”
“ครับ...”
ป้องเกียรติยอมให้แขกทำหน้าที่ล้างจานแม้ว่าเขาเป็นควรทำเพราะมีแผนการบางอย่าง ตาคมมองตามเธออยู่ตลอดจนเดินไปถึงอ่างล้างจาน ค่อยลุกขึ้นตามไปหยิบน้ำยาล้างจานให้ก่อนขยับตัวไปยืนซ้อนข้างหลัง
แผ่นหลังบางเย็นวาบเพียงสัมผัสถึงแผงอกกว้างผ่านเสื้อเชิ้ตกลิ่นหอมอ่อน เขาเลื่อนมือมาจับจานจากมือของเธอ ที่กลายเป็นคนใจเสาะขึ้นมา
“ทำ... อะไรคะ?”
“ล้างจาน กินข้าว ดูหนัง... พี่เองก็ชอบใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนเนย แต่ถ้าเนยอยากไปไหน ไปเดินเล่นสวนหรือออกไปหาอะไรกินข้างนอก พี่ต้องตรวจงานนักศึกษาก่อนช่วงหัวค่ำ...”
“นี่เราคบกันแล้วหรือคะ? ผู้ชายอะไรทำไมมือไวจัง ไม่เคยพบเคยเจอ” เธอเอี้ยวหน้าไปว่าอย่างเง้างอน มือล้างจานอยู่ยังแทบไม่ได้ล้าง! พอคนข้างหลังโน้มตัวลงหยิบฟองน้ำมาลูบจานลูบมือเธออยู่นั่น
“เนยจะไปเคยเจอใครได้ยังไง ไปกี่ที ๆ ก็มองแต่ผู้ชายหน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน เคยมองไกล ๆ บ้างไหมก็ไม่เคย...” ตัดพ้อพลางคว้ามือเล็กออกจากฟองน้ำเพื่อที่เขาจะถูจานสองใบนี้เอง อีกข้างยังถือโอกาสบีบมือนุ่มนิ่ม
“จะพูดถึงเขาทำไมคะ?”
“เปล่าพูดครับแต่กำลังพูดถึงอาจารย์คนนึง อุตส่าห์ไปนั่งกินเค้กมองเจ้าของร้าน แอบปลื้มอยู่เป็นปี ไม่มีเหลียวมองกันสักนิด มันน่าน้อยใจเหมือนกันนะ”
“เนยไม่รู้นี่คะ นั่งก็นั่งตั้งไกลไม่เข้ามานั่งทิ่มหน้าเนยไปเลยล่ะจะได้เห็นหน้าหล่อ ๆ ของอาจารย์ ไม่ใช่ความผิดเจ้าของร้านค่ะ ลูกค้าตั้งเยอะแยะ”
ในสีหน้าภาคภูมิใจผ่านคำบ่นว่าไม่ใช่ความผิดของคนสวยอย่างเธอ ป้องเกียรติคงดีใจที่เธอมองเห็นเขาในสายตาบ้าง เพราะเขาไม่เคยมองผู้หญิงคนไหน
“บอกว่าหล่อแล้วทำไมไม่มองเลยครับ? มองสิ... ถ้าไม่มอง พรุ่งนี้ไปยกหน้าโมจมูกใหม่เลยนะ”
“ว่าไงคะ?” เธอหันไปทำหน้าตาบึ้งตึงใส่ ชายหนุ่มทำหัวเราะชอบใจ เล่นมุกฝืด ๆ อีกต่างหาก
“อ้าว... สาวคนนี้เคยได้ยินหนุ่ม ๆ ในร้านแอบซุบซิบกันว่าน่ารักอ่อนหวาน อบเค้กอร่อย แต่ไม่มีใครรู้ว่า... ตัวหอมขนาดนี้ สงสัยว่าอาจารย์ป้องจะเป็นผู้โชคดี”
ก็เลยล้างจานไม่เสร็จสักที! หญิงสาวรีบก้มหน้าลงล้างจานไว ๆ เพราะเริ่มไม่พอใจเขา ทว่าอีกคนกลับไม่ยอมให้หยิบจับจานซึ่งสะอาดดีแล้วยังถือวิสาสะรวบข้อมือเธอไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว เลื่อนมือไปปิดก๊อกน้ำ
“อะไรอีกคะ?”
“ไม่อยากล้างจานเสร็จเลย อยากยืนตรงนี้นาน ๆ”
“ผู้ชายคงเหมือนกันหมด เห็นผู้หญิงเป็นดอกไม้ริมทางหรือเปล่า เลิกมาหลอกกอดหลอกจับมือเนยซะทีค่ะ เนยจะไม่อ่อนหวานแล้วนะ”
“เนยทำร้ายพี่ได้เลย ตบตีขัดขืนไปเถอะ แต่พี่ไม่อยากไป... เลิกเข้าใกล้เนยไม่ได้แล้ว...”
ทั้งน้ำเสียงและแววตาจริงจังผิดจากคนเมื่อสักครู่ทำให้คนในพันธนาการเบือนหน้าหนีไปอีกทาง พอเธอทำลอยหน้าลอยตาไม่ตอบ ไม่วายที่เขาจะเหน็บแนม
“น้องเนยครับ... อาจารย์ตามจีบมาเป็นเดือน ๆ แล้วนะ จะต้องตามจีบอีกกี่ปี?”
“ก็... ไม่รู้”
ก็รู้นั่นแหละ! แต่ที่เณศราไม่รู้คือทำไมอาจารย์ถึงได้ทำตัวเป็นหนุ่มขี้อ้อนที่แสนน่ารำคาญเหลือเกิน