บทที่2กับข้าวมื้อแรก
ผมรู้สึกว่าคนที่อยู่กับผมตอนนี้ไม่ใช่ปลายฟ้าที่ผมรู้จัก หรือเธอพยายามจะเรียกร้องความสนใจ และพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อที่จะให้ผมยอมรับเธอนะ ตอนที่ออกจากกระท่อม เธอเดินเหมือนกลัวว่าไม้ไผ่จะบาดเท้า
แล้วตอนลงบันได เธอค่อยๆลง ไม่ใช่ว่าเธอวิ่งขึ้นบันไดเป็นว่าเล่นตั้งแต่เด็กหรอกหรือ แล้วสีหน้าประหลาดใจเหมือนกันคนไม่เคยมาที่นี่อีก ที่สำคัญในดวงตาเธอว่างเปล่า แล้วทำไมผมถึงรู้สึกหงุดหงิดด้วย
ตอนนี้ผมลงมาปล่อยน้ำที่ขันในคันนาข้าว อีกหนึ่งอาทิตย์ ข้าวตรงหน้าจะเก็บเกี่ยวแล้วผมคิดว่า สัก 1 ชั่วโมงเธอน่าจะทำกับข้าวเสร็จ ถ้ากินไม่ได้ ผมจะพาเธอไปที่บ้าน คิดแล้วก็ไม่อยากกลับไปบ้าน ตอนนี้ข่าวที่ผมไม่ได้เข้าหอกับลูกสะใภ้สุดที่รักของแม่คงถึงหูครอบครัวผมแล้ว
เมื่อวานที่ผมเมาหนักเพราะเพื่อนอีกคนมาบอกผมว่า ดีใจกับผมที่ได้แต่งงานกับน้องปลายฟ้า แล้วเขาเล่าว่าแฟนผมคบซ้อน ผมเถียงขาดใจ เกือบจะเกิดการชกต่อยกันในวงเหล้าแล้ว
แต่มันเอารูปที่แอบถ่ายให้ผมดู น้องยาหยีกับปลัดหนุ่มกำลังนั่งกินข้าวใต้แสงเทียน แม้จะเป็นภาพที่ถ่ายจากด้านข้าง แต่แฟนตัวเองทำไมผมจะจำไม่ได้
จากนั้นเหล้าขาวยกมาเท่าไรผมก็ซัดเข้าคอหมด แล้วสลบคาที่ ป่านนี้แม่ผมคงบ่นจนพ่อและน้องชายผมหูชาแล้วมั้ง ส่วนน้องสาวกลับมาไม่ได้ ติดเรียนพิเศษ อีกอย่างเป็นการแต่งงานที่ฉุกละหุกด้วย ระหว่างที่ผมเดินตามคันนา สายตาก็เหลือบขึ้นมองข้างบน
เมื่อเห็นควันไฟขึ้นก็ยกยิ้มมุมปาก ผมควรจะเริ่มต้นใหม่กับคนที่เป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมายใช่ไหม ตอนแรกผมรู้สึกผิดที่มาแต่งงานกันน้องปลายฟ้า แต่เมื่อคืนสิ่งที่รู้และได้เห็นมานั้น ผมเสียความรู้สึกมากกว่า ว่าทำไมต้องคบซ้อนด้วย ถ้าเธอจะไปผมจะไม่รั้นไว้ หรือที่ผ่านมาผมทำหน้าที่แฟนไม่ดีพอ
“ปล่อยให้ไฟติดก่อน ค่อยยกหม้อ” หลังจากที่เกวลินหรือในร่างปลายฟ้าก่อไฟแล้ว หญิงสาวเอาข้าวสารมากรอกใส่หม้อแล้วนำไปล้าง น้ำใสๆที่มาตามท่อไม้ไผ่นี่คงเป็นน้ำที่ต่อมาจากลำธาร ที่อยู่ห่างจากกระท่อมหรือกระต๊อบ ถัดจากกระท่อมไปมีรั้วล้อมไว้ ข้างในมีควายหลายตัวอยู่ในนั้น
พวกมันกำลังนอนอาบแดดอยู่ เป็นควายช่างสบายจริงๆ แล้วฉันเห็นห้องที่ทำจากไม้ไผ่ เมื่อเข้าไปดูถึงรู้ว่าเป็นห้องน้ำแบบ Outdoor หลังคาไม่มี มีโอ่งดินวางอยู่ ขันน้ำและก๊อกน้ำทุกอย่างพร้อมใช้งาน ในถุงพลาสติกมีทิชชู 1 ม้วน ถัดไปเป็นยาสีฟันแปรงสีฟันและแชมพูอาบน้ำกับครีมอาบน้ำอยู่อีกถุงหนึ่ง
หญิงถือโอกาสทำธุระส่วนตัวเสียเลย จากนั้นกลับมาเอาข้าวสารที่ล้างเสร็จแล้วมาตั้งหม้อ ระหว่างนั้นดูของในกล่องกระดาษ มีน้ำมันพืช 1 ขวด กระเทียม พริกแห้ง เกลือป่นและไข่ไก่แค่นั้น
“มีแค่ไข่ ผักอะไรก็ไม่มี งั้นทำไข่เจียวละกัน” เกวลินตอกไข่ใส่จาน เอากระเทียม 4 กลีบมาทุบพอแตกแล้วเอาเปลือกออกใส่รวมกับไข่ที่ตอกไว้ จากนั้นใส่เกลือป่นลงไป คนทุกอย่างให้เข้ากันแล้วพักไว้ กลับมาดูหม้อข้าวที่กำลังเดือด พยายามเอาฟืนออกเหมือนไฟจะแรงเกินไป “หวังว่ากับข้าวมื้อแรกจะไม่ไหม้ไปก่อนนะเกว”
เมื่อเห็นว่าน้ำในหม้อเริ่มแห้งแล้ว รีบเอาฟืนออก แต่ฟืนอีกอันที่ติดไฟตกใส่หลังมือ “โอ้ยย โอ่ยย ยัยเกวทำไมเซ่อซ่าแบบนี้”
แม้ว่าหลังมือฉันจะร้อนแค่ไหน แต่ก็ไม่อยากให้ข้าวเหม็นไหม้ จึงเอาฟืนออกจนหมด แล้วเกลี่ยขี้เถ้าให้เหลือเบาบาง จากนั้นเดินหาว่านหางจระเข้เพื่อจะมาทาหลังมือเผื่อจะลดความแสบร้อน เดินหารอบๆกระต๊อบแล้วไม่มี ฉันกลับมานั่งบนแคร่แล้วเอาเกลือมาเคี้ยวให้ละเอียดจากนั้นนำมาทาบนหลังมือที่แดงมากขึ้นเรื่อย ๆ ความแสบร้อนไม่ต้องพูดถึง ถ้ามีน้ำแข็งจะเอามาประคบทันที
ทางด้านชายหนุ่มเมื่อมองดูนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่าครบ 1 ชั่วโมงแล้วเขา แบกจอบกลับขึ้นมาที่กระท่อม ไปล้างมือล้างเท้ามานั่งบนแคร่ เห็นเธอกำลังตักข้าวใส่จาน มีไข่เจียว 1 จาน กับข้าว 2 จานวางอยู่
“ใช้ได้นี่” พอเธอเงยหน้าขึ้นมา เขาอยากหัวเราะดังๆ เพราะใบหน้าเธอเต็มไปด้วยเถ้าถ่านสีดำ แต่ข้าวที่หุงไม่ได้แฉะอย่างที่เขาคิดไว้ “เอ่อ คุณกินก่อนละกัน ฉันจะไปล้างหน้า” เธอพูดจบแล้วรีบเดินขึ้นไปบนบ้าน
ก่อนลงมาฉันเห็นยาสีฟันและแปรงสีฟันอยู่ในตะกร้า มีโฟมล้างหน้าหลอดเล็ก พร้อมผ้าขนหนู ส่วนมือข้างที่เจ็บพยายามจะไม่ให้โดนน้ำ ตอนนี้ฉันกำลังบีบยาสีฟันทาลงบนหลังมือ ให้ความรู้สึกเย็นสดชื่นลงได้บ้าง เอาน้ำในโอ่งใบเล็กบนบ้านตักขึ้นมาแปรงฟันล้างหน้าแล้วลงไปกินข้าว แต่เห็นเขายังไม่ทาน
“ที่พี่ยังไม่กิน เพราะกลัวว่าจะท้องเสียต่างหาก คนทำต้องกินก่อน” ผมจ้องหน้าเธอ ใช่แล้ว ในดวงตาคู่นั้นเปลี่ยนไป เมื่อก่อนเธอยิ้มทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ผมและจะพี่แต่คำว่าพี่ปราบคะ พี่ปราบขา จนผมรู้สึกรำคาญ แต่เวลานี้เธอพูดกับผมแทบจะนับคำได้ ที่สำคัญเธอแทนตัวเองว่าฉัน
“งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะคะ” ก่อนหน้านั้นฉันหิวข้าวนานแล้ว จึงนั่งลงตักไข่กินกับข้าวสวยร้อนๆ ส่วนมือซ้ายพยายามจะไม่ขยับมัน อือ อย่างน้อยก็มีกระเทียมที่ทำให้กลิ่นหอมขึ้น ฉันก้มหน้าทานข้าวไปสามคำ ผู้ชายตรงหน้าถึงลงมือตักไข่เจียวไปทาน ระหว่างนั้นฉันได้ยินเสียงเหมือนคนเดินมาทางนี้ แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิดไว้
“ลูกปลาย ลูกเพิ่งได้กินข้าวหรือนี่ แล้วกับข้าวที่แม่และยายหอมฝากมาให้อยู่ไหนลูก มีแต่ของโปรดหนูทั้งนั้น หรือว่า” สายตาคุณป้าจ้องไปที่คนนั่งตรงหน้า ไม่นานคุณลุงเดินตามหลังคุณป้า ใบหน้าคล้ายคนที่นั่งตรงหน้าเธอ
“หนูปลาย พ่อขอโทษด้วยที่ลูกชายพ่อทำไม่ดีกับหนู เมื่อคืนหนูหลับสบายดีใช่ไหมลูก” สายตาของพวกท่านรักใคร่ เอ็นดูน้องปลายฟ้ามากและเหมือนจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว “จ้ะปลายหลับสบายดี คุณลุงและคุณป้าไม่ต้องขอโทษปลายหรอกนะจ้ะ” พวกเขาใจดีขนาดนี้จะให้มาขอโทษ ฉันไม่กล้ารับไว้
สองผัวเมียมองหน้ากัน แล้วจ้องมองไปลูกชาย ที่ผ่านมาหนูปลายเรียกพวกเขาว่าลุงทิด ป้าแก้ว เวลานี้เธอเรียกพวกเขาว่าคุณลุง คุณป้า เหมือนคนกรุงคุยกัน แทนที่จะเรียกว่าพ่อแม่
“ลูกปลายฟ้า ตั้งแต่นี้ต่อไปเรียกแม่ว่าแม่แก้วและพ่อทิดนะจ้ะลูก จะมาคุณคุนอะไรกัน หนูเป็นสะใภ้ของแม่และพ่อแล้วนะลูก” เธอยิ้ม “ขอบคุณจ้ะพ่อทิดแม่แก้ว” อย่างน้อยก็มีคนที่รักเธอ นี่เป็นความคิดของเกวลิน
“ว่ายังไงพ่อปราบ กับข้าวที่แม่และยายหอมฝากมาอยู่ที่ไหน” จากนั้นดูเหมือนผู้ชายตรงหน้ากำลังถูกสอบสวน “แม่ ก็ผมอยากจะรู้ว่าสะใภ้ที่แม่รักหนักหนาจะทำกับข้าวได้หรือเปล่า ก็เลยให้ไอ่ปินเอากลับไป”
“แล้วเป็นไง อุ้ย ข้าวไข่เจียวน่ากินมากลูกปลาย หนูทำได้ดีมากลูก เอ๊ะ แล้วหลังมือซ้ายหนูเป็นอะไรลูก แล้วใช้อะไรทา” แม่แก้วเดินมาดูกับข้าวแล้วมานั่งข้างๆ “เอ่อ โดนถ่านตกใส่ ไม่เป็นไรแล้วจ้ะแม่แก้ว” ดูเหมือนพ่อทิดมีเรื่องจะคุยกับคนตรงหน้า
“กลับบ้านเถอะลูก ที่บ้านมีว่านหางจระเข้ ที่เหลือให้พี่เขาจัดการเก็บล้างเอง” ฉันถูกแม่แก้วพากลับเดินตามคันนา ระหว่างทางแม้แก้วก็บ่นถึงลูกชายตลอด สัก 500 เมตร เจอมอเตอร์ไซค์ 1 คันกับจักรยาน 2 คัน
ตอนนี้ฉันนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ แม่แก้วเป็นคนขับ ประมาณสัก 2 กิโลก็มาถึงบ้านหลังใหญ่ทำจากไม้สัก 2 ชั้น มีรถยนต์จอดอยู่ 2 คัน รอบๆ มีผลไม้และผักที่เลื้อยขึ้นตามต้นไม้ ห่างจากบ้านไม้สักหลังงามประมาณ 200 เมตร มีบ้านอีกหนึ่งหลัง ยกสูงจากพื้นเล็กน้อย ทำจากไม้สักเช่นกัน แล้วมียุ้งข้าวขนาดใหญ่ บ้านสองหลังอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ล้อมรั้วไว้อย่างดี พื้นที่โดยรวมน่าจะ 10 ไร่ แล้วที่เห็นไกลๆเป็นบ้านหลังอื่น
“เอ้า แม่ น้องปลาย ไม่สิพี่ต้องเรียกว่าพี่สะใภ้แล้ว” ผู้ชายที่เดินลงบันไดหน้าตาคล้ายแม่แก้ว ท่าทางขี้เล่นยิ้มให้ฉัน “พี่ชายลูกนะสิ ช่างเถอะ รีบไปเอาว่านหางจระเข้ให้แม่เดี๋ยวนี้” แต่คนตรงหน้ารีบเดินมาหาเธอ
“น้องปลาย นี่พี่ปราบใช้น้องทำกับข้าวจริงๆเหรอ พี่ปราบนะ พี่ปราบ” จากนั้นเขารีบไปที่หลังบ้าน แม่แก้วขึ้นไปเอาแอลกอฮอล์มาล้างแผลให้เธอ จากนั้นเอาว่านหางจระเข้ทาลงไปบนหลังมือ ฉันรู้สึกเย็นสดชื่น ความแสบร้อนบรรเทาลงไปบ้าง
“ขอบคุณค่ะแม่แก้ว” แต่คนตรงหน้ายิ้มให้แล้วพูดว่า “จะไม่ขอบคุณพี่ปินเหรอครับ” ฉันยิ้มให้คนตรงหน้า ความจริงฉันเป็นพี่สาวนาย แต่เอาเถอะ ในเมื่อฉันมาอยู่ในร่างสาวน้อยอายุ 18 “ขอบคุณค่ะพี่ปิน”
“ด้วยความยินดีครับ ช่วยมาตลอด ก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุดจริงไหมครับ” เขารู้ว่าน้องสาวข้างบ้านรักและชื่นชอบพี่ชายตัวเองมานาน สองพี่น้องจึงเอาใจช่วยและเป็นกำลังให้ตลอดมา
ไม่นานมีหญิงชราเดินมาตรงที่พวกเรานั่งคุยกันใต้ถุนบ้าน นางอายุ 60 ได้มั้ง สายตาเต็มไปด้วยความรักและเป็นห่วง “ปลายหลานรัก ลูกกลับมาที่บ้านหรือ มาให้ยายกอดหลานหน่อย”
ยายหอมได้ยินเสียงรถจักรยานยนตร์ คิดไม่ถึงว่าหลานสาวจะกลับมาที่บ้าน เมื่อวันแต่งงานพ่อปราบบอกว่าจะพาเธอไปนอนที่กระท่อม ยายหอมและทุกคนไม่เห็นด้วย แต่เป็นหลานสาวที่ยอมไป ตอนนี้แม่แก้วและพี่ปินขอตัวขึ้นบ้าน ปล่อยให้สองยายหลานคุยกันเอง
อ้อมกอดจากหญิงชราตรงหน้า ช่างเป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นเหลือเกิน นี่คงเป็นยายของน้องปลายสินะ จากนั้นฉันยกมือกอดตอบ
“ยายจ๋า เมื่อคืนยายหลับสบายดีไหมจ๊ะ” ยายหอมแกะมือหลานสาวแล้วเห็นที่หลังมือเป็นรอยแดงขนาดกว้าง หลานสาวเป็นคนเข้มแข็งอยู่แล้ว ตอนเด็กได้แผลเยอะกว่านี้ แกเลยไม่ได้เป็นห่วงอะไรมาก
“เมื่อคือยายฝันร้าย แต่โบราณบอกว่า ฝันร้ายจะกลายเป็นเรื่องดี” ยายหอมยิ้ม ทำให้ฉันยิ้มตาม “เล่าความฝันของยายให้หลานได้หรือเปล่าจ๊ะ”
“อืม ยายฝันว่าหลานมาลายาย แล้วพูดว่าพ่อปราบจะดูแลยายแทนหลาน จากนั้นหลานเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ ยายคว้าได้แค่เสื้อ แล้วยายก็สะดุ้งตื่นเพราะเสียงไก่ขัน” เธอบีบมือเหี่ยวย่นของยายหอม นั่นคงเป็นวิญญาณน้องปลายฟ้า “ยายจ๋าหลานขอบคุณยายมากๆ
ที่ผ่านมาถ้าหลานทำอะไรให้ยายไม่พอใจ หลานกราบขอโทษด้วยนะจ้ะ” หญิงชราดึงหลานสาวเข้ามากอดแล้วลูบหลังเบาๆ
“หลานไม่ต้องขอโทษยาย หลานเป็นเด็กดีมาตลอด ยายเสียดายเรื่องเดียวที่หลานไม่เรียนต่อ” ถึงบรรพบุรุษพวกเราจะเป็นชาวนา แต่เมื่อเห็นหนูปันปันเรียน หญิงชราก็อยากให้หลานสาวได้เรียนหนังสือด้วย อนาคตไม่แน่นอน ถ้าหลานสาวมีความรู้ติดตัว เวลาแกจากโลกนี้ไปจะได้หมดห่วง
“ถ้ายายอยากให้หลานเรียนต่อ หลานจะเรียนจ้ะ” ฉันเรียนจบมาแล้วรอบหนึ่ง จะเรียนเอาใบปริญญาอีกสักใบเพื่อยายไม่เห็นจะเป็นอะไร ดูสายตายายหอมแกมีความสุขมากเมื่อรู้ว่าหลานสาวจะเรียนต่อ
“ในเมื่อหลานตัดสินใจแล้ว งั้นสมุดบัญชีเงินฝากที่ฝากเอาไว้ที่ยาย เก็บไว้ที่หนูเลยนะลูก” ก่อนแต่งงานหลานสาวเอาสมุดบัญชีเงินฝากสองเล่มมาฝากไว้ที่แก บอกว่าถ้าต้องใช้เงินจะมาเอาเอง
เกวลินรู้ว่านอกจากพ่อทิดแม่แก้วแล้ว มียายหอมอีกคนที่รักน้องปลายฟ้าดังแก้วตาดวงใจ ไม่นานแม่แก้วและพี่ปินลงมา ถือขนมมาด้วย บอกว่าเป็นของโปรดของน้องปลายฟ้า นั่นคือขนมชั้น
ทั้งสามคนรู้ว่าเมื่อคืนเจ้าบ่าวปล่อยให้เธอนอนคนเดียว พวกเขาไม่กล้าถาม แต่สายตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความสงสาร หลังจากที่ทานขนมจากฝีมือแม้แก้วแล้ว พี่ปินบอกให้พายายหอมกลับบ้าน
“ทำไมพ่อปินถึงให้น้องพายายหอมกลับบ้าน” “แม่ แม่ดูไม่ออกหรือ ยายหอมอยากปลอบน้อง” “พูดถึงเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าพ่อของลูกจะพูดให้พี่ชายลูกคิดได้หรือเปล่า” ที่พ่อกับแม่ไปหาพี่ปราบเรื่องนี้เองเหรอ ชายหนุ่มเองก็รู้สึกว่าพี่ชายทำเกินไป
“แม่ แม่ว่าน้องปลายเปลี่ยนไปไหมครับ” สองแม่ลูกมองหน้ากัน ทำไมเธอจะไม่ออกว่าปลายฟ้าคนเดิมร่าเริง พูดจาออดอ้อนพวกเขา รวมถึงยายหอมและพ่อปราบด้วย แต่เมื่อเช้าที่ไปถึง เห็นสายตาหญิงสาวเต็มไปด้วยความสงสัยและและกิริยาท่าทางเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
“แม่เห็น จำไว้นะพ่อปิน คนเราจะเปลี่ยนไปเพราะไปเจออะไรบางอย่างถึงต้องเปลี่ยนไป งานนี้พี่ชายลูกจะได้รู้ว่าการถูกมองข้ามและถูกหมางเมินจะเป็นอย่างไร หึ หึ หึ”
นายปินมองแม่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม แล้วทำไมแม่ต้องดีใจด้วย เห้ออ ผู้หญิงนี้เข้าใจยากจริงๆ เขาบ่นคนเดียว ในขณะที่คนเป็นแม่รู้สึกดีใจที่เด็กสาวที่รักและเอ็นดูเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง เติบโตไปอีกก้าว สายตาที่ไม่ยอมแพ้กับอะไร นี่แหละเหมาะสมที่จะเป็นสะใภ้เธอ