เมื่อธเนศเห็นว่าพี่ชายของตนอาการดีขึ้นและกลับมาทำงานได้แล้ว เขาตัดสินใจไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อเรียนบริหารธุรกิจในระดับปริญญาโท
“ชีวิตไม่แน่ไม่นอน อย่างน้อยวันหน้าถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาอีก ฉันก็จะได้เข้ามาดูแลบริษัทแบบที่ไม่ต้องเงอะๆ งะๆ ฉันรู้แล้วว่างานแกวุ่นวายแค่ไหน” ธเนศเข้ามาช่วยงานบริษัทอยู่หลายเดือน เขาจึงได้เห็นว่าบิดาและพี่ชายต้องบริหารกิจการด้วยความเสียสละ ในขณะที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในยุโรปอย่างมีความสุขบนกองเงินกองทอง
ธนายกมือขึ้นตบบ่าน้องชาย “ดีๆ แกคิดได้แบบนี้ก็ดี เรื่องที่แกจะวาดรูปหรือท่องเที่ยว เอาไว้ว่างๆ ค่อยไป”
“ฉันคิดเอาไว้แล้ว กลับมาบริหารช่วยแกให้บริษัทร่ำรวยแล้วค่อยขายหุ้นเอาเงินไปไว้ใช้น่าจะดี”
“ธเนศ!”
“ล้อเล่นน่า ฉันเองก็เที่ยวเล่นมาหลายปีแล้ว มาทำงานบ้างก็ดี อีกอย่างคราวนี้ไปเรียนอเมริกาก็น่าตื่นเต้น ยุโรปอยู่จนเบื่อแล้ว”
หลังจากเรียนจบปริญญาตรี ธเนศก็ทำงานอยู่ตามแกลเลอรี่ต่างประเทศบ้าง เป็นศิลปินอิสระบ้าง บางครั้งเขาก็เข้าไปช่วยงานในบริษัทของพ่อเลี้ยง หลังจากหย่ากันด้วยความยินยอมพร้อมใจ มารดาของเขาก็ไปทำงานที่อังกฤษ ต่อมาก็แต่งงานใหม่กับนักธุรกิจที่มีบริษัทขนาดกลาง หลังจากจบมัธยมปลายเขากับธนาจึงไปเรียนต่อในเมืองที่มารดาอยู่ โดยบิดาเช่าอพาร์ตเม้นต์ขนาดกลางให้พักใกล้มหาวิทยาลัย
ธเนศจับมือพี่ชายออกจากบ่า “เออ อย่าลืมค*****นค่าคอนโดคุณแม่ด้วยก็แล้วกัน ฉันบอกคุณแม่ว่าขอยืมไปให้แกก่อน พอแกหายป่วยก็จะเอาเงินไปคืน”
“มิน่า ฉันเห็นแกทำตัวเสี่ยก็นึกว่าแอบทำงานจนร่ำรวย ที่ไหนได้ยืมเงินคุณแม่นี่เอง”
“อย่างฉันนี่นะ จะมีเงินหลายสิบล้านไปซื้อคอนโดหรูหราตั้งสองห้อง ฉันไม่ใช่ท่านประธานบริษัทแบบแกนะ หนูนา”
ธนายกนิ้วขึ้นชี้หน้าน้องชาย “อีกล่ะๆ วอนถูกเตะแล้วไหมแก?”
“ได้ๆ ไม่พูดแล้วๆ ค*****นคุณแม่แล้วก็แบ่งให้ฉันใช้ด้วยก็แล้วกัน ตอนนี้ค่าครองชีพมันสูงนะ”
“แต่ฉันได้ยินมาว่าคุณพ่อดีใจที่แกจะไปเรียนบริหารถึงกับโอนเงินให้แกหลายล้านเลยนี่?”
ธเนศยิ้มร้าย “นั่นมันค่าเทอมต่างหาก ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ คุณพ่อว่าให้ขอแก”
“เนศ คนอย่างแก ฉันรู้ ขอทั้งแม่ ทั้งพ่อเลี้ยง ทั้งคุณพ่อ นี่ยังคิดจะขอฉันอีก เมื่อไหร่แกจะโตซะที?”
“เอาไว้ฉันกลับมาดูแลบริษัทค่อยโตก็แล้วกัน ตอนนี้ขอเกาะทุกคนกินไปก่อน แต่ฉันรับรองว่าฉันจะตั้งใจเรียนให้จบเร็วที่สุด คุ้มค่ากับเงินทุกบาทอย่างแน่นอน”
ธนายังคงเดินหน้าโปรเจคที่จะทำบริษัทผลิตกาแฟสำเร็จรูปและร้านกาแฟระดับพรีเมี่ยมให้สำเร็จ บางครั้งเขายังคงมีอาการปวดหัวมารบกวนอยู่บ้างและอารมณ์ของเขาก็หงุดหงิดง่าย ทำให้เนตรดาวที่เคยหวังจะอ่อยท่านประธานหนุ่มไม่ค่อยกล้าเข้าหน้าธนา
น้ำฟ้าที่พยายามแวะเวียนมาเกาะแกะเจอพิษอารมณ์ของธนาเข้าไปก็ถึงกับเผ่นแน่บไม่กล้ามาวุ่นวายอีก
“พี่ธนาเปลี่ยนไปเยอะเลยค่ะน้าเพชร แต่ก่อน ถึงเขาจะไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ออกปากไล่เกรี้ยวกราดแบบนี้ วันก่อนฟ้าอุตส่าห์ไปหา รู้ไหมคะ? เขาทำให้ฟ้าขายหน้าคนทั้งออฟฟิศเขาเลย คุยไปคุยมา จู่ๆ เขาก็ปวดหัวแล้วก็ไล่ฟ้าเสียงดัง ฟ้าไม่เอาแล้วล่ะค่ะ จะหล่อจะรวยแค่ไหน ถ้าบ้าแบบนี้ก็คงไม่ไหว”
น้ำเพชรถอนหายใจ “น้าก็เสียดายเนาะ คนดีๆ มาประสบอุบัติเหตุร้ายขนาดนี้ เอาชีวิตกลับคืนมาได้ก็ดีแล้ว ที่ขาของเขาก็ยังไม่ได้ผ่าเอาเหล็กออกเลยนะ ไม่พิการก็ดีแล้ว”
“ช่างเถอะค่ะ ฟ้าไปเล็งคนอื่นก่อนก็แล้วกัน”
“ฟ้า อย่าว่าน้าวุ่นวายเลยนะ เพื่อนๆ ของหนูน่ะ เลือกคบหน่อยได้ไหม? แต่ละคนมีแต่ข่าวฉาวโฉ่ทั้งนั้น” น้ำเพชรสีหน้ายุ่งยากใจ
หลานสาวของเธอเองก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงกลุ่มนั้น เธอเคยได้ยินเรื่องซุบซิบนินทาเกี่ยวกับหลานสาวของตัวเองมาพอสมควร ลึกๆ ก็นึกดีใจที่น้ำฟ้าเลิกสนใจลูกเลี้ยงของตนเสียที ที่ผ่านมาเธอคิดว่าน้ำฟ้าที่จบการศึกษาในสถาบันการศึกษาชั้นนำจะเป็นผู้หญิงวางตัวได้ดีจึงได้จับคู่ให้กับลูกเลี้ยงหนุ่มหล่ออนาคตไกล แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าน้ำฟ้ามีเพียงเปลือกนอกที่ดูดี แต่ความคิดอ่านกลับชวนให้ส่ายหัว
“นั่นเพื่อนของฟ้านะคะ ครอบครัวพวกเขาก็ร่ำรวยมีหน้ามีตาทั้งนั้น”
“จริงอยู่ครอบครัวของเพื่อนฟ้าร่ำรวยและเป็นที่ยอมรับในวงสังคม แต่พฤติกรรมเละเทะ แม้ต่อหน้าคนอื่นจะแสดงความชื่นชมแต่ลับหลังคนอื่นก็นินทาเสียๆ หายๆ นะ”
“ช่างเขาสิคะ ฟ้าไม่ได้สนใจคำนินทาพวกนั้นซะหน่อย”
น้ำเพชรได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา เธอนึกดีใจแทนสามีที่ไม่ต้องรับสะใภ้นิสัยเสียแบบนี้เข้ามาในครอบครัว หากน้ำฟ้าแต่งงานกับธนาจริง คงจะมีปัญหามาให้แก้ไขไม่หยุดหย่อน
“ตามใจ ฟ้าไม่ฟังคำเตือนของน้าก็แล้วแต่เถอะ”
สามปีผ่านไป...
ผักกาดทำงานอยู่ในบริษัทสกายกิฟต์มาได้สองปีกว่า บริษัทนี้จำหน่ายเมล็ดกาแฟและเครื่องชงกาแฟซึ่งเป็นที่นิยมให้หมู่คนรุ่นใหม่ แม้จะเป็นบริษัทเล็กๆ แต่ยอดขายเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ครอบครัวพิมพ์ประทานเป็นผู้ก่อตั้งและดำเนินกิจการ วรภัทรลูกชายคนโตที่จบการศึกษาระดับปริญญาโทจากสถาบันชั้นนำในประเทศ ได้ไปศึกษาเรื่องเกี่ยวกับกาแฟทั้งในประเทศและต่างประเทศจนเชี่ยวชาญช่ำชอง เขากลับมาช่วยบิดามารดาบริหารกิจการ
“คุณพ่อครับ ถ้าเรากลายเป็นบริษัทในเครือของวินเนอร์ บริษัทก้าวกระโดดแน่นอน เขาพร้อมทั้งเงินทุนและบุคลากร จะช่วยให้เราเติบโตได้อีกมาก
อีกอย่างเรากับเขาถือหุ้นคนละครึ่ง ผมว่าคราวนี้เราทำเงินได้อีกหลายสิบล้านแน่”
“พ่อก็อ่านเงื่อนไขของเขาแล้ว ถือว่าเป็นโอกาสของเรา”
“ครับ สำหรับเขาก็ถือว่าเป็นการขยายฐานผู้บริโภคและทำให้คนเชื่อถือในแบรนด์เหมือนกัน ร้านกาแฟต้นแบบของเขาชื่อเสียงและรสชาติยังสู้ของเราไม่ได้ ผู้บริหารวินเนอร์วิสัยทัศน์ดีจริงๆ เข้าหุ้นกับเราแล้วใช้แบรนด์เราไปต่อยอด นับว่าเป็นเรื่องที่ฉลาดมาก”
“เขาจะใช้ชื่อสกายกิฟต์ไปทำกาแฟสำเร็จรูปด้วยเหรอ?”
“ครับ เห็นว่าตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงก่อสร้างโรงงาน หลังจากที่ขยายสาขาสกายกิฟต์ได้มากกว่าห้าสิบสาขาแล้วก็จะผลิตกาแฟสำเร็จรูปออกมาจำหน่าย”
“อืม เพราะงี้นี่เองถึงได้ไม่ก้าวก่ายการบริหารงานของสกายกิฟต์ เขาคิดจะนำชื่อแบรนด์ไปสร้างเงินมหาศาล ส่วนนี้จึงมอบให้เราดูแล”
“เขาเป็นบริษัทใหญ่ขนาดนั้น มาขอร่วมมือกับเรา เป็นโอกาสที่หาได้ยากครับคุณพ่อ”
เมื่อคนในครอบครัวเห็นดีเห็นงาม พนักงานในสกายกิฟต์จึงได้รับข่าวดีในวันต่อมา มีเพียงผักกาดเท่านั้นที่หน้าซีดจนเพื่อนร่วมงานหันไปมองด้วยความประหลาดใจ
หลังประชุมเสร็จ เป็นเวลาพักกลางวัน ผักกาดไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวกับเพื่อนร่วมงานด้วยอาการใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ผัก เป็นอะไร? พี่เห็นเธอหน้าตาไม่ดีตั้งแต่ประชุมแล้ว ไม่ดีใจเหรอที่บริษัทเรากำลังจะกลายเป็นบริษัทใหญ่” พราวพรายทักขึ้น
“ค่ะ ก็ดีค่ะ”
“ดีอะไร? หน้าตาเธอมันดูเศร้าแปลกๆ”
หญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยื่นหน้ามาหา “พี่พราว ได้ยินว่าประธานบริษัทวินเนอร์เป็นหนุ่มหล่อแถมยังโสดซะด้วย เราจะได้เห็นเขาไหมพี่?”
“ยายปุ้ย ไปเอามาจากไหนอีกล่ะ? ข่าวผู้ชายนี่เร็วนักเชียว”
“ก็นี่ไงพี่? พอคุณภัทรพูดเรื่องร่วมหุ้นกับบริษัทวินเนอร์ ปุ้ยก็เปิดดูทันที ดูสิคะ หล่อมากๆ ยังกับพระเอกซีรีย์จีน” ปุ้ยยื่นโทรศัพท์มือถือที่เปิดภาพของธนา ให้พราวพรายดู
“อืม หล่อจริงๆ แฮะ แต่หล่อแล้วก็รวยระดับนี้ เขาไม่สนใจพนักงานกระจอกๆ อย่างพวกเราหรอก อีกอย่าง บริษัทเราก็แค่บริษัทในเครือ เขาจะเหยียบเข้ามาหรือเปล่าก็ไม่รู้?”
“จริงด้วย เขามีบริษัทในเครือตั้งเยอะนี่เนาะ คงไม่มาที่ออฟฟิศเราหรอก”
******************