บทที่ 1 แม่เลี้ยงสโนว์ไวท์ 1

774 คำ
‘เอวา’ ควบม้าที่มึนเมาไปด้วยฤทธิ์ของเบียร์หมักเข้าไปในป่าอย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง หนแรกนางคิดแต่เพียงว่าต้องออกมาจากอาณาจักรบ้าๆ นั่นเพื่อให้ตนมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น โดยไม่ทันคิดเลยว่าการควบม้ามาอย่างไร้จุดหมายอย่างนี้ จะทำให้นางต้องพลัดหลงในท้ายที่สุด “อยู่ที่ไหนกันนะ...” เสียงหวานครางแผ่วเล็ดลอดกลีบปากสีสด นางมองซ้ายขวาก็เห็นแต่สองข้างทางที่ไม่ชินตา อย่าว่าเป็นเพราะหลงป่าเลย แม้แต่ละแวกข้างทางภายในอาราจักรโง่เง่านั่น นางก็หาได้คุ้นชินด้วยไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนเท่าไรนัก ทั้งตอนที่ยังเป็นบุตรสาวของ ขุนนางผู้ใหญ่ และตอนที่เป็นราชินีของพระราชาบ้าตัณหานั่น นางล้วนถูกสั่งให้อยู่แต่ในที่รโหฐาน ที่ที่นางสามารถออกมาได้ไกลสุดก็คือสวนดอกไม้ในพระราชวังเท่านั้น เมื่อในตอนนี้ต้องมาอยู่กลางป่าลึกเพียงลำพังกับม้าไม่สมประดี นางก็ทั้งระแวงและหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ตนควรไปที่หนทางใด เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่ป่ารกชัฏจนนางต้องหลั่งน้ำตาออกมาราวคนไร้หนทาง “ข้าควรจะไปทางไหนต่อดีเจ้าม้า...” อาชาตัวเขื่องเป็นเสมือนที่พึ่งสุดท้ายที่พึ่งพาไม่ค่อยได้ สักเท่าไร สองแขนเรียวต้องใช้แรงอย่างมากทีเดียวในการกุมบังเ**ยนเพื่อบังคับให้มันอยู่ในทิศทางที่จะควบขี่ไปเบื้องหน้า และเมื่อนางไม่ได้รับคำตอบจากเจ้าม้า นางก็ได้แต่ยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วมองไปยังทางข้างหน้าเท่านั้น ทางนี้มีร่องรอยของการเดินทางอยู่ อาจจะเป็นเส้นทางที่พวกนักเดินทางใช้เป็นทางหลักก็ได้ ถ้าอย่างนั้น...นางก็คงจะมีแค่เส้นทางนี้ที่ต้องไป เอวามุ่งหน้าไปตามเส้นทางนั้น ใจหมายว่ามันจะทำให้นางได้ไปพบที่พักพิงสักที่ได้ แต่...นางก็ไม่รู้เลยว่าอีกไกลแค่ไหนจะหลุดพ้นไปจากป่าลึกแห่งนี้ได้ ยิ่งไปตามเส้นทางนั้นก็ยิ่งเข้าไปลึกมากยิ่งขึ้น ตะวันเริ่มลับขอบฟ้าแล้ว ทั้งเอวาและม้าต่างพากันเหนื่อยอ่อน ทว่าดูเหมือน เจ้าม้าจะใจเสาะกว่านางนัก เพราะไม่นานมันก็เริ่มเดินเซไปเซมา เริ่มบังคับไม่ค่อยอยู่จนทำให้เอวาต้องคอยดึงบังเ**ยนบ่อยครั้ง “เฮ้ๆ...ไม่เอาน่า ไม่ทำกันเช่นนี้สิ” นางว่าเสียงเครียด อย่างน้อยก็ช่วยให้นางหลุดออกจากป่านี่ไปก่อน ไปพบตะเข็บชายอาณาจักรหรือกระท่อมบ้านพักของใครก็ได้สักหน่อยเถอะ แต่เจ้าม้าดูไม่ให้ความร่วมมือเลยแม้แต่น้อย เพราะนอกจากจะเซไปเซมาไม่ยอมหยุดแล้ว มันยังหมอบลงนั่งเอาดื้อๆ จนร่างของหญิงสาวร่วงหล่นจากหลังมันอีกด้วย “โอ๊ย!” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นทันทีที่ร่างหล่นกระแทกพื้น เอวาพยายามจะดันตัวลุกขึ้น แต่อาภรณ์ที่นางสวมใส่อยู่ช่างรุงรังจนลุกได้ยากเหลือเกิน อะไรไม่ว่า เจ้าม้าที่ดูจะหมดเรี่ยวแรงเพราะฤทธิ์เบียร์รอมร่อ จู่ๆ ก็ลุกขึ้นพรวดแล้วห้อตะบึงไปข้างหน้า ทิ้งนางเอาไว้เบื้องหลังเสียอย่างนั้น เอวาเบิกตาโต ร้องเสียงดังลั่น “เจ้าม้า!” ไร้ซึ่งการตอบรับใดๆ ก่อนที่จะมีเสียงแมลงเล็กน้อยดังแว่วมาให้ได้ยินเมื่อเสียงของนางเงียบลง พระเจ้าเมตตานางจริงๆ อย่างนั้นหรือ? หรือแค่หมายจะกลั่นแกล้งเล่นเพื่อที่จะดูว่าสตรีตัวเล็กๆ อย่างนางจะทำอย่างไรต่อไปเมื่อมีโอกาสได้รอดชีวิตแล้ว? ช่างน่าชิงชังนัก! เอวาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก่นด่าพระเจ้าในใจ ก่อนจะดันตัวขึ้นลุกอย่างยากลำบาก ใจอยากจะฉีกทึ้งเสื้อผ้ารุ่มร่ามนี้ทิ้งนัก ทว่าก็ไม่ได้ทำด้วยเกรงว่าตนจะเหนื่อยจนไม่มีแรงเดินทางต่อ อย่างที่นางเห็น พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินเต็มทีแล้ว หากนางยังออกไม่พ้นป่าแห่งนี้ มีหวังถ้าไม่เป็นไข้ป่าตาย ก็คงจะถูกสัตว์ร้ายที่ออกหากินในยามวิกาลฉีกขย้ำให้ตายอย่างน่าอนาถเป็นแน่ ซึ่งนางไม่ยอมตายง่ายๆ หรอก!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม