ความรู้สึก

2190 คำ
ธัญญ์นลินเดินจูงมือลูกๆทั้งสองคนไปที่ตึกใหญ่หลังจากเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นในครัวจบลงเธอก็พาเด็กๆขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าโดยที่ฐิติกรแยกตัวออกมาที่ตึกใหญ่ก่อนแล้ว ดวงตาของเด็กชายยังแดงช้ำอยู่เนื่องจากว่าร้องไห้หนักเกินไป เขาพึ่งผ่านประสบการณ์ที่ถูกคนเมินเฉยเป็นครัังแรกไม่รู้ว่าจะทำใจได้หรือเปล่า เธอจูงลูกๆเข้ามาในห้องโถงก็เห็นสายตาไม่พอใจของแม่สามีส่งมารอต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว "ตาซอลของย่า ดูสิตาแดงก่ำเชียว"คุณหญิงฐิตินันท์ดึงหลานชายคนเล็กเข้าไปหาลูบหน้าลูบตาอย่างสงสาร เมื่อตอนเย็นชมพู่มาฟ้องนางว่าหลานชายถูกลูกสะใภ้ปล่อยทิ้งเอาไว้หลังบ้านคนเดียว แถมยังไม่ยอมให้เธอมาหานางอีกทั้งๆที่หลานร้องหาย่า พอนึกถึงตรงนี้สายตาก็ตวัดมองลูกสะใภ้อย่างไม่พอใจอีกครั้ง "เป็นแม่ประสาอะไรปล่อยให้ลูกร้องไห้อยู่คนเดียวที่หลังบ้าน ถ้าหลานฉันเป็นอะไรขึ้นมาหล่อนจะรับผิดชอบยังไง" นางตำหนิลูกสะใภ้หลังจากหลานชายทั้งสองวิ่งไปหาผู้เป็นอาที่กวักมือเรียกให้เข้าไปหาที่ห้องอาหาร ธัญญ์นลินมองตามหลังลูกไป พรางยิ้มส่งให้แม่สามีไม่มีทีท่าจะสลดสักนิดแถมยังเอ่ยแหย่อย่างอารมณ์ดี "หนูคงคลอดออกมาให้คุณแม่เพิ่มอีกคนค่ะ คราวนี้เป็นหลานสาวดีไหมคะ" ฐิติกรที่มองดูอยู่อีกฟากกับนายสิทธิกรได้ยินเข้าใบหน้าเข้มก็เห่อร้อนจนแดงเถือกไปถึงใบหูไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันนี้เขารู้สึกคันยุบยิบในใจเพราะภรรยา ผิดกับนายสิทธิกรที่หัวเราะชอบอกชอบใจไม่คิดว่าลูกสะใภ้แสนนุ่มนิ่มจะตอกกลับแม่สามีแบบนี้ อย่างนี้สิค่อยดูเหมือนลูกสะใภ้คุณหญิงฐิตินันท์หน่อย "เมียแกนี่ แน่จริงๆ ทำแม่แกเงียบได้ ว่าแต่ก็ดีเหมือนกันนะบ้านเรามีแต่เด็กผู้ชายมีผู้หญิงมาวิ่งเล่นอีกสักคนก็ไม่เลว"นายสิธิกรหันไปแหย่ลูกชายที่เอาแต่ปั้นหน้าขรึม ก่อนจะเอ่ยอย่างจริงจัง "แบ่งเวลาให้ลูกกับเมียบ้าง จะรักหรือไม่รักจะผิดพลาดยังไง พวกเขาก็ฝากชีวิตไว้ที่เราแล้ว ไม่ใช่ทิ้งๆขว้างๆพวกเขาก็มีชีวิตจิตใจ"ฐิติกรนั่งฟังบิดาเงียบๆปรายตามองภรรยาที่ส่งยิ้มเอาใจแม่ของตนอยู่อีกมุมด้วยความสับสนไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับภรรยากันแน่ เขากับธัญญ์นลินที่อยู่ด้วยทุกวันนี้ก็เพราะความผิดพลาดเท่านั้น ตอนนั้นเขาเริ่มเข้ามาทำงานกับพ่อได้สักพักเขาต้องการสร้างผลงานกับบอร์ดผู้บริหารจึงอาสาไปดูแลโรงแรมที่เชียงรายเป็นเวลาสองเดือน ช่วงแรกๆก็มัวแต่ทำงานไม่ค่อยได้สนใจเที่ยวเล่นสักเท่าไหร่ แต่วันนั้น'ธรรมสรณ์'เพื่อนของเขาก็มาชวนไปเที่ยวผับพากันนั่งดื่มตามปกติแต่ไม่คิดว่าระหว่างที่เขาขอตัวไปเข้าห้องน้ำก็เจอกับธัญญ์นลินเธอวิ่งหนีอะไรบางอย่างสีหน้าเธอไม่ดีนักทั้งแดงก่ำเหงื่อออกราวกับวิ่งมาระยะไกลเธอร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลอย่างคนเสียขวัญ เอ่ยขอให้เขาช่วยพาออกไปจากที่นี่เพราะถูกเพื่อนหลอกให้มา เขาสงสารเลยบอกว่าจะพาส่งบ้าน คิดไม่ถึงว่าเธอจะโดนยาปลุกเซ็กส์เข้าไป เขาก็แค่ผู้ชายคนนึงเจอผู้หญิงกอดจูบลูบคลำจะอดทนได้ยังไงไหวสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการที่ธัญญ์นลินตั้งครรภ์อย่างไม่ทันได้ตั้งตัวทั้งคู่ เขาไม่ใช่พวกปัดความรับผิดชอบเพราะยังไงลูกในท้องเธอก็ลูกเขาเช่นกันถึงจะพูดแบบนั้นพวกเขาต่างก็รู้ดีว่าไม่ได้สมัครใจรักใคร่ อยู่กันไปเพราะลูกเท่านั้น แต่ว่าที่อยู่ด้วยกันทุกวันนี้ ใช่ครอบครัวจริงๆหรือเปล่า เขาถามตัวเอง วันนี้เขาเพิ่งได้รู้ตัวว่าเขาได้พลาดอะไรไปบ้าง ทั้งภรรยาที่เฉยชาต่อกันราวกับเป็นแค่คนรู้จัก อาจมีความสัมพันธ์ทางกายบ้างแต่ก็ตามประสาผัวเมียเท่านั้นไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมากมาย ส่วนลูกชายทั้งสองคนก็แค่รับรู้ว่าเขาคือลูกแต่ไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมอย่างที่ควรเป็น ทุกครั้งที่ใกล้ชิดกันเหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยคำทักทายอะไรออกมา ทุกอย่างดูอึมครึมชวนอึดอัดไปหมด หรือว่าควรทำตามที่บิดาบอกต่อให้ไม่รักยังไงก็ควรจะใส่ใจให้มากกว่านี้ "กับข้าวเมื่อกลางวันอร่อยมาก วันจันทร์ห่อให้พ่ออีกนะ "นายสิทธิกรบอกกับลูกสะใภ้บนโต๊ะอาหาร ฐิติกรกับฐิติชญาหันไปมองผู้เป็นพ่อแทบจะพร้อมกัน ฐิติกรทำหน้าสงสัยส่วนฐิติชญาทำหน้าตื่นเต้น "พี่บัวห่อข้าวกลางวันให้คุณพ่อไปกินที่ออฟฟิศหรอคะ" "ใช่ มีคุ๊กกี้ด้วยนะ ลุงนพมาหาพ่อเมื่อเช้าชอบมากเลย บอกว่าจะขอซื้อเอาไปให้หลานที่บ้าน"เขาเล่าให้ลูกสาวฟังอย่างอวดๆ นพดลเป็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันแม้จะทำงานคนละด้านแต่ก็ไปมาหาสู่กันตลอด วันนี้แม่บ้านเอาคุ๊กกี้มาเสริฟรับรอง เพื่อนเขาถึงกับถามหาร้านกันเลยทีเดียว แต่พอบอกว่าเป็นคุ๊กกี้ที่อยู่ในตะกร้าอาหารกลางวันที่มาโนชเอามาให้ นพดลถึงกับอึ้งไปเลย ปากก็บอกแต่อิจฉาเขาที่มีลูกสะใภ้เอาใจใส่ "งั้นหรอคะ ดีจังถ้าเอาตัวพี่บัวไปไว้ในหอได้ก็ดีสิ จะได้มีกับข้าวกับขนมอร่อยๆให้กินทุกวัน ดูสิเจ้าแสบนั่นตัวกลมเหมือนลูกบอลเข้าไปทุกวันแล้ว"คนเป็นอาพยักพเยิดไปทางหลานคนเล็กอย่างเอ็นดู "ฮ่าๆๆ เด็กตะกละน่ะสิ" คุณปู่ผสมโรงนินทาด้วยจนคุณหญิงฐิตินันท์ค้อนขวับบังอาจว่าหลานสุดรักของตน "กินเยอะๆนะลูก"คุณหญิงฐิตินันท์ตักไข่เจียวกุ้งสับให้หลานชายคนโปรดที่นั่งข้างๆ ธัญญ์นลินมองแวบนึงด้วยแววตาหนักใจก่อนจะหันไปหาลูกชายคนโตที่นั่งทานข้าวเงียบๆอยู่ใกล้เธอ เวลามีคนมากๆฐิรดลจะไม่ค่อยพูดเขามักจะทำราวกับไร้ตัวตน ในฐานะแม่ก็ดีใจที่มีคนรักใคร่เอ็นดูลูกอยู่หรอกแต่ถ้าทำให้ลูกอีกคนถูกเมินเฉยเธอก็ไม่ได้รู้สึกยินดีเท่าไหร่ ห่วงจิตใจลูกคนโต ชาติที่แล้วเขาเก็บกดจนเป็นปีศาจชาตินี้เธอคงทำใจไม่ได้ถ้าปล่อยให้ลูกชายเก็บความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแบบนั้นอีก ครั้ง หญิงสาวมือสั่นจนแทบถือช้อนส้อมไม่อยู่ ความตื่นกลัวเหมือนตอนเย็นเกาะกุมในอกอีกครั้ง ภาพความทรงจำเลวร้ายผุดขึ้นมาอีกหน เธอกลัวเหลือเกิน มันเหมือนแผลใจที่ไม่ว่าจะเยียวยายังไงก็ไม่มีทางลบเลือนออกไปได้ ช่างทรมานจริงๆ ไข่เจียวกุ้งสับถูกวางลงบนจานข้าวของฐิรดล หญิงสาวหันไปมองตามความเคลื่อนไหวก็เห็นสามีที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอื้อมตักมาให้ เอ่ยบอกอย่างอ่อนโยน "ซอก็กินเยอะๆนะ" ธัญญ์นลินช็อกไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเขาถึงได้ทำแบบนี้ ในเมื่อชาติก่อนเขาไม่เคยสนใจใยดีเลยว่าใครจะโอ๋ใครหรือใครจะละเลยใคร แม้แต่ฐิรดลยังเงยหน้าขึ้นไปมองคนเป็นพ่ออย่างเต็มตาเป็นครั้งแรก เด็กชายเม้มปากแน่นก่อนจะก้มหน้าลงมองที่จานข้าวน้ำใสๆก็เอ่อคลอหน่วยตา แม้อยากจะกลั้นเอาไว้แค่ไหนก็ทำไม่ได้ ยังไงก็เป็นแค่เด็กเพียง5ขวบเท่านั้น เขาตักไข่เจียวคำนั้นเข้าปากเงียบๆกล้ำกลืนลงไปทั้งน้ำตา เสียงสะอื้นที่กลั้นไว้ลอดออกมาให้ได้ยิน เสียงนั้นเหมือนเข็มนับพันที่พุ่งลงกลางใจคนเป็นพ่อแม่ แม้แต่ฐิรวิชญ์ยังงอแงตามไปด้วย เข้าใจไปตามประสาเด็กนึกว่าผู้ใหญ่ดุพี่ชาย มื้ออาหารเย็นวันนี้เลยจบลงไม่ค่อยสวยเท่าไหร่เพราะสองพี่น้องดันร้องไห้แข่งกันจนวงแตก พอคนนึงร้องอีกคนก็ร้องตามพอคนนึงเสียงดังอีกคนก็ดังตาม ธัญญ์นลินกับฐิติกรเหมือนถูกไฟลนก้นลุกขึ้นพร้อมกัน เอ่ยขอตัวแล้วอุ้มลูกกลับบ้านทันที คุณฐิตินันท์มองครอบครัวลูกชายที่เดินจากไปแล้วแต่เสียงร้องไห้สะอื้นของหลานๆยังดังก้องในหัว "เราทำอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ"เธอหันไปเอ่ยถามกับสามีเงียบๆที่มีสีหน้าไม่ดีนัก นายสิทธิกรเหลือบมองถุงกล่องช็อกโกแลตที่หลานชายคนโตถือมาด้วยสายตาหนักอึ้ง "ผิดสิ ผิดมหันต์เลย"สองสามีภรรยามองหน้ากันแล้วไม่เอ่ยอะไรต่อ ส่วนฐิติชญาก็นั่งมองครอบครัวพี่ชายด้วยความเห็นใจเธอรู้สึกสงสารพี่สะใภ้มาตลอด วันแรกที่ก้าวเข้ามาที่นี่ก็พอจะยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่บ้างแต่เวลาผ่านไปพี่สะใภ้เธอก็เหมือนหุ่นยนต์เข้าไปทุกวัน ยิ่งเสียงร้องไห้ของหลานชายคนโตในวันนี้เธอก็รู้สึกจุกในอก นี่ครอบครัวเธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ธัญญ์นลินเดินเข้ามาในห้องก็เห็นร่างสูงใหญ่ของสามียืนอยู่ที่ระเบียงสายตาทอดยาวไปไกลเหมือนไม่มีจุดหมาย คิดถึงเสียงสะอื้นของลูกชายคนโตเมื่อหัวค่ำแล้วกระบอกตาเขาร้อนผ่าวจนปวดไปหมดทั้งเบ้า อยากระบายความจุกแน่นในอกแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ลูกเขาคงทรมานแบบนี้เหมือนกันสินะ "นอนไม่หลับหรือคะ"เธอเอ่ยถามเดินมายืนเกาะราวระเบียงข้างเขาสายตามองไปที่ต้นคูนสองต้นที่มีซุ้มนั่งเล่นสถานที่เกิดเรื่องเมื่อตอนเย็น "ลูกหลับไปแล้วหรอ"เขาไม่ตอบแต่เอ่ยคำถามแทน "ค่ะ หลับไปแล้ว"เธอเงียบไปสักพักรู้สึกได้ถึงความทุกข์ในใจของเขา "พรุ่งนี้บัวจะพาลูกๆไปข้างนอก ตอนเย็นตาซอจะไปงานวันเกิดเพื่อนที่โรงเรียน คุณพอจะว่างไปส่งพวกเราไหมคะ" "จะดีหรอ ลูก..."เขาไม่กล้าเอ่ยจบประโยค เป็นครั้งแรกที่เขากลัวลูกเกลียด "ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอกค่ะ เมื่อตอนค่ำตาซอดีใจมากไปต่างหาก หลายปีมานี้เราต่างก็ละเลยเขา เราต่างก็ขี้ขลาดด้วยกันทั้งคู่ความผิดพลาดครั้งนั้นเราผลักไสให้ลูกต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว พอวันนี้มีคนใส่ใจความรู้สึก เขาก็เลยทำตัวไม่ถูกเท่านั้น" "ผมคงเป็นพ่อที่แย่มากจริงๆ" "ไม่ใช่แค่คุณหรอกค่ะ บัวเองก็เหมือนกัน" ธัญญ์นลินปล่อยน้ำตาให้ไหลเงียบๆภาพของฐิรดลเมื่อชาติก่อนผุดขึ้นมา เด็กชายในวัย12ปีกลับมาบ้านด้วยรอยยิ้มอย่างปิติยินดีที่ตัวเองกำลังจะจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่6 เดินเข้ามาในบ้านด้วยความตื่นเต้นสำหรับเขาแล้วมันเป็นความสำเร็จก้าวแรกเลยทีเดียวแต่สำหรับพ่อแม่คือสิ่งที่ใช้เป็นจุดจบความสัมพันธ์ พวกเธอต่างก็ลบความตื่นเต้นยินดีของเขาให้จบลงด้วยการที่เขาต้องเลือกว่าจะอยู่กับพ่อหรือแม่โดยมีไม่ใครสนใจถามไถ่เขาเลยสักคนเดียว "เราทั้งคู่ต่างก็เรียกตัวเองว่าพ่อแม่ แต่กลับไม่รู้เลยสักนิดว่าการเป็นพ่อแม่ต้องทำยังไง ทิ้งให้ลูกแบกรับเอาไว้คนเดียว" ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาราวกับพายุยิ่งพูดก็ยิ่งเห็นความผิดไม่ให้อภัยที่ตนทำลงไป ลูกเธอไม่ใช่ฆาตกรหรอกคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างพวกเธอต่างหากที่เป็นฆาตกรตัวจริง ความอบอุ่นส่งผ่านมาจากฝ่ามือใหญ่ที่กุมมือเธอเอาไว้เบาๆ เธอเห็นเขาตาแดงๆเหมือนกัน คงเจ็บปวดไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก "หวังว่าคงยังไม่สายจนเกินไป"เขาเอ่ยราวกับเสียงกระซิบที่ล่องลอยหายไปกับสายลม แต่เธอก็ได้ยินชัดเจน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอกับเขาได้พูดถึงเรื่องครอบครัวด้วยกัน ปรึกษาปัญหาเหมือนสามีภรรย***านอื่นๆ ไม่ว่าความสัมพันธ์จะเป็นยังไงแต่เธอก็พอใจแล้วที่มันดีกว่าวันวาน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม