EPISODE 3 : Say daddy

1488 คำ
“ถ้าฉันรั้งนายไม่ได้งั้น.. Vodka Martini ล่ะ พอจะรั้งนายไว้ได้หรือเปล่า” คำตอบของคำถามอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว ผมนั่งวางแขนลงบนเคาน์เตอร์บาร์ สายตาขยับเลื่อนมองชายร่างสูงตรงหน้ากำลังทำวอดก้ามาร์ตินี่ เขาดูพอใจอย่างมากกับขุนพลฉบับเด็กดีเล่นเอาเจ้าตัวยิ้มไม่หุบเลย ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา.. ไม่ใช่แค่สายตาเวลามองหรือเส้นสายการทำงาน แต่คำพูดที่พ่นออกมาเหมือนกับดักที่ต้อนทางผมได้ถูก สีหน้าและแววตาตอนพูดประโยคออกมาก็ดูเชื้อเชิญให้แขกมาเยือนต้องอยู่ต่อ เขามันวายร้ายตัวพ่อเลย Vodka Martini ถูกเชคโดยบาร์เทนเดอร์ส่วนตัว ไม่ใช่บาร์เทนเดอร์ที่ไหน แต่เป็นภาคชวินทร์บุคคลที่ทำเป็นทุกอย่างแม้กระทั่งเครื่องดื่มที่ผมอยากจะดื่ม เขาทำมันอย่างช่ำชองคีบน้ำแข็งก้อนใส่ในแก้วไวน์ สายตาดูเรียบนิ่ง กระดกขวดวอดก้าพลางเหลือบสายตามองผมแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก เสื้อเชิ้ตสีครีมอ่อนถูกปลดกระดุมจนถึงกลางอก พยายามทำตัวให้ดูฮอตต่อหน้าผมหรือว่าเขามันฮอตระเบิดมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ววะ “อายุยี่สิบหรือยัง” เขาถามขึ้นขณะที่ใช้มือฝานเปลือกเลม่อนออก “ผมสิบเก้า” ผมตอบกลับ สายตาก็จดจ่ออยู่ที่วอดก้ามาร์ตินี่ตรงหน้า “เหรอ” “ครับ” “นึกว่ายี่สิบแล้วซะอีก” “เดือนหน้า.. ผมจะยี่สิบแล้ว” สิ้นเสียงตอบกลับผมก็เผลอยกมือขึ้นลูบท้ายทอยด้วยอาการประหม่า เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาไม่ได้จ้องแค่วอดก้ามาร์ตินี่ แต่ผมเผลอจ้องเข้าไปที่หน้าท้องของอีกฝ่ายจนเจ้าตัวแกล้งด้วยการปลดกระดุมออกอีกเม็ด พอเงยหน้ามองผมก็เห็นว่าแววตาสีหม่นของเขาจ้องมองมาพอดี “แล้วคุณล่ะ อายุเท่าไหร่” ผมถามกลับกลบเกลื่อน “Can you guess” “24” เรียวคิ้วเข้มมุ่นเข้าหากัน ก่อนจะเสิร์ฟเครื่องดื่มตรงหน้าผมแล้วยกมือขึ้นเท้าคาง ส่ายหน้ากับคำตอบที่ผมบอกไปว่ามันยังไม่ใช่อายุของเขา “23..” ผมเดาต่อ “ผมว่านักธุรกิจแบบคุณอาจจะใกล้เลขถามแล้วด้วยซ้ำ” “28” “เรียกว่าลุงได้มั้ยครับ” ภาคชวินทร์หัวเราะครืน เขาดูอารมณ์ดีจนมุมปากสวยยังยกยิ้มไม่หยุด ผมก็แค่อยากจะแกล้งเขาคืนบ้าง อีกอย่างในสายตาของผมเขายังดูดีอยู่เลย อาจจะเป็นเพราะร่างกายที่ฟิตแอนด์เฟิร์ม หรือใบหน้าหล่อเหลาราวกับสตาฟอายุไว้ตอนยี่สิบ หรือประโยคที่บอกว่ายิ่งเราอายุมากเท่าไหร่ ใบหน้าก็จะดูเด็กลงมากเท่านั้น จะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นกับผู้ชายที่ชื่อภาคชวินทร์คนนี้ “อะไรกัน คุณตอนอายุเท่านี้ดูไม่แก่หรอกครับ แต่ห่างกับผมตั้ง 7 ปีเลยนะครับ” ผมตอบกลับ พลางยกแก้วไวน์กระดกดื่ม แต่ก็ต้องหยีหน้าลงกับความแรงของเหล้าที่ขึ้นจมูก อีกฝ่ายยิ้มกับท่าทางของผม ก่อนจะเดินออกมาจากหลังเคาน์เตอร์บาร์มานั่งลงข้างๆ ผมแทน “เรียกลุงเนี่ยนะ” “ผมเรียกว่าคุณภาคดีกว่าครับ” “อ่า..” ผมยกแก้วในมือดื่มอีกอึก สายตาล่อกแล่กไปมาอย่างหาจุดวางสายตาไม่เจอ เขาเขยิบเข้ามาใกล้ขึ้นจนไหล่เราเบียดเสียดกัน ในมือของเขาถือเลม่อนอีกครึ่งซีกไว้ ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะพร้อมกับเท้าแขนหันมามองผมไม่ละสายตา “คุณภาคไม่ดื่มหรอครับ” “ถ้าดื่มแล้วควบคุมตัวเองไม่อยู่จะทำยังไง..” “.....” “ยิ่งมีนายอยู่ด้วย.. ฉันไม่ควรดื่มมันตอนนี้” ไม่พูดเปล่านิ้วชี้และนิ้วนางของเขายังคลึงวนบนเนื้อเลม่อน ก่อนจะออกแรงกดเข้าไปในเนื้อของมันด้วยสายตาวาบวาม ชวนให้วูบวาบหน้าท้องอย่างบอกไม่ถูก ผมหายใจติดขัด สายตาจดจ้องกับเรียวนิ้วยาวที่ขยับเข้าออกบนเนื้อชุ่มแฉะสีเหลืองในมือ คิ้วเข้มเลิกคิ้วในเชิงเย้ยหยันผมที่นั่งอ้าปากหวอไปแล้ว เขาจงใจจะแกล้งกันชัดๆ เจ้าของนัยน์ตาสีสวยแลบลิ้นออกมาแล้วกดเรียวนิ้วชี้กับนิ้วกลางเข้าไปในโพรงปาก ดวงตาหยีลงเล็กน้อย ไม่เชิงว่ามันเปรี้ยวหรอก เขาอ่อยผมต่างหาก “ผมว่าผมควรกลับ” “ดื่มให้หมดแก้วก่อน เดี๋ยวฉันจะไปส่งนายเอง” “เข้มขนาดนี้ผมเมาแน่” ผมบอกแล้วย่นจมูกด้วยความที่กลิ่นของเหล้ามันตีขึ้น ก่อนเมาผมว่าตัวเองอาจจะขย่อนอาหารเย็นออกมาก่อนก็เป็นได้ เพราะรสชาติของเหล้ามันเข้มสะใจซะเหลือเกิน “ผมมีข้อต่อรอง” “ว่า” “ถ้าดื่มหมดนี่รวดเดียว ผมสามารถขออะไรคุณก็ได้หนึ่งอย่าง แค่อย่างเดียว” เรียวคิ้วเข้มกระตุกเล็กน้อยเหมือนจะช่างใจอะไรบางอย่าง แต่พอผมกระชับแก้วไวน์เอาไว้ในมือเพื่อเป็นตัวล่อ สายตาคมก็ชำเลืองมองแล้วพยักหน้ารับแทบจะทันที “ถ้านายร่วงอันนี้ถือว่าโมฆะ” เขาเลิกคิ้วทั้งที่ยังคงเท้าแขนมองผมอยู่อย่างนั้น “ผมไม่คออ่อนขนาดนั้นหรอกนะครับ” ผมตอบกลับแล้วกระชับแก้วในมือมาถือไว้ตรงหน้า “งั้นก็ดื่มเลย” “คุณเองก็ห้ามผิดสัญญา” “ได้สิ” ดวงตาของคู่สนทนาจดจ่ออยู่ที่ริมฝีปากของผม ก่อนผมจะแนบริมฝีปากเข้ากับปากขอบแก้วแล้วกระดกดื่มเหล้ารสแรงลงคอรวดเดียวหมด คุณภาคเขายกยิ้มชอบใจ ผมเหลือกตามองบนยกมือขึ้นอุดจมูกกับเหล้าในปาก โดยที่มันไม่ยอมลงคออย่างว่าง่าย ผมพยายามกลืนแล้วแต่ก็เหมือนว่ามันจะย้อนศรออกทางปากให้ได้ “ถ้ามันดื่มยากก็ไม่ควรเอาเข้าปากรวดเดียวสิ” “.....” “ให้ฉันช่วยนะ” สิ้นเสียงเขาก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ ก่อนจะเอียงใบหน้าแล้วประกบริมฝีปากลงมา มือหนาบีบแก้มผมที่พองออกให้เผยอริมฝีปาก เขากดหน้าผมลงแล้วตัวเขาเองรอรับวอดก้าในปากผมให้ถ่ายเทไปยังโพรงปากของเขาแทน ผมหลับตาปี๋เหมือนตอนเด็กที่กำลังดูหนังสยองขวัญ มันทั้งขนลุกวูบวาบแล้วหัวใจมันก็เต้นแรงจนจับจังหวะไม่ถูก เผลอจิกเกร็งปลายเท้าจนงุ้มงอ ยกมือขึ้นจิกบนไหล่ของภาคชวินทร์กับการกระทำของเขา นานหลายวินาทีหลังจากที่เหล้าในปากผมถูกกลืนลงคอและบางส่วนก็ถูกเขาขโมยมันไป ทว่าเจ้าตัวกลับยังไม่ยอมผละออกจากริมฝีปาก ค่อยๆ ไล่ระดับบดคลลึงบนกลีบริมฝีปากผมอย่างละเมียดละไม เหมือนการละเลียดชิมไอศครีมแบบโคนราวกับกลัวมันจะละลาย เกินกว่าผมจะรับไหวว่ะ พอรู้ตัวว่าเริ่มหายใจตามไม่ทันผมก็รีบผละออกจากเขา ยกมือขึ้นป้องปากกับอาการพะอืดพะอมปนเวียนศีรษะ ร้อนผ่าวๆ ไปทั่วท้องน้อยเลย “โมฆะนะ” เขาเลิกคิ้วใส่ผมที่กำลังจะขย่อนเหล้าในคอออกมา แต่พูดไม่ทันขาดคำ ผมก็รีบวิ่งเข้าหาห้องน้ำพัลวัน ก่อนจะผลักประตูเข้าไปแล้วก้มหน้าลงกับชักโครกจนตัดคดตัวงอ วอดก้ามาร์ตินี่ลงชักโครกแล้ว ผมทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นแล้วถอนหายใจทิ้ง ตอนแรกกะว่าเดิมพันนี้ผมจะชนะแล้วต้อนเขาให้จนมุม ไหงกลับเป็นผมซะได้ที่อ่อนปวกเปียกแบบนี้ คุณภาคเดินตามมาแล้วยืนพิงอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ เขาหยิบผ้าผืนเล็กติดมือมาด้วย ก่อนจะเอาผ้าชุบน้ำแล้วเดินลงมาย่อตัวนั่งข้างๆ ผม พร้อมกับใช้ผ้าผืนนั้นเช็ดปากให้ “บอกแล้วไงว่ารวดเดียวไม่ไหวหรอก” “คุณจูบผม” “นายเองก็ดูดปากฉัน” “ไม่.. คุณเริ่มมัน” “ถ้านายปฏิเสธฉันก็หยุดอยู่แล้ว” “ภาคชวินทร์..” ภาคชวินทร์ชื่อเดียวที่ผุดขึ้นมาทุกครั้งเวลาหัวผมมันโล่ง พออ้วกออกมาผมก็รู้สึกโล่งคอ แต่ยังต้องเผชิญศึกหนักด้วยการไม่สามารถเถียงเขากลับกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้เลย อือ ผมดูดปากเขาตอบเอง ผมเม้มริมฝีปากมองเขาแล้วหอบหายใจแรง สายตาชำเลืองมองใบหน้าหล่อของเขาขยับริมฝีปากเข้ามาใกล้ใบหู “เรียกแค่ชื่ออีกแล้วนะ.. เรียกว่าแดดดี้ไม่ดีกว่าหรอ” “.....” “ไหนเรียกซิ ..แดดดี้น่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม