เมื่อคดีอุบัติเหตุสิ้นสุดลง คนขับรถสิบล้อที่บาดเจ็บเล็กน้อยก็ได้รับโทรศัพท์ติดต่อให้ไปรับค่าจ้าง พวกเขานัดหมายใต้สะพานชานเมือง ซองใส่เงินสีน้ำตาลถูกยื่นให้
“มึงไปทำงานที่อีสานก่อนสักปีค่อยกลับมาที่นี่ก็แล้วกัน กูติดต่อที่ขับรถเอาไว้ให้แล้ว”
“ครับนาย” เขาเขย่าเงินในมือดูก่อนจะดึงออกมา “แค่นี้เองเหรอครับ?”
“งานไม่สำเร็จ มึงก็รู้ว่าเหยื่อไม่ตาย แค่นี้ก็เหมาะแล้ว”
เสียงกิ่งไม้หักดังขึ้นข้างหลัง คนทั้งสองหันไปพร้อมกัน
“สาธร เป็นแกนี่เอง” เสียงทักดังขึ้นข้างหลัง ทำให้คนทั้งสองหันไปมองอย่างรวดเร็ว
สาธรวิ่งหนีไปขึ้นรถแล้วขับหนีออกไป ณัฐวุฒิกับพิพัฒน์วิ่งขึ้นรถขับตาม ปล่อยให้ตำรวจนอกเครื่องแบบสองคนวิ่งตามคนได้เงินที่วิ่งหนีไปตามถนน ในเมื่อความลับถูกเปิดเผย ต่างคนก็ต่างหนีเอาตัวรอด แต่ว่าคนข้างหลังสองคนกลับวิ่งไล่ไม่ลดละ
“นี่ตำรวจ หยุดเดี๋ยวนี้!”
ยิ่งได้ยินว่าเป็นตำรวจ คนขับรถสิบล้อก็ยิ่งหวาดกลัว คดีที่เขาพยายามขับรถชนเจ้าของบริษัทใหญ่อย่างนั้น หากถูกจับได้คนที่ว่าจ้างเขาไม่มีทางจะมาช่วยอย่างแน่นอน คราวนี้เงินก็จะไม่ได้ใช้ แถมยังต้องติดคุกอีก
เขาวิ่งซิกแซกเข้าในป่าละเมาะข้างล่าง แต่พอวิ่งผ่านไปได้ไม่เท่าไหร่ก็เจอคลองน้ำขวางหน้า
ตู้ม!
“มันโดดหนีแล้ว”
“คลองตรงนี้ลึกมาก น้ำก็ไหลแรง มองดูให้ดีว่ามันขึ้นตลิ่งไหม?”
ตำรวจทั้งสองนายกดโทรศัพท์ตามสายตรวจให้เข้ามาช่วย ไม่ถึงสามอึดใจก็มีตำรวจขับมอเตอร์ไซด์ซ้อนท้ายกันมาอีกสองคัน
ผ่านไปเกือบยี่สิบนาที ตำรวจทั้งหกนายก็ไม่เห็นผู้ต้องสงสัยโผล่ขึ้นมาจึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มาช่วย หลังจากควานหาตัวอยู่พักใหญ่ ร่างของผู้ต้องหาก็ถูกน้ำวนพัดมาพาดที่ตลิ่ง ชาวบ้านที่พบศพรีบแจ้งตำรวจ
“เป็นสาทรแน่นอนครับ น่าเสียดายที่ผมขับรถตามเขาไม่ทัน มีคลิปกับภาพนิ่งตอนที่พวกเขาให้ซองเงินกันด้วย” ณัฐวุฒิเปิดหลักฐานที่เขากับพิพัฒน์ถ่ายเอาไว้ได้
“จากศพคนตาย ซองนั่นคือเงินครับ ผมเอาโทรศัพท์ของเขาไปเช็คแล้ว มีเบอร์โทรของบริษัทคุณธนาติดต่อเขามาหลายครั้งมาก ส่วนเจ้าของรถสิบล้อก็ยอมรับแล้วว่าได้รับการติดต่อให้หาคนจัดฉากอุบัติเหตุ ก็คือนายสาทร” ผู้หมวดพัชรยืนยันสิ่งที่ตรวจสอบพบ
ธนานั่งอยู่บนรถเข็น หลังจากผ่าตัดสมองสำเร็จเขาก็ฟื้นตัวได้เร็ว เพียงแต่บางครั้งกลายเป็นคนขี้โมโหฉุนเฉียว ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการรักษา เขาถูกย้ายตัวมายังโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ธเนศจัดบอดี้การ์ดมาคอยดูแลสองคนพร้อมทั้งมีพยาบาลพิเศษสลับกันเฝ้ายี่สิบสี่ชั่วโมง
“สาทรหายตัวไปแบบนี้คงจะสาวถึงตัวการใหญ่ไม่ได้” ธนานิ่วหน้า “นายสาทรเคยทำงานให้กับสายน้ำ แต่ถ้าจับตัวไม่ได้ เราก็จับตัวสายน้ำไม่ได้”
“ไม่รู้ว่าคุณเพชรสมรู้ร่วมคิดไหม?” ธเนศทำหน้าหนักใจ
“พวกเขาเป็นญาติกัน อาจจะรวมหัวกันมาแต่แรก แกจำไม่ได้เหรอ? ตอนนั้นเป็นไอ้หมอนี่ที่ดึงเอาคุณเพชรมาให้คุณพ่อได้รู้จัก” ธนาเริ่มรู้สึกหงุดหงิด
ผู้หมวดหนุ่มมองสองพี่น้องฝาแฝดด้วยความเป็นห่วง เขาเป็นเพื่อนกับทนายพิพัฒน์ได้รับการขอร้องให้เข้ามาช่วยดูแลคดีอุบัติเหตุที่คาดว่าจะเป็นการจัดฉาก ตอนนี้กลายมาเป็นคดีพยายามฆ่า
“น่าเสียดายที่ไม่อาจจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับได้แล้ว ตอนนี้นักข่าวทำข่าวจนใหญ่โต ตัวการที่วางแผนฆ่าคุณธนา ป่านนี้คงหาทางเก็บหลักฐานไม่ให้สาวถึงตัวแล้วครับ”
“ไม่เป็นไรครับผู้หมวด อย่างน้อยความช่วยเหลือครั้งนี้ของพิพัฒน์กับคุณก็ทำให้ผมสองคนพี่น้องได้รู้ว่ามีคนคิดจะฆ่าเราจริงๆ ต่อไปคงต้องระวังตัวให้มาก” ธเนศก้มศีรษะขอบคุณนายตำรวจหนุ่ม
“ผมจะพยายามตามจับนายสาทรให้ได้ครับ”
“ขอบคุณมาก” ธนาเริ่มยกมือกุมศีรษะ
คนทั้งหมดมองดูอาการของคนบาดเจ็บแล้วก็รีบแยกย้าย ณัฐวุฒิออกไปตามพยาบาลมาดูธนา ธเนศกับณัฐวุฒิออกไปยืนคุยกันที่ระเบียงด้านนอก
“ดีที่คุณเนศให้บอดี้การ์ดมาเฝ้า วันก่อนได้ยินว่าคุณน้ำฟ้าเธอก็มาอีก”
ธเนศแสยะยิ้ม เขาได้ฟังเรื่องที่น้ำฟ้าวางยาพี่ชายเขาในคืนงานเลี้ยงใหญ่ของสมาคมการค้าแล้วก็นึกอยากจะกระชากคอผู้หญิงคนนั้นมาสั่งสอนนัก
“อย่าให้เธอเข้าใกล้พี่ชายฉันอีก บางทีคนครอบครัวนั้นอาจจะรวมหัวกันคิดจะฮุบกิจการวินเนอร์อยู่ก็ได้ ส่งคุณเพชรมาแต่งงานกับคุณพ่อ ส่งน้ำฟ้ามาอ่อยธนา หวังว่าคงไม่มีลูกหลานผู้หญิงมาหลอกล่อฉันอีกหรอกนะ”
ณัฐวุฒิขมวดคิ้ว “มีอยู่นะครับ เมื่อตอนต้นปีได้ยินว่าหลานสาวห่างๆ ของคุณเพชรอีกคนเพิ่งกลับมาจากอเมริกา”
“ยังจะมีอีก” ธเนศรีบยกมือขึ้น “ไม่ๆ ถ้าเป็นคนในตระกูลนี้ฉันจะไม่เข้าใกล้โดยเด็ดขาด แกก็ดูช่วยฉันด้วยล่ะกัน”
“ครับ”
“ดีนะที่คุณพิพัฒน์ให้หมวดพัชรมาช่วยสืบคดี ตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าเป็นเรื่องในบริษัท ส่วนผู้หญิงคนนั้น ตัดปัญหาไปได้เลย ผ่านไปเป็นปีแล้วก็คงจะไม่โผล่มาแน่”
“คุณเนศ อาการของบอสไม่ค่อยดีเลยนะครับ ผมรู้สึกว่านิสัยใจคอบอสเปลี่ยนไปพอสมควร”
“อืม...ผลข้างเคียงหลังการผ่าตัด ธนาดูฉุนเฉียวขึ้น เกรี้ยวกราด ขี้โมโห แกก็คอยระวังก็แล้วกัน ถ้าเริ่มเห็นสัญญาณว่าหงุดหงิดก็รีบกันคนอื่นออก”
“ครับ”
“ฉันเองก็หวังว่าต่อไปธนาจะค่อยๆ ดีขึ้น”
หลายเดือนต่อมา ความหวังที่จะสาวถึงตัวผู้บงการก็พลันสลาย ศพของสาทรถูกพบอยู่ในรถยนต์กลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งที่จมอยู่ในน้ำราวสองสัปดาห์ ผู้หมวดพัชรส่งข่าวมาให้พิพัฒน์
“จัดฉากเป็นอุบัติเหตุ ถนนช่วงนั้นไม่มีรถผ่านซะด้วย ทำเหมือนชนท้ายแล้วรถตกคลอง แต่กูดูผลชันสูตรแล้ว ถูกวางยานอนหลับแล้วจับใส่รถ จับมือคนทำไม่ได้ คงยากแล้วล่ะ”
หลังจากคดีนั้นถูกปิดลงพร้อมกับการตายของผู้ต้องสงสัยทั้งสองคน ธนาที่รักษาตัวหายแล้วก็พร้อมจะกลับไปทำงานที่บริษัท
“หนูนา แกอย่าพักที่บ้านเลย ฉันซื้อคอนโดใกล้บริษัทเอาไว้ให้แล้วสองห้อง ห้องตรงข้ามเอาไว้ให้บอดี้การ์ดไปพัก” ธเนศระแวงแม่เลี้ยง เขาไปซื้อคอนโดมิเนียมใหญ่เอาไว้สองยูนิตและย้ายออกจากบ้านไปพักที่นั่น โดยอ้างกับบิดาว่าเพื่อความสะดวกในการไปดูแลพี่ชายที่โรงพยาบาลและการไปบริษัท
“เลิกเรียกแบบนั้นได้แล้ว” ธนาทำหน้าหงุดหงิด
“ทำไม? ฉันไม่เรียกให้คนอื่นได้ยินหรอกน่า”
“หนูเนศ ถ้าแกไม่เลิกเรียกแบบนั้นก็อย่าว่าฉันก็แล้วกัน”
ธเนศได้ยินชื่อเล่นในวัยเด็กของตนก็ถึงกับยกมือสองขึ้นพร้อมกับหัวเราะ “ได้ๆ ธนา ฉันไม่เล่นแล้ว ยอมแพ้”
“แกนี่มันวอนจริงๆ” ธนาวิ่งไล่ต่อยน้องชายไปรอบๆ ห้อง
“แกหายป่วยแล้วนี่ วิ่งเก่งเชียว”
ธนาไม่ยอมแพ้เขากระโดดขึ้นเตียงผู้ป่วยไปกระชากคอเสื้อน้องชายฝาแฝดเอาไว้ได้ “ฉันทำกายภาพแข็งขันขนาดนี้ก็ต้องวิ่งได้สิ”
“แกแกล้งป่วยเพราะจะให้ฉันเรียนรู้งานที่บริษัทใช่ไหม?”
“แสนรู้จริง”
“ฉันไม่ใช่หมานะ” ธเนศสะบัดเสียงพร้อมดึงตัวเองออกจากการรัดคอของพี่ชาย “ฉันจะไปแล้ว ก็ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะกัน”
“ไม่ต้องห่วงน่า แกไปเรียนเถอะ รีบเรียนรีบจบ อีกไม่นานบริษัทกาแฟก็จะเป็นรูปเป็นร่างแล้ว มาช่วยกันดูแลธุรกิจก็ดี ฉันจะได้สบายใจ”
****************