EPISODE 1 : FIL DE CAMÉLIA

1696 คำ
เจ็บกว่าการเป็นคนไม่ถูกรัก คือการถูกจิ้มฟรีแล้วหนีหายไปนานกว่าสองสัปดาห์ นาฬิกาโรเล็กซ์หรือข้าวของภายในห้องของเขา ผมไม่ได้แตะต้องมันแม้แต่อย่างเดียว นอกจากหอบร่างสภาพไม่สู้ดีกลับมานอนที่ห้อง ไม่ได้นอนซมเหมือนคนป่วย แต่ผมนอนทรมานจากความปวดเมื่อยช่วงล่างมากกว่า ความลับอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมโกรธเขาไม่หาย คือการที่ช่วงล่างผมเจ็บหนัก นั่งไม่ได้ตั้งหลายวัน อยากจะโทรไปเหวี่ยงใส่คนกระทำ แต่เบอร์เขาดันเปียกน้ำตอนผมเผลอปั่นมันรวมไปกับกางเกงในเครื่องซักผ้า ช่างเถอะ ผมเลิกคิดจะตามหาผู้ชายคนนี้แล้ว แต่ผมจะไม่ลืม ไม่มีทางลืม ว่าผู้ชายที่ชื่อภาคชวินทร์ทำกับผมไว้ยังไง ผมยกมือขึ้นเกาหัวที่คันคะเยอจากความหงุดหงิด จนเพื่อนที่นั่งติดกันหันมามองราวกับว่าผมเป็นเหา เพราะนอกจากจะทำงานออกมาไม่ตรงตามใจแล้ว เรื่องของเขายังติดอยู่ในหัวผมไม่หายอีกต่างหาก “มึงลองไปหาหมอผิวหนังมั้ยขุน” เสียงของเฟรมแทรกขึ้น ผมเลยหลับตาแล้วถอนหายใจแรง “มึงกวนตีนกูหรอ” “กูแค่หวังดี เห็นมึงนั่งเกาหัวมาครึ่งชั่วโมงละ หงุดหงิดไรวะ” “ภาพติดตา” “หะ ภาพอะไรติดตา” “ก็.. ช่างมันเหอะ กูไม่อยากพูดถึง” อีกฝ่ายส่ายหัวแล้วนิ่วหน้ากับพฤติกรรมฉุนเฉียวโดยไม่มีสาเหตุของผม อันที่จริงมันก็พอจะมีสาเหตุประกอบกับอารมณ์อยู่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมตื่นมาแล้วไม่เจอใคร หรือเป็นเพราะผมกำลังเสียดายอะไรอยู่กันแน่ ในหัวมีแค่คำถามว่าทำไม ทำไมต้องมีแค่ผมที่นอนระบมไปทั้งร่าง จะนั่งก็โอย จะลุกก็ลำบาก ส่วนเขาหนีหายไปราวกับฝุ่น เป็นพวกต้มตุ๋นหรือเปล่าวะ “ถ้าเสร็จภารกิจแล้วนายอยากจะคบกับฉัน.. นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา” ประโยคจากริมฝีปากสีระเรื่อดังเข้ามาในความคิด ผมสะบัดหัวสองสามที ก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตาวาดงานตรงหน้าด้วยอารมณ์หงุดหงิดอย่างเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่ ก็แค่ลืมมันไป ยังไงผมก็ไม่มีทางผันตัวไปรับแน่นอน ครั้งเดียวก็เกินพอ พอที่จะรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ทาง หลังสี่โมงเย็นที่ผมนั่งปั่นงานส่งอาจารย์ทันแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ผมก็สะพายกระบอกแบบตรงมายังลานจอดรถพร้อมกับขึ้นคร่อมฟีโน่สีแดงเด่นคู่ใจ อากาศที่ปลอดโปร่งหลังจากงานที่รีบเร่งมันเป็นแบบนี้นี่เอง บอกตามตรงว่าผมนั่งเกร็งจนตะคริวกินไม่ต่างจากเฟรม รอดมาได้แบบหวุดหวิด ชนิดที่อาจารย์สั่งตอนบ่ายโมงขอส่งตอนสี่โมงเย็น “ก้นสวย” “ไหนขอดูหน้าคนเก่งหน่อย” “ชอบมาร์ตินี่มั้ย” “ถ้าชอบ.. ห้องฉันมี” ควรหาหมอให้ลบความทรงจำในคืนวันนั้นดีมั้ย ทำไมมันตามหลอกหลอนผมไม่หยุดเลย ผมยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองที่นึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นแล้วเกิดวูบวาบขึ้นมา ก่อนส่ายหัวแรงกับตัวเองแล้วสวมหมวกกันน็อคอย่างไม่สบอารมณ์ อย่าเพิ่งน้อยใจ ถ้าไม่เทียบกับเขาลูกชายผมก็ไม่แพ้ใครล่ะวะ รถมอเตอร์ไซด์คู่ใจถูกขับเข้ามาจอดใต้หอพัก มือบิดกุญแจรถดึงออกมาควงเล่น เตะเท้าอย่างอารมณ์ดีเพราะจะได้พักผ่อนหยุดชะงักกึกทันทีที่รถตู้สีดำขับมาจอดเทียบตรงหน้า รถตู้จับเด็ก.. ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัว ทำให้ผมเกือบจะตบเท้าวิ่งหนี แต่เสียงของใครบางคนฉุดรั้งผมไว้ก่อน เลยทำให้ผมหันกลับไปมองด้วยสายตาแสดงความหวาดหวั่นอย่างปิดไม่มิด เผลอก้าวถอยหลังเตรียมวิ่งกระทั่งคนบนรถลงมาขวางหน้าผมไว้ ถึงได้รับรู้ว่าความฉิบหายอาจจะมาเยือนขุนพลคนนี้แล้วก็เป็นได้ “คุณเป็นใครครับ” ผมเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ มือล้วงลงกระเป๋าผ้าที่สะพายอยู่อย่างมีหวัง แต่เหมือนว่าสวรรค์จะตาบอด เพราะมีดพกก็ไม่มี คัตเตอร์ในกระเป๋าดูแล้วกว่าจะหยิบออกมา ผมน่าจะถูกกรอกปากด้วยกระบอกปืนก่อน กระบอกแบบที่สะพายอยู่ก็ไม่น่าจะมีประโยชน์นอกจากกันงานยับ ยอมแล้วครับ ไอ้ขุนไม่สู้คน “คุณขุนพลใช่หรือเปล่าครับ” หนึ่งในนั้นตอบกลับมา น้ำเสียงเย็นเยียบเหมือนกับอยู่ในหนังอันธพาลครองเมืองเลย “ผมถามว่าพวกคุณเป็นใคร” “คนของคุณภาคชวินทร์ครับ” “ภาค.. ภาคชวินทร์” ร่างกายทุกส่วนของผมชาดิก จังหวะที่อีกฝ่ายก้าวเท้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะหยุดชะงักปลายเท้าไว้เมื่อเห็นว่าผมยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ภาคชวินทร์.. ชื่อนี้กลับเข้ามาอยู่ในห้วงความคิดของผมอีกครั้ง และก่อนที่ผมจะคิดเตลิดอะไรไปมากกว่านี้ คนตรงหน้าก็ยื่นถุงกระดาษส่งมาให้ อีกอันเป็นกล่องน้ำหอมที่ผมคุ้นเคยกับชื่อแบรนด์ดี “ให้ผมหรอครับ” ผมถามอย่างมึนงง ตอนนี้ในหัวกำลังย้อนความทรงจำของตัวเองอยู่ว่าเคยร่วมเล่นกิจกรรมเสี่ยงโชค หรือไปสั่งของออนไลน์มาหรือเปล่า ทำไมถึงได้มีของส่งมาถึงมือผมแบบนี้ ทว่าคำถามที่สงสัยถูกตอบโดยคนตรงหน้า เป็นชายสวมแว่นตาสีดำ ตัวสูงใหญ่กับมัดกล้ามที่แขนน่าจะใช้รัดคอผมทีเดียวขาดอากาศหายใจได้เลย “ของฝากจากคุณภาคครับ” “คุณภาค” “ครับ คุณภาคเป็นคนสั่งให้ผมนำของมาให้ และฝากมาขอโทษที่มาด้วยตัวเองไม่ได้ คุณภาคติดประชุมครับ” “อ่า” Bleu De Chanel ถูกยื่นมาตรงหน้า ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนของทั้งสองอย่างถูกวางอยู่ในมือผมแล้วเรียบร้อย หน้าถุงกระดาษแปะป้ายตัวโตอยู่แล้วว่าแบรนด์เดียวกับน้ำหอมในมือ ผมเงยหน้ามองชายในชุดดำ หน้าตาดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ ผมก็เลยยิ้มเจื่อนส่งไปจนเจ้าตัวค้อมศีรษะให้ แล้วยืนรอผมที่ยืนหน้าเหวอในหมู่บอดี้การ์ดหน้าโหดไม่ขยับ “กลับไปได้แล้วล่ะครับ ขอบคุณสำหรับของนี่ด้วย” ผมพูดเสียงตะกุกตะกัก ยอมรับว่าฟันกระทบกันกึกกักเลยล่ะครับ “คุณภาคบอกให้คุณสวมสร้อยพร้อมกับฉีดน้ำหอมนี่ไปหาเขาครับ และถ้าคุณอยากให้เรามารับ..” “มะ..ไม่ต้องครับ ไม่ดีกว่า เดี๋ยวผมคุยกับเขาเอง” “ครับ” “โชคดีครับ” ผมค้อมศีรษะให้ราวกับเป็นคนญี่ปุ่นมาตั้งแต่กำเนิด โค้งจนหัวจะชิดติดกับหัวเข่าแล้วยืนรอพวกเขาขับรถออกไปจนสุดสายตา พอรถตู้สีดำขับออกไป ผมก็รีบตบเท้าวิ่งขึ้นห้องด้วยหัวใจสั่นระรัว แค่จะเอาของมาให้ทำเอาผมกลัวขี้ขึ้นสมองหมดแล้ว ก้มมองของในมือพร้อมลอบถอนายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะถอดรองเท้าแล้ววางมันลงบนโต๊ะ ใช้สายตาสำรวจบวกกับความครุ่นคิดว่าภาคชวินทร์ส่งของพวกนี้มาให้ผมทำไม ยิ่งประโยคของลูกน้องเขาก่อนจะกลับไป บอกว่าจะมารับ นั่นแปลว่าเขากลับมาแล้วเหรอ กลับมาจากไหนล่ะเพราะผมไม่รู้ว่างานด่วนของอีกฝ่ายมันคืออะไรนี่ “น้ำหอมกับอะไรวะ” ผมบ่นอุบ เดินวนไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะตัดสินใจแกะมันออก รู้สึกหน้าร้อนผ่าวเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าจะมีใครกล้าซื้อของราคาแพงแบบนี้ให้ พอแกะกล่องด้านในออกผมก็ถึงกับอ้าปากเบิกตาโพลงแทบจะถลนออกมานอกเบ้า กับสร้อยคอ FIL DE CAMÉLIA สีไวท์โกลด์ ระยิบระยับสะดุดตาจนผมต้องรีบหยิบมือถือออกมาเช็คราคาของมันทันที “สะ..สองแสนเจ็ด” ผมพูดพลางยกมือขึ้นป้องปาก จะเป็นลม.. ผมที่หน้ามืดไปชั่วขณะ ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง รู้สึกเหมือนตัวเบาเป็นปุยนุ่น แต่หนักใจเหมือนมีก้อนหินก้อนใหญ่มาทับเอาไว้ สายตามองลงไปในถุงกระดาษที่มีโพสอิทสีชมพูร่วงอยู่ หยิบขึ้นมากวาดตาอ่านผมก็พอจะเข้าใจกับสถานการณ์ก่อนหน้านี้แล้วล่ะ ‘มาหาฉันที่ Santé Club ฉีดน้ำหอมที่ฉันซื้อให้ด้วยล่ะ มีรางวัลจะให้’ เขาอาจจะเป็นคนไม่ชอบพิมพ์ข้อความ ไม่ชอบเล่นโทรศัพท์มือถือ หรือไม่ก็ออกแนวโรแมนติกดูใส่ใจกับการเขียนข้อความกำกับของที่ซื้อให้ทุกครั้ง เพียงแค่ผมไม่เข้าใจ เราไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะซื้อของราคาแพงแบบนี้ให้กันไม่ใช่เหรอ เขาควรตระหนักถึงผลเสียที่จะตามมาด้วยซ้ำกับการเปย์คนที่ไม่รู้จักตัวตนของอีกฝ่าย หรือว่าเงินเขามันจะเหลือเฟือ ตอบแทนคืนที่เราเริงสวาทกัน ทั้งที่เรื่องมันผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วเนี่ยนะ เชื่อเขาเลยว่ะ แล้วอีกประเด็นคือเขารู้ที่อยู่ของผมได้ยัง ขนาดแค่ที่อยู่เขายังหามันเจอ กับแค่เบอร์โทรของผมมันคงไม่ยากเกินความสามารถเขาหรอก ไม่ใช่เหรอ.. ผมมองของราคาแพงในมือแล้วได้แต่ลอบถอนหายใจ กระดาษโพสอิทที่ยังคงถูกเขียนด้วยลายมือของเขาเขียนมันอย่างเป็นระเบียบ ตบท้ายด้วยหัวใจดวงเล็กท้ายประโยคแทนจุด ผู้ชายคนนี้จะทำประหลาดใจไปถึงไหนวะเนี่ย “คุณเป็นใครกันแน่วะ.. ภาคชวินทร์”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม