ตอนที่3ความลับของปลายฟ้า

2546 คำ
บทที่3ความลับของปลายฟ้า ทางด้านสองพ่อลูกที่ตอนนี้กำลังนั่งคุยกันบนแคร่ ก่อนหน้านั้นหลังจากที่เมียเขาพาลูกสะใภ้กลับไปที่บ้านแล้ว เขารอให้ลูกชายกินข้าวล้างจานเสร็จ มานั่งคุยกันแบบลูกผู้ชาย “พ่อรู้ว่าพ่อปราบจะทำอะไรย่อมไตร่ตรองมาแล้ว แต่ไม่คิดว่าลูกจะทิ้งน้องไว้เพียงลำพังทั้งคืน มันไม่เกินไปหน่อยเหรอลูก” สองพ่อลูกมองหน้ากัน “พ่ออาจคิดว่าผมแก้ตัว ความจริงผมตั้งใจจะกลับมาอยู่ครับ แต่ดื่มหนักไปหน่อย ผมผิดเอง” ลูกชายคนโตก้มหน้าพร้อมยอมรับผิด “พ่อจะไม่ถามว่าเพราะอะไร แต่เวลานี้ลูกขึ้นชื่อว่าแต่งงานมีครอบครัวแล้ว อะไรที่ไม่ใช่ของเรา มันก็ไม่ใช่ของเราวันยังค่ำ ที่ผ่านมาลูกเดินหน้าทำหน้าที่ดีมาตลอด หันกลับมามองข้างหลังด้วย แล้วอะไรที่ลูกไม่เห็นก็จะได้เห็น อะไรที่ลูกไม่รู้ก็จะรู้ แล้วนี่ตั้งใจจะอยู่ที่นี่จริงๆหรือ ไม่สงสารน้องบ้างเลยหรือ” ที่ผ่านมาลูกชายเขาทำหน้าที่แฟนที่ดี ไปรับไปส่งหญิงสาวเวลามีงาน ทุกๆปีลูกชายเขาจะไปช่วยพ่อแม่ฝ่ายหญิงดำนาเกี่ยวข้าว เขาที่อาบน้ำร้อนมาก่อน ทำไม่จะดูไม่ออกว่าฝ่ายนั้นไม่ได้จริงใจกับลูกชายเขา อีกอย่างถ้าฝ่ายนั้นรักในตัวลูกชายเขาจริงจะไม่เรียกค่าสินสอดตั้ง 5 ล้านบาทหรอก สำหรับเขาที่เป็นพ่อ ถ้าลูกรักใครก็ไม่เคยห้าม คนชนบทอย่างเรา ความจริงใจมีมาค่ามากกว่าเงิน 5 ล้านนั่น “ขอบคุณครับพ่อ ผมจะนอนที่นี่ครับ ช่วงนี้ใกล้เกี่ยวข้าวแล้วด้วย ส่วนเธอจะเป็นสะใภ้ชาวนาก็ต้องอยู่ให้ได้ เมื่อก่อนพ่อกับแม่ยังอยู่ได้นี่ครับ” ลูกชายคนโตรู้ว่ากว่าพวกเขาจะมีบ้านหลังใหญ่ มีที่นาเกือบ 100 ไร่ ครอบครัวเราเคยลำบากมาก่อน ตอนนั้นสองผัวเมียเพิ่งแต่งงานใหม่ๆ พากันไปทำงานในกรุงเทพมหานคร อยู่บ้านเช่าสังกะสีแคบๆ ทำงานในโรงงานผลิตอาหารสัตว์ พวกเขาตั้งตาเก็บเงินเป็นก้อนเพื่อจะกลับมาบ้านเกิดหาซื้อที่นาเป็นของตัวเอง จึงประหยัดอดออม มาม่า 1 ซองกินด้วยกัน 2 คน เก็บผักบุ้งข้างโรงงานมาต้มกับมาม่า อยู่กันแบบเกือบนั้น 3 ปีได้เงินมา 1 ก้อนกลับมาซื้อที่นาที่บ้านเกิดแห่งนี้ พร้อมให้กำเนิดลูกชายคนโต จากนั้นค่อยๆขยายซื้อที่นาปีละนิด จนตอนนี้เขามีที่นากว้างที่สุดในหมู่บ้าน แล้วกระท่อมที่เห็นอยู่นี้ผ่านการปรับปรุงมาสามครั้งแล้ว เมื่อก่อนพวกเขาเคยอยู่ด้วยกันสามพ่อแม่ลูก ช่วงที่เกิดลูกชายคนที่สอง พวกเขามีพร้อมทุกอย่างแล้ว “ตามใจลูก ถ้าทำผิดแล้วรู้จักขอโทษ ครอบครัวก็จะเป็นครอบครัว พ่อกลับก่อน อ่อ เรื่องที่ผู้ใหญ่บ้านให้ลูกไปแนะนำชาวบ้านที่จะประชุมกันวันนี้ จะพาหนูปลายไปด้วยหรือเปล่า” “ตามใจเธอสิครับ ผมไม่ได้ห้ามเธอไว้” เขามองหน้าลูกชายแล้วถอนหายใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าลูกชายกำลังเสียใจที่ทราบข่าวคนที่รักคบซ้อน แต่เขาได้พูดในสิ่งที่สมควรพูดไปแล้ว เขาเชื่อว่าลูกชายจะคิดได้และเดินหน้าต่อไป บางครั้งคนที่เราคิดว่าใช่ สุดท้ายกลับกลายเป็นคนที่ไม่ใช่สำหรับเรา ทางด้านเกวลินเมื่อมาถึงบ้านที่เป็นของน้องปลาย ภายในบ้านดูสะอาดเรียบร้อย จัดของเป็นสัดส่วน เข้ามาเป็นห้องรับแขก มีโทรทัศน์ตั้งอยู่ โซฟาที่ทำจากไม้สัก ถัดจากห้องรับแขกมีห้องนอน 2 สองติดกัน และมีทางเดินตรงไปด้านหลังเป็นห้องครัวและห้องน้ำ ทุกอย่างอยู่ภายในบ้านหลังน้อยกะทัดรัด ห้องครัวสำหรับยืนทำกับข้าว บนโต๊ะมีเตาแก๊ส ถังแก๊สและตู้เย็นขนาดกลาง มีตู้สำหรับเก็บจานชามแก้วน้ำ ส่วนยายหอมเมื่อเจอหน้าหลานสาวครั้งแรก ก็รู้สึกว่าเธอเปลี่ยนไป อาจเป็นเพราะเรื่องที่ชาวบ้านเล่าสู่กันฟัง เมื่อเช้ายายหอมไปเก็บผักตำลึงข้างรั้ว ได้ยินบ้านฝั่งตรงข้ามคุยกัน เล่าเรื่องเจ้าบ่าวที่ทิ้งเจ้าสาวไว้ในคืนวันเข้าหอ ในหมู่บ้านนี้มีหลานสาวเขาคนเดียวที่แต่งงาน แม้พวกเขาจะไม่เอ๋ยชื่อ แต่ยายหอมเดาได้ไม่ยาก “หนูเหนื่อยไหมลูก ถ้าเหนื่อยก็นอนพักแล้วค่อยกลับไปที่เถียงนา จริงสิอาทิตย์หน้าแม่แก้วบอกว่าพ่อปราบจะเกี่ยวข้าวแล้ว” เกวลินสำรวจบ้านจนลืมไปว่ายายหอมอยู่ข้างๆ “งั้นเหรอจ๊ะยาย หลานสบายดีจ้ะยาย ยายจ๋าไม่ต้องห่วงหลานนะจ๊ะ” อ่า แล้วฉันจะเกี่ยวข้าวเป็นไหมนะ ปกติเห็นแต่ในโทรทัศน์ คราวนี้จะต้องลงมือเอง “สมุดบัญชีหนูฝากไว้ที่ยาย ถ้าลูกจะใช้เงินซื้อของกินในวันเกี่ยวข้าวมาเอาได้ตลอด ยายเก็บไว้ในห้องนอนยาย ส่วนนาของเราอาทิตย์หน้าหนูค่อยไปปล่อยน้ำ เพราะเราปลูกทีหลังคนอื่น” ดูเหมือนน้องเตรียมการไว้หมดแล้ว แล้วนาอยู่ตรงไหนนะ แต่ช่างเถอะ ค่อยๆลองถามพี่ปิน ดูเขามีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี “ได้จ้ะ” “หลานเข้าไปพักเถอะ ยายจะไปตากดอกอัญชัน” เพราะหลานสาวชอบกินขนมชั้นที่ทำจากน้ำดอกอัญชันและใบเตย หลายครั้งที่ทำออกมาแล้วไปวางขายในร้านสหกรณ์ ช่วงนี้แกเก็บดอกอัญชันไว้ให้หลานสาวทุกเช้า หลังจากที่ฉันได้เข้ามาในห้อง ฉันคิดว่าต้องมีหลักฐานสักอย่างที่ทำให้น้องปลายฟ้าตาย คนเราจะเสียใจจนตายไม่น่าจะเป็นไปได้ ฉันเปิดตู้เสื้อผ้า ข้างในตู้ส่วนมากเป็นเสื้อผ้าสีชมพู แม้แค่ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มยังเป็นสีชมพูเลย ฉันค้นทุกซอกทุกมุมแต่ไม่พบหลักฐานอะไร เริ่มรู้สึกเหนื่อยจึงนอนลงบนเตียงเงยหน้ามองเพดาน ไล่มองรูปที่ติดรอบห้อง มีแต่รูปสามสาว แล้วทำไมไม่มีรูปคนที่น้องแต่งงานด้วยนะ บนรูปนั้นเขียนไว้ “แก้มใส ปันปัน พวกเธอเป็นเพื่อนของฉัน ถ้าชาติหน้ามีจริงฉันอยากเป็นเพื่อนกับพวกเธออีก” “แล้วน้องเขียนแบบนี้เหมือนจะรู้ว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน” คนที่ชื่อปันปันหน้าคล้ายแม่แก้วและพ่อทิด ส่วนอีกคนใบหน้าสวยคม ตาโต ฉันเอะใจที่ไม่มีรูปของเจ้าบ่าวคนที่น้องแต่งงานด้วย สายตาไปสะดุดกับกล่องสีดำที่อยู่บนตู้เสื้อผ้า ฉันเลื่อนเก้าอี้มาแล้วขึ้นไปเอากล่อง “พี่ไม่ได้ตั้งใจจะล้วงความลับของน้อง แต่พี่อยากจะรู้ว่าน้องตายเพราะอะไร” แล้วฉันก็ได้รู้ว่าน้องเป็นมะเร็งกระเพาะ ภัยเงียบที่หลายคนมองข้าม มีเศษกระดาษที่มีชื่อของคุณหมอและเบอร์โทรหมอ ในนั้นน้องขอโทษคนชื่อพี่ปราบ ที่ทำลงไปเพราะอยากให้ยายมีคนดูแล เกวลินจำชื่อหมอและเบอร์ของหมอไว้เรียบร้อย “ปลายฟ้า น้องเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียว ไม่อยากให้คนอื่นมาทุกข์เพราะหนูเหรอ ขอให้น้องไปสู่สุคติจ้ะ พี่จะดูแลยายหอมเอง หมดเคราะห์หมดกรรมสักที ขอให้น้องไปเกิดเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ เป็นกำลังใจให้พี่สาวคนนี้ด้วยนะจ๊ะ” นี่ฉันต้องมาเป็นเมียอีตาหน้าหงุดหงิดคนนั้นเพราะน้องปลายฟ้าอยากให้เขาดูแลยายหอมหรอกหรือ “เห้อออ” ทางด้านคนที่อยู่เถียงนา รอว่าเมื่อไรเธอจะกลับมา นี้เที่ยงกว่าแล้ว หลังจากที่พ่อกลับไป ผมไปเก็บผักกูดมาผัดกับไข่เพื่อจะง้อเธอว่างั้นเถอะ แต่รอแล้วรอเล่า เธอยังไม่มาสักที “ฮึก อวดดี ไม่ต้องกงไม่ต้องกินมันแล้ว” ผมเอากับข้าวที่ทำเสร็จแล้วไปทิ้ง จากนั้นมานั่งถามตัวเอง “แล้วทำไมเราต้องหงุดหงิดวะ” ผมเอาสมุดปากกาขึ้นมา เตรียมตัวสำหรับการบรรยายและให้คำแนะนำชาวบ้านในเรื่องการรักษาหน้าดินหลังเก็บเกี่ยวที่จะถึงนี้ ไม่มีใครรู้ว่านอกจากผมเป็นชาวนาแล้ว อาชีพที่สองของผมคือเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรแห่งหนึ่งตัวจังหวัด มีแค่คนในครอบครัวและผู้ใหญ่บ้านเท่านั้นที่รู้ ระหว่างที่ผมนั่งเขียนหัวข้อที่จะบอกชาวบ้านนั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “ว่าไงมึง” แผ่นดินเพื่อนที่อีกคนที่ร่วมวงดื่มเหล้าขาวเมื่อคืน เป็นเขาที่ปลุกผมตอนเช้าให้กลับบ้าน “กูยังไม่ตาย มีอะไรวะ” “กูไปเกี่ยวข้าวของป้า แล้วมีคนเล่าเรื่องของมึงว่ะ” “ช่างสิ กูไม่ได้อยากจะรู้เรื่องของกู” “แต่มึงต้องรู้ พวกเขาบอกว่าได้ยินมาจากบ้านแฟนมึง” แผ่นดินรู้ว่าถ้าเป็นเรื่องยาหยีไอ่นี้มันพร้อมจะฟัง “เล่ามา” “เขาว่านายไม่มีปัญญาหาค่าสินสอดให้น้องยาหยี เลยหนีไปแต่งงานกับเด็กกำพร้า แล้วสวรรค์เข้าข้างคนดี น้องยาหยีมีปลัดหนุ่มมารักษาแผลใจแล้ว ทั้งคู่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก” เพื่อนเขาเงียบไป “ก็ดีแล้วนี่ ที่เธอได้กับคนที่คู่ควรกับเธอ” “เดี๋ยวไอ่ปราบ มึงไม่สงสัยเหรอ ว่าทำไมแฟนมึงถึงตัดใจจากมึงได้รวดเร็วขนาดนั้น” “ต่อไปมึงไม่ต้องมาเล่าเรื่องนี้ให้กู เมื่อวานไอ่ต้นมันเอาคลิปและรูปให้กูดูแล้ว แค่นี้จะทำงาน แล้วตอนเย็นมึงไปประชุมด้วยหรือเปล่า” “ไปสิ จะไปฟังมึงขึ้นไปพูด เพื่อได้คะแนนเพิ่ม” “กูไม่ได้หาเสียง กูนำความรู้ไปให้ทุกคน” “กูพูดเล่น ว่าแต่มึงอย่าเครียดนะโว้ย แล้วอย่าไปแกล้งน้องปลาย” “กูทำไปแล้ว แค่นี้นะ” เห็นไหมครับ มีแต่คนเป็นห่วงเธอ อาจเป็นเพราะเมื่อคืนผมหลับไม่เต็มอิ่ม จึงเผลอหลับบนแคร่ไป เพราะบรรยายกาศรอบๆมีสายลมพัดผ่าน ต้นข้าวพลิ้วไหวไปตามแรงลม อากาศเย็นสบายทำให้ผมหลับลึก แล้วในความฝันนั้นผมเห็นเด็กสาวคนหนึ่งที่คอยเดินตามผม พอเวลาผมไปเรียนในตัวเมืองกลับมา เธอจะดีใจรีบเข้ามาหา จากนั้นชวนน้องสาวผมไปขึ้นต้นฝรั่งเพื่อจะนำมาให้ผมกิน กลายเป็นว่าผมมีน้องสาวที่แสนซนถึงสองคน ผมเริ่มไม่เห็นเธออยู่ในสายตาตั้งแต่มีผู้หญิงอีกคนเข้ามา และเริ่มทำตัวเหินห่างแล้วรู้สึกรำคาญเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธอไปขึ้นต้นฝรั่งสูง เพื่อจะเก็บมาให้ผมเอาไปกินที่วิทยาลัย แต่ครั้งนั้นเธอตกต้นไม้ กิ่งไม้แห้งหล่นทับใส่หลังเธอ น้องสาวรีบวิ่งมาบอกผม แล้วพาเธอไปอนามัย เธอได้แผลที่แผ่นหลัง โดนเย็บไป 15 เข็ม คำพูดที่ผมพูดกับเธอวันนั้น “ต่อไปอย่าทำอะไรให้พี่อีก เข้าใจไหมปลายฟ้า ดูสายตายายหอมสิ ป็นห่วงเธอขนาดไหน แล้วไอ่ผลไม้ฝรั่งนี้ ที่ไหนๆมันก็มีใช่ไหม พรึ่บบบ” ผมโยนผลไม้ลงไปตรงหน้าเธอแล้วจะขึ้นบ้าน คนตรงหน้าร้องไห้หนักว่าเก่า จนแม่แก้วมาหยิกเอวผมแล้วให้เข้าไปปลอบเธอ “แล้วทำไมต้องฝันถึงวัยเด็กด้วย” ผมตื่นขึ้นมาไม่เห็นใครจึงอาบน้ำแต่งตัวจะไปทานข้าวที่บ้านแล้วไปประชุม “ก๊อก ก๊อก ก๊อก หลับหรือเปล่าลูก” ยายหอมมาเคาะประตู ฉันลุกขึ้นรีบไปเปิดประตู “ไม่จ้ะยาย” “แก้มใสโทรมาหายาย บอกว่าโทรหาหนูแล้วไม่มีคนรับสาย” ฉันรับโทรศัพท์มาจากยาย “คุยเสร็จแล้วไปกินข้าวเที่ยงกัน ยายจะไปอุ่นกับข้าวก่อน” “จ้ะยาย” ฉันกลับมานั่งบนเตียง “ปลายฟ้าเพื่อนรัก ฉันโทรหาเธอ 10 กว่าสายแล้ว พอแต่งงานแล้วลืมเพื่อนคนนี้แล้วหรือ” ข่าวลือที่เพื่อนเธอถูกเจ้าบ่าวทิ้งกระจ่ายไปทั่วหมู่บ้านแล้ว ยิ่งช่วงนี้เป็นการลงแขกเกี่ยวข้าว ข่าวยิ่งกระพือเร็วเป็นวงกว้าง “ฉันขอโทษนะแก้ม พอดีปิดเสียงไว้น่ะ” อันนี้ฉันเดาว่าน้องน่าจะปิดเสียงไว้ เมื่อเช้าก็ไม่ทันหยิบมาเสียด้วย “ไม่เป็นไรเพื่อนรัก คืนนี้อย่าลืม เจอกันที่เดิม” “เดี๋ยวแก้ม จะไปไหน แล้วเจอกันที่ไหนเหรอ” “อ้าว วันนี้กลุ่มสหกรณ์เรียกประชุมรวมตัวกันไง เธอจะลืมไม่ได้นะยัยปลายฟ้า เธอเป็นผู้ช่วยเหรัญญิก ห้ามลืมนะจ๊ะ” อ่า แสดงว่าเพื่อนน้องเป็นเหรัญญิกสินะ “อ่อ ฉันจำได้แล้ว ได้สิ เธอมารับฉันด้วยนะ” “คุณเพื่อน ฉันไม่อยากเป็นกขคเพื่อนรักหรอกนะ พี่ปราบเขาก็มา เธอก็มากับพี่เขาสิ แค่นี้นะจ๊ะ คืนนี้ห้ามเบี้ยว” เกวลินวางโทรศัพท์ลง ยกมือข้างขวาแล้วนวดศีรษะด้วยมือเดียว วิญญาณทะลุมาในร่างน้องปลายฟ้า เท่าที่จับใจความได้ ผู้ชายที่ชื่อปราบไม่ได้รักน้องแบบหนุ่มสาว น้องปลายฟ้าเองน่าจะแค่ปลื้มชายหนุ่มและเมื่อเธอจากไป อยากให้ยายหอมมีคนดูแล จึงกินยาฆ่าตัวตาย เพื่อจะได้แต่งงานแล้วยายหอมจะได้มีคนดูแล แล้วน้องยังเป็นผู้ช่วยเหรัญญิก แต่ที่หนักว่านั้น การเป็นชาวนานี่สิ หญิงสาวหนักใจ แล้วจะมีอะไรเพิ่มขึ้นอีกไหมนะ เกวลินถอนหายใจ “พี่เหนื่อยแทนน้องจังเลย แต่ต่อไปนี้ชีวิตนี้เป็นของพี่แล้ว พี่จะขอใช้ชีวิตตามใจพี่ละกัน แล้วพี่จะดูแลยายหอมให้ดีเท่าที่พี่จะทำได้” ฉันพูดคนเดียวแล้วออกไปหายายหอมที่กำลังอุ่นแกง ยังไม่ทันที่จะเข้าไปช่วย พี่ปินมาเรียกให้ฉันและยายไปกินข้าวด้วยกันที่บ้าน สองยายหลานยกกับข้าวไปด้วย ฉันนั่งทานข้าวกับพ่อทิด แม่แก้ว ยายหอมและพี่ปิน “แล้วพ่อปราบไม่มาทานด้วยหรือ” ยายหอมมองหน้าแม่แก้ว แต่พ่อทิดพูดขึ้นมา “เอ่อ พอดีพ่อปราบเตรียมงานที่จะไปประชุมวันนี้ ถ้าหิวคงกินที่เถียงนาใช่ไหมหนูปลาย” อ้าว แล้วเธอเกี่ยวอะไรด้วย “อ้อ จ้ะ เมื่อเช้าปลายหุงข้าวไว้เยอะเลยจ้ะยาย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม