หญิงสาวก้าวเท้าไปตามเส้นทางดินที่ทิ้งร่องรอยของม้าและล้อรถต่างๆ เอาไว้ ฝีเท้าเร็วกว่าปกติเล็กน้อย อย่างน้อยๆ ถ้านางออกจากที่นี่ในคืนนี้ไม่ได้ นางก็ควรจะได้พบที่พักพิงเพื่อหลบภัยเมื่อฟ้ามืด
ระยะทางช่างมืดมนและยาวนานเหลือเกิน เอวาหอบหายใจน้อยๆ ลำคอแห้งผากเพราะกระหายน้ำไปหมด เรี่ยวแรงของนางก็ชักจะไม่มีหลงเหลือแล้ว เห็นทีจะต้องรีบหาที่พักในตอนนี้ก่อนที่จะหมดแรงแล้วสลบไป
หากทว่าไม่ทันที่นางจะได้เหลียวซ้ายแลขวาเพื่อหาที่พัก
หูของนางก็ได้ยินเสียงรถม้าเคลื่อนผ่าน
นางได้ยินไม่ผิดแน่...เป็นรถม้าหลายคันเสียด้วย ทำให้นางต้องกลั้นใจแล้วรวบรวมแรงที่เหลืออยู่ออกวิ่งไปตามเสียงนั้น ขณะเดียวกันก็เปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
“ใครที่อยู่ตรงนั้น! ใครก็ได้! ช่วยข้าที! ช่วยด้วย!”
เสียงนั้นดังก้องป่าไม่หยุดยั้ง บรรดาคนที่ควบรถม้าอยู่พากันหยุดเพื่อฟังเสียงร้องของหญิงสาว ก่อนที่นางจะโผล่หน้าออกมาจากป่าทางหนึ่งพร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดพรายขึ้นบนหน้า
“ขะ...ข้าขอไปด้วย...”
น้ำเสียงนั้นเจือเสียงหอบ แต่นางก็หาได้สนใจนอกจากมองไปยังกลุ่มชายฉกรรจ์เบื้องหน้าที่แต่งตัวมอมแมมราวกับไปคลุกดินคลุกฝุ่นมา
คนพวกนั้นคือคนงานเหมือง เอวารู้ทันทีในแวบแรกที่เห็นเพราะคนพวกนั้นไม่ได้เทียมรถม้าบรรทุกคนมา แต่เทียมรถม้าที่บรรทุกเศษดินซึ่งเต็มไปด้วยเพชรพลอยมาต่างหาก นางเพิ่งตระหนักได้ว่าเคยได้ยินว่าในป่าลึกของอาณาจักรมีเหมืองแร่เพชรพลอยอยู่
ซึ่งคนงานส่วนใหญ่จะเป็นคนแคระ แต่...เท่าที่เห็น ไม่เหมือนกับว่าคนงานพวกนั้นจะเป็นคนแคระเลยแม้แต่น้อย เป็นชายฉกรรจ์มีรูปร่างสูงใหญ่ไม่ต่างอะไรจากชายทั่วไปในราชสำนักที่นางเคยเห็น
แต่กระนั้นเอวาก็ไม่สนใจแล้ว นอกเสียจากย้ำคำขอร้องของนางไป
อีกครั้ง
“ข้าขอตามพวกท่านไปด้วยได้ไหม”
ไม่รู้หรอกว่าพวกผู้ชายตรงหน้านั้นจะไปไหนกัน รู้แต่ว่าหากนางตามไปแล้ว นางก็อาจจะได้ที่พักพิงในคืนนี้ หรืออย่างน้อยก็อาจจะได้ไปอยู่ในที่ปลอดภัยกว่าในป่าลึกเช่นนี้ ขณะที่เหล่าชายพวกนั้นมองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร
เอวาเห็นท่าทางนั้นแล้วก็ใจไม่ดี เกรงเหลือเกินว่าพวกเขาจะไม่รับนางไปด้วย ก็แน่ล่ะ นางเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ จู่ๆ โผล่มากลางป่าแล้วขอติดสอยห้อยตามไปด้วย ใครจะให้นางไปกันล่ะ
และนั่นก็ทำให้เอวาตระหนักขึ้นมาได้ว่านางควรมีสิ่งของแลกเปลี่ยน พลันมือก็เอื้อมไปปลดสร้อยที่สวมอยู่ แล้วยื่นออกไปตรงหน้า
“นี่...ข้ามีนี่ ข้าจะให้กับพวกท่านหลังจากที่พวกท่านพาข้าไปด้วยนะ เอาไหม”
ยังคงไร้การตอบรับจากชายเหล่านั้นอยู่ดี พวกเขามองหน้ากันนิ่งราวกับปรึกษาหารืออะไรกันอยู่ ขณะที่เอวาย้ำอีกครั้ง
“ข้าจะให้พวกท่านจริงๆ นะ สร้อยนี้มีมูลค่ามาก หากพวกท่านเอาไปขาย ข้ามั่นใจว่าจะต้องได้เหรียญทองอย่างงาม”
นางพยายามสร้างความสนใจ โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำนั้นช่างโง่เง่าเกินทน เพราะผู้ชายพวกนั้นมองหน้ากันแล้วก็พยักหน้าน้อยๆ ราวกับตกลงอะไรบางอย่างได้ ก่อนที่ชายสองถึงสามคนจะตรงมายังนาง เอวาก็รู้สึกถึงความผิดปกตินี้ได้ดี
ทำไมถึงไม่พูดอะไรกับนางสักคำเลยล่ะ?
ไม่พูดไม่ว่า ยังจะย่างสามขุนเข้ามาใกล้เสียจนเอวาต้องรีบดึงสร้อยกลับมาสวมที่คออย่างเดิม
“แต่ข้าจะขอให้พวกท่านตอนที่พวกท่านพาข้าไปถึงที่หมายแล้ว ขะ...ข้ายังไม่ให้ตอนนี้”
นางต่อรอง ไม่ยอมมอบของมีค่าชิ้นสุดท้ายที่ติดตัวมาให้ไป ด้วยเกรงว่าหากคนพวกนั้นได้ของจากนางไปแล้ว จะไม่ยอมให้นางไปด้วย
ทว่า...สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่แค่เพียงสร้อยเท่านั้น แต่ต้องการตัวของนางด้วย
พลันชายคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาคว้าแขนนางเอาไว้ เอวายื้อร่างกายตัวเองไว้แล้วกระชากกลับมาเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุม
“ทำอะไรน่ะ!”
นางถามหน้าตาตื่น เริ่มรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากลมากขึ้น ก่อนที่ชายคนที่ยื่นมือมาจับนางจะแค่นยิ้มออกมา
“ชู่ว์ ไม่ต้องกลัวไปสาวน้อย พวกข้าแค่อยากจะเล่นสนุกกับเจ้าเท่านั้น”
รอยยิ้มนั้นช่างน่าขยะแขยง แต่ที่น่าขยะแขยงไปกว่านั้นก็คือวาจากำเริบเสิบสานของอีกฝ่าย เอวาก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว ขณะที่ดวงตาก็ปราดมองไปยังชายเบื้องหน้าทั้งสามอย่างระแวดระวัง
“ละ...เล่นอะไร”
“ยังไม่รู้อีกรึว่าพวกข้าจะเล่นอะไร”
ชายอีกคนว่าขึ้นมา เอวาเสียวสันหลังวาบ ขนลุกชันไปทั้งตัว
ไยนางจะไม่รู้กันล่ะว่าคำว่า ‘เล่นสนุก’ ของชายพวกนี้หมายความว่าอะไร ถ้าไม่ได้หมายความว่าพวกเขาหมายจะข่มขืนนางน่ะ!
ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว เอวารีบหมุนตัวแล้วออกวิ่งอย่างเต็มฝีเท้า